กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา! นิยาย บท 258

สรุปบท บทที่ 258.3: กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา!

สรุปเนื้อหา บทที่ 258.3 – กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา! โดย Internet

บท บทที่ 258.3 ของ กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา! ในหมวดนิยายกำลังภายใน เป็นตอนที่โดดเด่นด้วยการพัฒนาเนื้อเรื่อง และเปิดเผยแก่นแท้ของตัวละคร เขียนโดย Internet อย่างมีศิลป์และชั้นเชิง ใครที่อ่านถึงตรงนี้แล้ว รับรองว่าต้องติดตามตอนต่อไปทันที

กระบี่จงมา – บทที่ 258.3
บทที่ 258.3 ยอดบนสุดของเกาะกุ้ยฮวา
โดย
ProjectZyphon
เมื่อทะเลเมฆของนครมังกรเฒ่าร่วงดิ่งลงมา ฝูฉีก็รีบกลับมาที่นี่ มาปรากฏกายอยู่ข้างฝูหนันหัว มองสวี่รั่วที่เดินขึ้นไปข้างบน สีหน้าของเจ้านครมังกรเฒ่าผู้นี้ไม่มีแววของความไม่สบอารมณ์แม้แต่น้อย กลับกันยังพาฝูหนันหัวกลับเมืองโดยตรง ผู้เฒ่าขอบเขตโอสถทองพยักหน้าบอกเป็นนัยแก่ฝูฉี จากนั้นก็กลับไปที่กระท่อมริมทะเลของตัวเองเพื่อตั้งใจฝึกตนต่อไป

ฝูฉียอมวางใจปล่อยให้สวี่รั่วเข้าใกล้เด็กสาวจื้อกุย

ไม่เพียงแค่เพราะรู้ว่าตัวเองขัดขวางเซียนกระบี่ที่มีชื่อเสียงเลื่องลือในแผ่นดินกลางไม่ได้ ยังเป็นเพราะสถานะสำนักโม่ของสวี่รั่วอีกด้วย

จอมยุทธ์สำนักโม่เดินทางท่องไปในยุทธภพ เดิมทีนี่ก็เป็นป้ายอักษรทองที่ส่งเสียงดังก้องอยู่แล้ว

สวี่รั่วเดินมาได้เกินครึ่งทาง เด็กสาวก็เดินลงมาจากหอมังกรแล้ว เด็กสาวสวมชุดเรียบง่าย ใบหน้าที่ฉายความงดงามนั้นไม่มีเลือดสดไหลนองและดวงตาสีทองอีกแล้ว

คนทั้งสองมาพบกันที่ครึ่งทาง สวี่รั่วหยุดเดิน ก่อนจะเดินลงไปด้านล่างพร้อมกับเด็กสาว พลางเอ่ยเตือนเบาๆ ว่า “เมื่อปรากฏอยู่ในสายตาอริยะลัทธิขงจื๊อบางคน การที่เจ้าขึ้นมาบนหอแห่งนี้ก็คือการท้าทายกฎเกณฑ์”

ไม่รู้ว่าเพราะเหตุใด เมื่ออยู่ต่อหน้าสวี่รั่ว เด็กสาวกลับไม่ปิดบังอำพรางเหมือนตอนอยู่ในถ้ำสวรรค์หลีจูและเมืองหลวงต้าหลี สีหน้าของนางเย็นชา “ในเมื่อข้าสามารถมีชีวิตรอดปีนขึ้นมาจากบ่อน้ำบ่อนั้นได้ แถมยังมีชีวิตรอดออกมาจากถ้ำสวรรค์หลีจู ก็หมายความว่าเรื่องการมีชีวิตอยู่ของข้าคือสิ่งที่อริยะของทั้งสี่ฝ่ายให้การยอมรับโดยปริยาย จะขึ้นมาบนหอสูงแห่งนี้หรือไม่ สำคัญนักหรือ?”

ไม่รอให้สวี่รั่วพูดอะไร จื้อกุยที่ถามเองก็ตอบเองว่า “ข้าว่าไม่สำคัญ ไม่สำคัญเลยสักนิดเดียว”

สวี่รั่วร้องอ้อหนึ่งที แล้วก็ไม่มีประโยคถัดไปอีก

เด็กสาวเอ่ยยิ้มๆ ว่า “ในบรรดาเมธีร้อยสำนัก ปีนั้นมีเพียงสำนักโม่ของเจ้า…”

สวี่รั่วผลักกระบี่ออกจากฝักสองชุ่นในเสี้ยววินาที ทั่วทั้งหอมังกรล้วนถูกน้ำของแม่น้ำสายใหญ่ที่มองไม่เห็นห่อหุ้มไว้อย่างมิดชิด พลังอำนาจยิ่งใหญ่จนเป็นเหตุให้คลื่นของมหาสมุทรที่เดิมทีโถมกระทบฝั่งอย่างดุเดือดถอยไปด้านหลังด้วยตัวเอง ผู้เฒ่าขอบเขตโอสถทองที่ฝึกตนอยู่ในกระท่อมลืมตาโพลง แต่แล้วก็รีบหลับตาลงอย่างรวดเร็ว

เด็กสาวส่งเสียงจุ๊ๆ พลางเอ่ยกลั้วหัวเราะ “เวทกระบี่ของเจ้าเลิศล้ำมาก อีกทั้งยังจะสูงส่งได้ยิ่งกว่านี้ แต่พลังอำนาจยังเทียบกับบรรพบุรุษสำนักโม่ของพวกเจ้าไม่ได้”

สวี่รั่วขมวดคิ้ว “แค่พอสมควรก็พอแล้ว ได้คืบจะเอาศอกไม่ใช่เรื่องดี ถึงอย่างไรที่นี่ก็คือใต้หล้าไพศาล”

เด็กสาวหรี่ตาลง เบ้ปากพูด “ก็ใช่น่ะสิ ข้าจะไม่รู้ได้อย่างไร ที่นี่ก็คือโบราณสถานของสมรภูมิรบโบราณแห่งหนึ่ง ทุกพื้นที่กลาดเกลื่อนไปด้วยโครงกระดูก กองรวมกันแล้วยังสูงกว่าภูเขาสุ้ยซานของแผ่นดินกลางเสียอีก เลือดสดมากกว่าน้ำในแม่น้ำสายใหญ่ที่เจ้าชักนำมาด้วยซ้ำ”

สวี่รั่วหยุดเดิน พูดเสียงมีโทสะอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน “อาจารย์ฉีแห่งสำนักศึกษาซานหยาไม่เคยสอนเจ้าหรือไง?!”

เด็กสาวไม่หยุดเดิน ฝีเท้าของนางแผ่วเบาว่องไว “สอนสิ เขาชอบสอนคนอื่นมากที่สุดเลยล่ะ แต่ข้าไม่ชอบฟังก็เท่านั้น”

สวี่รั่วเดินติดตามมาด้านหลังเงียบๆ วินาทีที่เด็กสาวก้าวออกจากบันไดขั้นสุดท้าย ปณิธานกระบี่แม่น้ำที่พลังอำนาจมากไพศาลก็หายวับไปในบัดดล

กวักมือเรียกก็มา ง่ายดายสมใจปรารถนา

ตอนนั้นที่สวี่รั่วรับมือกับเว่ยจิ้นแห่งศาลลมหิมะที่เพิ่งเลื่อนสู่ขอบเขตหยกดิบ เขาก็แค่ผลักกระบี่ออกจากฝักมาเล็กน้อย ใช้ปณิธานกระบี่ภูเขาสูงมาต้านทานกระบี่นั้นของเว่ยจิ้น มองดูเหมือนฝีมือสูสีทัดเทียมกัน แต่เห็นได้ชัดว่าสวี่รั่วยังไม่ได้ทุ่มเทอย่างเต็มกำลัง

อันที่จริงสวี่รั่วไม่เคยชักกระบี่ออกจากฝักเต็มๆ เล่มมานานหลายปีแล้ว

ตอนนั้นที่เมืองหงจู๋ของราชวงศ์ต้าหลี สวี่รั่วเจอกับบุรุษสวมงอบไม้ไผ่คนนั้น ระหว่างที่คนทั้งสองดื่มเหล้าด้วยกัน สวี่รั่วคิดจะขอคำแนะนำจากบุรุษหนึ่งกระบี่ ทว่าชายผู้นั้นเพียงพูดยิ้มๆ ว่า เจ้าอย่าได้สิ้นเปลืองจิงชี่เสินของกระบี่ในฝักเลย เก็บสะสมต่อไปเถอะ

สวี่รั่วจึงรู้ทันทีว่าตนห่างชั้นกับบุรุษผู้นั้นมากถึงเพียงไหน

หากไม่เพราะติดที่สถานะลูกศิษย์ของสำนักโม่ สวี่รั่วเองก็อยากไปที่กำแพงเมืองปราณกระบี่มากเหมือนกัน

เซียนกระบี่ที่อยู่ด้านบนกำแพงเมืองแห่งนั้นกับเซียนกระบี่ของเก้าทวีปใหญ่ในใต้หล้าไพศาลคือคนละเรื่องกันเลย

แล้วสวี่รั่วจะไม่ปรารถนาอยากไปที่นั่นได้อย่างไร?

หรือว่าควรจะอาศัยโอกาสนี้ไปที่ภูเขาห้อยหัวดูสักครั้ง?

สวี่รั่วใจกระตุก รู้สึกว่าน่าจะทำได้

แต่พอชำเลืองตามองแผ่นหลังของเด็กสาว สวี่รั่วก็ถอนหายใจเบาๆ หนึ่งที ช่างเถอะ เด็กสาวที่มองดูเหมือนบอบบางไม่อาจต้านทานลมตรงหน้าผู้นี้ไม่ใช่ตะเกียงที่ประหยัดน้ำมัน

อีกอย่างอายุอานามของนางก็ไม่ใช่น้อยๆ แล้ว

สวี่รั่วหยุดฝีเท้าลง ราวกับว่าไม่คิดจะคุ้มกันพานางกลับจวนตระกูลฝูอีก

เด็กสาวหันหน้ากลับไปมองด้วยความประหลาดใจเล็กน้อย

แต่สวี่รั่วก็ยังยืนเฉยอยู่ที่เดิม

เด็กสาวจึงคิดแค่ว่านิสัยเซียนกระบี่ของเขากำเริบขึ้นมาเลยไม่อยากจะสนใจตน นางไม่ได้คิดอะไรมาก เพียงหันกลับแล้วเดินหน้าต่ออีกครั้ง

สุดท้ายสวี่รั่วก็หมุนตัวกลับ เดินย้อนขึ้นไปบนหอมังกร เดินไปถึงจุดที่สูงที่สุด ที่นี่เคยเป็นสถานที่สุดท้ายในโลกที่มังกรแท้จริงขึ้นบก จากนั้นก็เผ่นหนีไปยังทิศเหนือตลอดทาง บุกเบิกเส้นทางมังกรเดินเส้นนั้น สุดท้ายไปตายอยู่ในราชวงศ์ที่อยู่ทางเหนือสุดของแจกันสมบัติทวีป ไม่สามารถลงทะเลหนีข้ามทวีปไปยังอุตรกุรุทวีปได้สำเร็จ

สวี่รั่วไม่รู้ว่าครั้งนี้ เด็กสาวที่เรียกตัวเองว่าหวังจูจะเดินไปได้ไกลสักเท่าไหร่

……

เฉินผิงอันหน้าดำ หมุนตัวกลับวิ่งไปบนทางภูเขาขึ้นเกาะ

ฟ่านเอ้อร์ลำพองใจนิดๆ “ใครใช้ให้เจ้ามาหลอกข้าว่ากินดินแทนข้าวได้”

ฟ่านเอ้อร์หมุนตัวกลับ พูดกับสารถีเฒ่ายิ้มๆ ว่า “ท่านปู่หม่า ไปกันเถอะ ตรงไปที่ศาลบรรพชนเลย!”

เด็กหนุ่มรู้สึกว่าครั้งนี้ตนกล้าหาญอย่างยิ่ง ดูท่าเหล้าที่ดื่มและขโมยไปจะไม่ได้เสียเปล่า ทั่วร่างของเขาจึงมีแต่กลิ่นอายของวีรบุรุษ!

ผู้เฒ่าที่กลั้นยิ้มมาโดยตลอดกล่าวว่า “คุณชายฟ่าน ท่านพ่อท่านบอกแล้วว่า ครั้งนี้ไม่ต้องไปรับโทษที่ศาลบรรพชน”

ฟ่านเอ้อร์ยกสองมือกุมหัว ไม่รู้ว่าควรจะดีใจหรือเสียใจดี

ผู้เฒ่ามองนายน้อยของตัวเอง แล้วก็หันไปมองเด็กหนุ่มรองเท้าแตะที่อยู่บนเกาะกุ้ยฮวาเรียบร้อยแล้ว อยู่ดีๆ เขาก็รู้สึกว่าวันนี้อากาศดีเป็นพิเศษ

ทุกก้าวที่เฉินผิงอันเดินขึ้นเขาก็คล้ายว่าได้ขยับเข้าใกล้แม่นางคนนั้นทีละนิด

ดังนั้นยิ่งเดินฝีเท้าจึงยิ่งเร็วราวกับบิน เดินไปจนถึงยอดบนสุดของเกาะกุ้ยฮวา หันมองไปรอบด้านก็สูดลมหายใจเข้าลึกหนึ่งครั้งอย่างห้ามไม่ได้ จากนั้นเขาก็จงใจสะกดกลั้นลมหายใจเฮือกนี้เอาไว้

เพราะจู่ๆ เฉินผิงอันก็นึกถึงประโยคที่ผู้เฒ่าในเรือนไม้ไผ่พูดตรงริมหน้าผา

“ยามที่พ่นลมหายใจเฮือกนี้ออกมา ต้องทำให้ฟ้าดินเปลี่ยนสี! ต้องทำให้เทพเซียนคุกเข่าโขกหัวให้ ต้องให้ผู้ฝึกยุทธ์ทุกคนบนโลกรู้สึกว่าเจ้าก็คือท้องนภาที่อยู่เหนือสุดเบื้องบน!”

จากนั้นเฉินผิงอันก็นึกถึงประโยคหนึ่งของอริยะกระบี่ผู้เฒ่าแห่งแคว้นซูสุ่ย

หากมีแม่นางคนหนึ่งพูดกับเจ้าว่า เฉินผิงอัน เจ้าเป็นคนดี…ฮ่าๆ ความสัมพันธ์ของพวกเจ้าสองคนก็จบเห่แน่แล้ว!

เฉินผิงอันรู้สึกท้อแท้เล็กน้อย ยกมือเกาหัวทันที

สุดท้ายเขานึกถึงประโยคหนึ่งที่ตัวเองเคยพูด “บิดาข้าแซ่เฉิน มารดาข้าก็แซ่เฉิน เพราะฉะนั้นข้าชื่อ…เฉินผิงอัน”

เฉินผิงอันทรุดตัวนั่งยอง ดื่มเหล้าดับความกลุ้ม อดพึมพำประโยคหนึ่งขึ้นมาไม่ได้ว่า “เฉินผิงอัน เจ้าโง่หรือไง?!”

—–

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา!