กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา! นิยาย บท 238

กระบี่จงมา – บทที่ 238.1 ร้อนน้อยผ่านไป ลมวสันต์ยังคงอยู่
บทที่ 238.1 ร้อนน้อยผ่านไป ลมวสันต์ยังคงอยู่
โดย
ProjectZyphon
สีหน้าของหัวหน้ามารร้ายที่ลักษณะคล้ายเด็กหญิงเดี๋ยวซีดเดี๋ยวคล้ำ “ซ่งอวี่เซา วันนี้เจ้าตัดสินใจเด็ดขาดว่าจะแตกหักกับข้าผู้เป็นเซียนแล้วอย่างนั้นรึ?”

ผู้เฒ่าชุดดำหยิบปฏิทินโหราศาสตร์เล่มเก่าออกมาจากสาบเสื้อ พลิกเปิดไปหน้าหนึ่ง จิ้มนิ้ววางไปยังตำแหน่งหนึ่งของหน้า ท่องเบาๆ ว่า “เหมาะให้รักษาศีลทำความดี เหมาะให้แสวงหาโชคลาภ”

ผู้เฒ่าเก็บปฏิทินโหราศาสตร์เล่มเก่าลงไป มือคว้าด้ามกระบี่สีทองสัมฤทธิ์เล่มนั้นสอดไว้ในฝัก ชี้มายังเด็กสาวแล้วกล่าวว่า “อนุญาตให้เจ้าใช้เงินฟาดเคราะห์”

เด็กสาวรู้กฎในยุทธภพของผู้เฒ่าประหลาดที่อยู่ตรงหน้าผู้นี้ดี ไม่พูดพร่ำทำเพลงก็ควักเหรียญหยกเหลืองชิ้นหนึ่งออกจากมาสาบเสื้อ ด้านหลักของเหรียญนี้สลักคำว่า ‘ออกเหมยเข้าร้อนจัด’ ฝั่งตรงข้ามคือ ‘อสนีกัมปนาทฟาดฟ้า’ เงินหยกประเภทนี้ก็เหมือนกับเงินเกล็ดหิมะ ต่างก็เป็นเหรียญที่เทพเซียนบนภูเขาใช้ซื้อขายแลกเปลี่ยน เงินหยกที่อยู่ในมือของเด็กสาวชิ้นนี้มีชื่อเล่นว่า ‘เงินร้อนน้อย’ (ร้อนน้อยในที่นี้หมายถึงช่วงฤดูกาลของชาวจีน หมายถึงช่วงที่เริ่มร้อน แต่ยังร้อนน้อย จะตรงกับประมาณช่วง 6-8 กค.) เมื่อเทียบกับเงินเกล็ดหิมะแล้ว มูลค่าก็คล้ายกับการเปรียบเทียบระหว่างเหรียญทองแดงกับก้อนตำลึงเงินของชาวบ้านร้านตลาดที่มีความแตกต่างกันสูงมาก

นางโยนเงินร้อนน้อยนี้ไปให้แก่ผู้เฒ่าชุดดำเบาๆ ไม่เพียงแต่ไม่ทิ้งคำอาฆาตไว้ กลับยังแย้มยิ้มให้เขาดุจบุปผาผลิบาน “ไม่ตีกันก็ไม่ได้รู้จักกัน หวังว่าวันหน้าเมื่อข้าผู้เป็นเซียนไปเยือนหมู่บ้านวารีกระบี่ ท่านผู้เฒ่าหัวหน้าหมู่บ้านจะไม่ขับไล่ไสส่ง”

ผู้เฒ่าชุดดำรับเงินร้อนน้อยมาด้วยสีหน้าไร้อารมณ์ ปล่อยให้เด็กสาวกลายร่างเป็นควันดำเข้มข้นกลุ่มหนึ่งที่ค่อยๆ เคลื่อนตัวไปจากวัดโบราณ

ปรมาจารย์วิถีกระบี่ที่มีชื่อว่าซ่งอวี่เซาคนนี้ดีดนิ้วเบาๆ หนึ่งทีก็มีลมเย็นหลายขุมที่เหมือนลูกธนูพุ่งไปสัมผัสตามช่องลมปราณหลายจุดตรงหัวใจของชายฉกรรจ์เคราดกกับนักพรตหนุ่ม เดิมทีคนทั้งสองถูกมารสาวสกัดจุดเล่นงาน ปากพูดไม่ได้ ตัวขยับไม่ได้ เมื่อเวลาผ่านไป ตราผนึกย่อมคลายออกด้วยตัวเอง แต่หากผู้เฒ่าไม่ได้ปรากฏตัว ในเวลาสั้นๆ นี้ก็คงต้องให้เฉินผิงอันรับมือกับศัตรูเพียงลำพังไปก่อน

นี่เป็นครั้งแรกที่จางซานเฟิงได้ลิ้มรสวิชาการสกัดจุดของยอดฝีมือในยุทธภพ หลังจากได้อิสระกลับคืนมาอีกครั้ง เขาก็รีบหอบหายใจเฮือกใหญ่ แต่กระนั้นก็ยังรู้สึกไม่ค่อยสบายตัวเท่าใดนัก

เดิมทีสวีหย่วนเสียก็เป็นผู้ฝึกยุทธเต็มตัวที่มีวรยุทธ์เลิศล้ำอยู่แล้ว คราวนี้ต้องมาเสียท่า ใบหน้าใบหูจึงแดงก่ำด้วยความอับอายอย่างเลี่ยงไม่ได้ เขาหันไปกุมมือคารวะผู้เฒ่า “ขอบคุณอริยะกระบี่ซ่งที่ยึดถือความเป็นธรรมให้ความช่วยเหลือ!”

ผู้เฒ่าชุดดำเป็นคนมีนิสัยประหลาด ได้ยินแล้วก็ทำเป็นไม่สนใจ เดินดิ่งไปที่ข้างกองไฟแล้วนั่งขัดสมาธิ วางกระบี่พาดไว้บนหัวเข่า เริ่มหลับตาทำสมาธิ

สวีหย่วนเสียจึงกดเสียงลงต่ำเล่าเรื่องราวในยุทธภพให้จางซานเฟิงกับเฉินผิงอันฟังคร่าวๆ

แถบตอนกลางของแจกันสมบัติทวีป โดยเฉพาะสิบกว่าแคว้นที่อยู่ใกล้เคียงกับแคว้นไฉ่อี มีปรมาจารย์วิถีกระบี่อยู่สี่ท่านที่มีชื่อเสียงเลื่องระบือในพื้นที่แถบหนึ่ง แคว้นไฉ่อีมีเทพกระบี่อยู่คนหนึ่งที่ถอนตัวออกจากวรยุทธ ไปใช้ชีวิตอย่างสันโดษในป่าเขาได้สามสิบกว่าปีแล้ว เขาได้รับการขนานนามว่าเป็นผู้เชี่ยวชาญเวทกระบี่ กระบี่ที่พกมีชื่อว่าตะวันสว่าง แต่ช่วงที่ผ่านมานี้กลับมีข่าวร้ายน่าพรั่นพรึงอย่างหนึ่งแพร่สะพัด บอกว่าผู้เฒ่าต้องตายเพราะถูกศัตรูตามมาแก้แค้น เป็นเหตุให้ยุทธภพรอบด้านเกิดคลื่นยักษ์โหมซัดสาดอย่างบ้าคลั่ง จิตใจผู้คนสั่นคลอนหวาดหวั่น

จากนั้นก็คือผู้เฒ่าชุดดำที่อยู่ตรงหน้าผู้นี้ ในฐานะอดีตหัวหน้าหมู่บ้านของหมู่บ้านวารีกระบี่แคว้นซูสุ่ย ผู้เฒ่ามีนิสัยประหลาด เมื่อเทียบกับเทพกระบี่ของแคว้นไฉ่อีแล้ว อายุของเขาน้อยกว่าถึงหนึ่งรุ่น ได้รับการขนานนามว่าอริยะกระบี่ กระบี่ที่พกมีชื่อว่าวารีเหล็ก เป็นผู้สร้างหมู่บ้านวารีกระบี่ซึ่งเป็นสำนักใหญ่อันดับหนึ่งในยุทธภพของแคว้นซูสุ่ย หัวหน้าหมู่บ้านคนปัจจุบันคือหลานชายคนโตของซ่งอวี่เซา พรสวรรค์ด้านวิชากระบี่ของเขาก็โดดเด่นน่าตะลึงมากดุจเดียวกัน

ส่วนแคว้นกู่อวี๋นั้นมีราชันกระบี่ที่ชื่อเสียงโด่งดังท่านหนึ่ง พลังการสังหารสูงมาก ทว่าคุณธรรมกลับย่ำแย่อย่างถึงที่สุด เป็นเซียนอิสระที่ไม่มีที่อยู่แน่ชัดในยุทธภพ ไม่เคยสร้างสำนักหรือก่อตั้งพรรค ไปไหนมาไหนเพียงลำพัง เล่าลือกันว่ามีความสัมพันธ์ที่ไม่เลวกับฮ่องเต้แคว้นกู่อวี๋ กระบี่พกชื่อว่าไข่มุกมรกต

ส่วนแคว้นซงซีก็มีดาวรุ่งที่อายุน้อยที่สุดคนหนึ่งซึ่งแต่งตั้งตัวเองว่าเป็นเซียนกระบี่ไผ่เขียว

ปรมาจารย์วิถีกระบี่ทั้งสี่ท่านนี้คือกลุ่มดาวที่ส่องแสงเจิดจรัส เปล่งประกายพริบพราวเหนือฟากฟ้าของยุทธภพในหลายสิบแคว้นซึ่งรวมแคว้นไฉ่อีไว้ด้วย ต่อให้เป็นตระกูลเซียนบนภูเขาก็ยังไม่กล้าดูแคลน

ผู้เฒ่าชุดดำพลันลืมตาขึ้น หัวเราะหยัน “ทำลับๆ ล่อๆ เผยตัวให้ข้าเดี๋ยวนี้!”

ผู้เฒ่าที่ได้รับการขนานนามว่าเป็น ‘อริยะกระบี่’ ท่านนี้ชักกระบี่ออกจากฝักเสียงดังเช้ง ครั้นจึงฟันไปยังทิศทางแท่นบูชาเทวรูปของวัด ปราณกระบี่ส่องประกายเจิดจ้าพร่าตา แท่นบูชาเทวรูปที่เดิมทีก็ผุพังไม่เหลือสภาพดีอยู่แล้วพลันระเบิดแตกดังปัง จากนั้นก็เผยให้เห็นเป็นเด็กสาวผอมบางหน้าตางดงามคนหนึ่ง นางเอามือทั้งสองข้างกุมศีรษะเล็กๆ ไว้อย่างไม่สนใจสิ่งใด ราวกับว่าทำอย่างนี้แล้วจะไม่มีใครเห็นนาง

เมื่อเด็กสาวลักษณะประหลาดอีกคนหนึ่งปรากฏตัว กระดิ่งสดับปีศาจของจางซานเฟิงก็สั่นสะเทือนขึ้นมาเบาๆ

วิชาการฝึกตนของภูตผีปีศาจและวัตถุหยินสิ่งชั่วร้ายบนโลกใบนี้แทบจะผิดหลักทำนองคลองธรรมทั้งหมด ขอแค่ตบะไม่ลึกล้ำมากพอ ขอบเขตไม่สูงมากพอ เมื่อเจอกับกระดิ่งสดับปีศาจก็มักจะไร้ที่ให้หลบเลี่ยง และนี่ก็เป็นสาเหตุที่ทำให้กระดิ่งสดับปีศาจกลายมาเป็นสิ่งของจำเป็นที่ผู้ฝึกลมปราณต้องพกติดตัวรองจากภาพแผนที่ไป๋เจ๋อ ก่อนหน้าที่สวีหย่วนเสียจะเลื่อนสู่ขอบเขตสี่ก็เคยพกกระดิ่งเงินลักษณะคล้ายคลึงกันนี้ไว้ป้องกันตัว

ความสนใจส่วนใหญ่ของสวีหย่วนเสียกับจางซานเฟิงอยู่ที่เด็กสาวเสียมากกว่า

ส่วนเฉินผิงอันที่อยากจะฝึกกระบี่อย่างเป็นทางการแต่ยังหาวิธีเริ่มต้นเหมาะๆ ไม่เจอกลับตกตะลึงไปกับภาพกระบี่ที่ชักออกจากฝักของผู้เฒ่า ภาพนี้มองดูเหมือนเรียบง่าย เพียงแค่การตวัดมือครั้งหนึ่งเท่านั้น ทว่าปราณกระบี่กลับยิ่งใหญ่งดงามดุจสายรุ้ง ทุกที่ที่ปราณกระบี่พุ่งผ่านเหมือนถูกน้ำตกที่ร่วงดิ่งลงด้านล่างกระแทกเข้าใส่ บุกไปทางไหนก็แหลกราบไปทางนั้น

หลังจากที่มารเด็กสาวลงมือ หลิ่วชื่อเฉิงก็เงียบงันผิดปกติ เขาเอาแต่นั่งอยู่ข้างกองไฟไม่พูดไม่จา ก้มหน้า ยื่นมือสองข้างออกมาอังไฟ

“สถานที่ศักดิ์สิทธิ์บริสุทธ์ของศาสนาพุทธ จะปล่อยให้ปีศาจน้อยอย่างเจ้ามาทำให้แปดเปื้อนได้อย่างไร!”

สีหน้าของผู้เฒ่าชุดดำเย็นชาแข็งกระด้าง บิดข้อมือหนึ่งครั้งก็เห็นเพียงว่าปลายกระบี่ทองสัมฤทธิ์สั่นสะเทือนเบาๆ เพียงชั่วพริบตาก็มีแสงสีขาวบาดตาเส้นหนึ่งพุ่งออกมาจากปลายกระบี่คล้ายเชือกพันธนาการปีศาจของเซียนซือบนภูเขาที่พุ่งออกไปเป็นขดโค้งงอ แต่ไม่นานก็สยายตัวอยู่กลางอากาศกลายเป็นตาข่ายแห่งกฎเกณฑ์ของวิถีสวรรค์ที่ยิ่งใหญ่ซึ่งครอบลงใส่หัวของเด็กสาวขี้ขลาดที่ถูกตัดสินว่าเป็นปีศาจผู้นั้น

เฉินผิงอันเก็บภาพเหตุการณ์นี้ไว้ในคลองจักษุอย่างเงียบเชียบ นี่ช่วยเปิดโลกทัศน์ให้เขาอย่างยิ่ง

ที่แท้คนเราสามารถควบคุมปราณกระบี่ที่เดิมทีเล็กละเอียดได้อย่างเชี่ยวชาญ สร้างการเปลี่ยนแปลงนับพันนับหมื่นได้ถึงขนาดนี้เชียวหรือ?

ผู้เฒ่าถือกระบี่มือเดียว ทำทุกอย่างได้ง่ายดายเพียงตวัดมือ!

โดยเฉพาะมาดสุขุมนิ่งลึกนั้นที่ทำให้เฉินผิงอันรู้สึกชื่นชมเลื่อมใสที่สุด

เด็กสาวถูกปราณกระบี่ที่เดิมทีรวมตัวเป็นกลุ่มเดียวกันแล้วค่อยขยายเป็นตาข่ายใหญ่แผ่ปกคลุมร่าง เสียงลั่นเปรี๊ยะๆ ที่ดังขึ้นทำให้นางเจ็บปวดทรมานถึงขนาดลงไปชักดิ้นชักงออยู่บนพื้น ไฟร้อนแผดเผาที่รวดร้าวไปถึงหัวใจทำร้ายส่วนลึกของจิตวิญญาณปีศาจภูเขาอย่างนาง ขนาดเฉินผิงอันที่อยู่ในหอเรือนไม้ไผ่ยังเจ็บปวดจนแทบไม่อยากมีชีวิตอยู่ต่อ แล้วนับประสาอะไรกับปีศาจน้อยที่ฝึกตนอย่างเฉื่อยชา ไม่แก่งแย่งชิงดีกับคนในโลกมานานหลายร้อยปีตนหนึ่ง?

เมื่อต้องเผชิญหน้ากับเคราะห์กรรมในครั้งนี้ เพียงไม่นานเด็กสาวก็รักษาร่างคนเอาไว้ไม่อยู่ ใบหน้าเกินครึ่งเผยให้เห็นเป็นใบหน้าของจิ้งจอก หลังมือ ลำคอต่างก็มีขนสีขาวหิมะผุดขึ้นเป็นหย่อมๆ กลิ่นสาบจิ้งจอกโชยมาเบาๆ

ปีศาจจิ้งจอกสีขาวหิมะที่ตบะบางเบาตัวนั้นดิ้นรนกระเสือกกระสนอยู่บนพื้นพลางร้องครวญคราง “ข้าไม่เคยทำร้ายคน ข้าไม่เคยทำร้ายใครแม้แต่คนเดียว ข้าแค่แกล้งหลอกให้บัณฑิตที่มาค้างแรมในวัดร้างตกใจกลัวเท่านั้น อย่าข้าฆ่า อย่าข้าฆ่า…”

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา!