กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา! นิยาย บท 237

กระบี่จงมา – บทที่ 237 หนึ่งภูเขายังมีหนึ่งภูเขาที่สูงกว่า
บทที่ 237 หนึ่งภูเขายังมีหนึ่งภูเขาที่สูงกว่า
โดย
ProjectZyphon
ชายป่าเปลี่ยวร้าง คืนเดือนดับลมราตรีพัดกระโชกแรง เหมาะกับการสังหารคนปล้นทรัพย์ แล้วก็เหมาะกับการกำจัดปีศาจปราบมาร แค่ต้องดูที่ว่าธรรมะสูงหนึ่งฉื่อ หรืออธรรมสูงหนึ่งจั้ง

นอกวัดโบราณที่ทรุดโทรมของแคว้นซูสุ่ยมีเสียงหัวเราะคิกคักพลิ้วหวานดังแว่วมา สุดท้ายเป็นเสียงเคาะประตูที่ดังเป็นระลอก ชายฉกรรจ์เคราดกหันมามองเฉินผิงอันแวบหนึ่ง ก่อนมองไปยังจางซานเฟิง เอ่ยสัพยอกว่า “พวกเจ้าสองคนใครจะไปรับแขก? หากข้าไปเปิดประตูคงทำให้ปีศาจเพศเมียพวกนี้ตกใจเป็นแน่ ถึงเวลานั้นอีกฝ่ายไม่พูดพร่ำทำเพลงก็เผ่นหนีไปก่อน จะทำอย่างไร?”

นักพรตจางซานเฟิงตบอกตัวเอง “ข้านักพรตน้อยหน้าตาหล่อเหลากว่าเฉินผิงอันนิดหน่อย…”

หลิ่วชื่อเฉิงสะดุ้งตื่นสะลึมสะลือเพราะเสียงกระดิ่งสดับปีศาจ พอได้ยินว่ามีปีศาจเพศเมียก็นึกถึงปีศาจจิ้งจอกที่งดงามในนิทานเทพเซียนและเรื่องประหลาดทันที ความกล้าพลันบังเกิด รีบลุกขึ้นมาจากผ้าปูรองนอน โหวกเหวกเสียงดังว่า “ข้าไปเองๆ พวกภูตผีปีศาจที่ถูกพูดถึงในตำราชอบบัณฑิตผู้อ่อนแอมากที่สุด พวกเจ้าสามคนถ้าไม่พกดาบก็สะพายกระบี่ ข้านี่แหละเหมาะสมที่สุด แต่บอกไว้ก่อนว่า หากเจอกับปีศาจที่ดี พวกเรามีอะไรก็พูดกันดีๆ หากนางยอมใช้ราตรีวสันต์ร่วมกับข้าหนึ่งเค่อ พวกเจ้าก็อย่าขัดขวาง แต่หากเจอผีร้ายที่กินคน พวกเจ้าก็ต้องช่วยข้าด้วย!”

หลิ่วชื่อเฉิงวิ่งตุปัดตุเป๋ไปเปิดประตู ลมหอบใหญ่พัดกระโชกเข้ามาจนบัณฑิตยากจนลืมตาไม่ขึ้น จากนั้นก็รู้สึกเพียงว่ามีลมหอมๆ พัดผ่าน ข้างกายแว่วเสียงหวานดุจกระดิ่งเงินของคนสองคน และยังมีชายแขนเสื้อที่ทำจากผ้าแพรต่วนอ่อนนุ่มนิ่มละเอียดลูบไล้ผ่านใบหน้าของเขาไป ทำเอาหลิ่วชื่อเฉิงรู้สึกเคลิบเคลิ้ม ก่อนจะรีบปิดประตูลง รอจนลมหยุดพัดแล้ว เขาหันตัวกลับไปเพ่งตามองถึงเห็นหญิงสาวหน้าตางดงามสามคน สองคนในนั้นยิ้มหวานหยาดเยิ้มพุ่งเข้าไปยังกองไฟที่พวกชายฉกรรจ์เคราดกสามคนนั่งอยู่ เรือนกายของพวกนางอวบอิ่ม แค่มองแผ่นหลังก็ทำเอาจิตใจของหลิ่วชื่อเฉิงวูบไหว และยังมีดรุณีน้อยที่อายุอ่อนกว่าอีกคนหนึ่ง นางสวมกระโปรงยาวสีชมพูอ่อน สวมรองเท้าปักลายบุปผา ยืนอยู่ตรงหน้าห่างจากหลิ่วชื่อเฉิงไม่ไกลด้วยท่าทางขลาดเขิน นิ้วมือของนางที่ขยุ้มกระโปรงบิดเกร็ง เมื่อเทียบกับพี่สาวคนงามที่มีนิสัยเปิดกว้างสองคนนั้นแล้ว นางที่อยู่ในสายตาของหลิ่วชื่อเฉิงเป็นดั่งหยกงามในตระกูลเล็ก มองแล้วน่าประทับใจมากกว่า

ชายฉกรรจ์กำลังนั่งขัดสมาธิดื่มเหล้า ตรงหน้าอกของหญิงสาวสองคนที่สวมอาภรณ์อย่าง ‘ใจกว้าง’ เผยภาพทิวทัศน์โค้งนูนขาวละลานตา นักพรตหนุ่มที่หน้าบางมองเห็นแล้วก็หน้าแดงก่ำ ส่วนเฉินผิงอันกำลังโยนกิ่งไม้แห้งเข้าไปในกองไฟ เสียงกิ่งไม้ปริแตกลั่นดังเปรี๊ยะๆ อย่างต่อเนื่อง

สาวงามที่ ‘หน้าอกมีร่องลึก’ สองคนนี้มีริ้วน้ำวูบผ่านนัยน์ตา เพียงไม่นานก็เลือกคนที่ถูกใจตัวเองได้ คนหนึ่งนั่งลงข้างกายนักพรตหนุ่ม อีกคนหนึ่งนั่งลงข้างกายเฉินผิงอัน เดิมทีชายฉกรรจ์กางแขนสองข้างออกกว้างแล้ว ผลกลับกลายเป็นว่าต้องแข็งค้างอยู่ในท่านั้น อึ้งไปครู่หนึ่งก็ได้แต่หยิบเหล้าขึ้นมาดื่มบดบังสภาพอันน่ากระอักกระอ่วนของตัวเอง

หญิงสาวงามหยาดเยิ้มที่นั่งอยู่ข้างกายจางซานเฟิงใช้มือหนึ่งวางทาบลงบนตำแหน่งคอเสื้อ มองดูคล้ายต้องการปกปิดทิวทัศน์งดงามอย่างคนสำรวมกิริยา แต่แท้จริงแล้วกลับออกแรงกดคอเสื้อลงเบื้องล่าง กลายเป็นว่าอาทิตย์ขึ้นตะวันออกฝนตกตะวันตก สาบเสื้อยิ่งรัดรึงอวดส่วนโค้งนูน แค่นางหายใจ สิ่งที่อยู่ด้านใต้ก็อาจจะปริทะลุเสื้อออกมา นางใช้ไหล่ของตัวเองถูไหล่นักพรตหนุ่มเบาๆ พลางถามด้วยน้ำเสียงหวานหยด “โอ้โห นักพรตน้อย สะพายกระบี่ไม้ด้วยหรือนี่ ใช่กระบี่ไม้ท้อในตำนานหรือไม่? ไม่สู้ชักกระบี่ออกจากฝัก ให้พี่สาวดูหน่อยว่าสั้นหรือยาว?”

นักพรตจางซานเฟิงหัวหูแดงก่ำ ไม่กล้าต่อปากต่อคำ

หญิงสาวที่นั่งแพะพิงเฉินผิงอันมีใบหน้ารูปผลแตง คิ้วตาเปล่งประกายสดใส มือทั้งคู่เรียวบางเหมือนต้นหอมฤดูใบไม้ผลิ น้ำเสียงนุ่มนวล “คุณชายท่านนี้ ข้าน้อยกับเหล่าพี่น้องออกเดินทางคืนนี้ลมภูเขาพัดแรงยิ่งนัก ทำเอามือน้อยๆ ของข้าเย็นเฉียบไปหมด ไม่เชื่อคุณชายลองจับดูสิ”

เฉินผิงอันชี้ไปที่กองไฟ เอ่ยยิ้มๆ ว่า “แม่นางมือเย็นก็อังไฟ อีกเดี๋ยวมือก็จะอุ่นขึ้นได้เอง”

เด็กสาวชุดกระโปรงชมพูรองเท้าปักลายดอกไม้ผู้นั้นไม่ได้เข้ามาร่วมวงด้วย นางนั่งอยู่อีกฝั่งหนึ่งของกองไฟเพียงลำพัง ก้มหน้ายื่นมือออกไป หลิ่วชื่อเฉิงนั่งลงข้างกายนาง เป็นฝ่ายชวนคุยด้วยรอยยิ้มก่อน “แม่นางน้อย พวกเจ้าใช่คนของแคว้นซูสุ่ยหรือไม่?”

เด็กสาวพยักหน้ารับเบาๆ เงยหน้าขึ้น ขนตาขยับกระพือเล็กน้อย ทำท่าจะพูดแต่ก็ไม่พูด

ชายฉกรรจ์เคราดกชำเลืองตามองไปยังริมขอบรองเท้าปักลายของเด็กสาว จากนั้นก็มองไปยังหญิงสาวรูปร่างอวบอิ่มงดงามทั้งสอง พูดยิ้มๆ ว่า “นอกจากแม่นางน้อยคนนี้ที่รองเท้าเปื้อนดินโคลน เหตุใดพี่สาวสองคนนี้เดินทางมาตั้งไกล แต่รองเท้ากลับสะอาดเอี่ยมไม่มีฝุ่นเกาะสักเม็ด? คงไม่ใช่ภูตผีที่ถือกำเนิดขึ้นมาในภูเขาหรอกนะ? ถ้าอย่างนั้นพวกเราสี่คนก็ซวยแล้ว ถึงเวลานั้นคงต้องขอร้องพี่สาวทั้งสองให้ช่วยจัดการพวกเราโดยเร็ว ตายเป็นผีอยู่ใต้ดอกโบตั๋นก็นับเป็นวาสนา หึหึ ไม่ทราบว่าพี่สาวทั้งหลายมีความเห็นอย่างไร?”

หลิ่วชื่อเฉิงหัวเราะร่า “พี่สาวสองคนนี้หน้าตางามล้ำที่สุดในแผ่นดินขนาดนี้ จะเป็นภูตผีปีศาจไปได้อย่างไร หน้าตาสะท้อนมาจากจิตใจ เป็นไปไม่ได้ๆ ถอยไปพูดหนึ่งหมื่นก้าว ต่อให้เป็นภูตผีปีศาจจริงๆ ถ้าอย่างนั้นก็ต้องเป็นผีดีที่มือสะอาด คืนนี้พวกเราดื่มสุรามองบุปผา แม้ว่าจะอยู่กันคนละโลก แต่ในเมื่อผีกับคนได้พบกันก็สามารถดื่มเหล้าเคล้าลมวสันต์ร่วมกันสักจอก นั่นต่างหากถึงจะเป็นเรื่องสง่างามอย่างแท้จริง พี่สาวทั้งหลายว่าถูกไหม? อีกเดี๋ยวอย่าได้ดื่มเหล้าจนเมามายเด็ดขาด ถ้าไม่ระวังเผยร่างผีที่น่ากลัวออกมา คงไม่สวยแน่ๆ”

สตรีงดงามสองคนหันมามองหน้าและยิ้มให้กัน สร้างหายนะให้ผู้คนอยู่ที่นี่มาร้อยกว่าปี นี่เป็นครั้งแรกที่เจอคนที่ไม่ยี่หระกับสิ่งใดได้ถึงขนาดนี้ พวกเขาเป็นยอดฝีมือถนัดศาสตร์และศิลป์ที่ใจกล้า หรือเป็นลูกนกที่เพิ่งออกจากรัง ถึงได้ไม่รู้ความร้ายกาจของภูตผีในภูเขาและแม่น้ำ? พวกนางคนหนึ่งปิดปากหัวเราะคิกคัก อีกคนหนึ่งถึงกับกุมท้องหัวเราะก๊าก เดี๋ยวโน้มร่างไปข้างหน้าเดี๋ยวเอนหงายไปข้างหลัง หน้าอกขาวผ่องกระเพื่อมระรัวจนหลิ่วชื่อเฉิงที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามกลืนน้ำลาย

เด็กสาวคนนั้นพลันเงยหน้าขึ้นมา เผยให้เห็นสีหน้าซีดขาว กรีดร้องเสียงแหลม “พวกเจ้ารีบหนีไปเร็ว! พวกนางคือ…”

สาวงามฝั่งตรงข้ามที่ปิดปากหัวเราะสีหน้าตึงเครียดขึ้นมาในบัดดล ชายแขนเสื้อยาวข้างหนึ่งพุ่งออกไป โจมตีเข้าที่หน้าผากของเด็กสาวจนเด็กสาวผงะหงายล้มผลึ่งไปด้านหลัง กลางหว่างคิ้วปูดบวมแดงเป็นแถบ

หลิ่วชื่อเฉิงที่นั่งอยู่ข้างกายเด็กสาวตกใจสะดุ้งโหยง

แทบจะเวลาเดียวกันนั้น นักพรตจางซานเฟิงก็ประกบสองนิ้วเข้าด้วยกันแล้วทำมุทราคาถากระบี่ กระบี่ไม้ท้อที่อยู่ด้านหลังพุ่งพรวดออกมา ตวัดเป็นเส้นโค้งเส้นหนึ่งอยู่กลางอากาศอย่างรวดเร็ว แล้วพุ่งเข้าแทงแผ่นหลังของหญิงสาวที่ลงมือโดยตรง หญิงสาวถูกกระบี่ไม้แทงทะลุร่างจึงล้มฟุบหน้าคว่ำลงไปบนพื้น ไม่มีภาพที่เลือดสดพุ่งทะลัก กระบี่ไม้ที่ประกายแสงวิเศษไหลเวียนวนเหมือนปักตรึงเข้าไปในอาภรณ์ที่ว่างเปล่าชิ้นหนึ่งเท่านั้น

ใบหน้าและเรือนกายของหญิงสาวบิดเบือนรุนแรง เห็นได้ชัดว่านางไม่ใช่ปีศาจที่ฝึกตนจนจำแลงร่างกลายเป็นคนได้ แต่เป็นพวกภูตผีที่ไม่มีร่างแท้จริงให้สิงสู่ เห็นเพียงว่าทั้งร่างของผีสาวกลายเป็นควันดำซัดตลบอบอวล ดิ้นรนอย่างต่อเนื่อง พยายามจะหนีไปให้ห่างกองไฟ แต่กลับไม่สามารถสลัดหลุดพ้นพันธนาการของกระบี่ไม้ท้อที่ปักเอียงอยู่บนพื้นดิน เหมือนสัตว์ป่าตัวหนึ่งที่ถูกโซ่ตรวนพันไว้อย่างแน่นหนา

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา!