กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา! นิยาย บท 262

กระบี่จงมา – บทที่ 262.2 มีกระบี่พุ่งมาจากทะเลเมฆ
บทที่ 262.2 มีกระบี่พุ่งมาจากทะเลเมฆ
โดย
ProjectZyphon
ช่างห้าวหาญยิ่งนัก! หากเป็นปรมาจารย์วิถีวรยุทธ์ขอบเขตเจ็ดทั้งหลาย หรือปรมาจารย์ใหญ่ขอบเขตแปดที่ซ่อนเร้นตัวอยู่ในนครมังกรเฒ่ามานาน เพราะผ่านการหล่อหลอมมานับร้อยนับพันรอบนานหลายสิบปีหรืออาจถึงหลายร้อยปี ผ่านศึกสุดยอดที่เจ้าไม่ตายข้าก็ม้วยมาครั้งแล้วครั้งเล่า ถึงได้มีท่วงท่าน่าตะลึงเช่นนี้ก็คงว่าไปอย่าง แต่เด็กหนุ่มที่อยู่ตรงหน้านี้อายุเท่าไหร่กันเชียว?

หม่าจื้อไม่รู้ว่าวันนี้ตัวเองตกตะลึงเป็นครั้งที่เท่าไหร่แล้ว

จิตใจของเฉินผิงอันจมจ่อมอยู่กับสิ่งที่เผชิญอยู่อย่างเต็มที่ เบื้องหน้าไม่มีกระบี่บินเหลียงอิน ไม่มีผู้ฝึกกระบี่ขอบเขตโอสถทองอะไรอยู่อีกแล้ว

มีเพียงผู้เฒ่าเปลือยเท้าในเรือนไม้ไผ่ที่ส่งเสียงหัวเราะอย่างเหี้ยมอำมหิต กลิ่นอายแห่งความเป็นวีรบุรุษแผ่พลุ่งพล่านไปทั่ว ต่อยให้เขารู้สึกเหมือนอยู่ไม่สู้ตายครั้งแล้วครั้งเล่า ด่าเขาว่าเป็นสตรีไม่ได้เรื่อง แถมยังสอดแทรกคำพูดจากใจที่ผู้เฒ่าไม่ได้พูดให้เขาเฉินผิงอันฟัง แต่พูดให้ฟ้าดินฟังอยู่เป็นระยะ

หมัดนี้ปล่อยออกไปเพื่อต่อยให้เทพที่เยื้องกรายลงมาอวดอ้างบารมีฟ้ากลับสวรรค์!

จะต่อยให้ฟ้าดินเกิดการเปลี่ยนแปลง จนต้องใช้หมัดของข้ามาค้ำฟ้ายันดิน!

เฉินผิงอันหลุดปากพูดไปว่า “เชิญออกกระบี่!”

ได้ยินคำพูดที่ฟังเหมือนท้าทายจากเด็กรุ่นหลังอย่างเด็กหนุ่ม ผู้ฝึกกระบี่เฒ่าไร้สีหน้าไม่สบอารมณ์ พอจิตของเขาขยับ กระบี่บินเหลียงอินก็เปลี่ยนจากของจริงมาเป็นภาพมายา ประหนึ่งทหารม้าที่บุกขึ้นหน้าบุกเบิกที่ดินให้กับกษัตริย์

เฉินผิงอันหน้าซีดขาวเล็กน้อย กำมือสองข้างเป็นหมัดแน่น ท่าหมัดเปลี่ยนแปลงไปเล็กน้อย กระทืบเท้าหนักๆ ออกมาหนึ่งครั้ง

พื้นดินในลานบ้านสั่นไหวเล็กน้อย ปณิธานหมัดทั่วร่างเหมือนขุนเขาสูงตระหง่านที่ฝังรากหยั่งลึกลงไปในพื้นดิน

หม่าจื้อขมวดคิ้วน้อยๆ สองนิ้วของผู้เฒ่าประกบกันแล้ววาดลงไปบนร่างของเด็กหนุ่มที่อยู่ตรงหน้าเบาๆ ประหนึ่งผู้ฝึกยุทธ์ที่ใช้กระบี่เล่มยาวตั้งท่าจะแหวกหน้าอกผ่าท้องของศัตรู

เฉินผิงอันเบิกตากว้าง กัดฟันแน่นจนแก้มพองโป่ง ท่าหมัดเปลี่ยนไปอีกครั้ง ยังคงเป็นกระบวนท่าไอเมฆเหนือบึงใหญ่ เพียงแต่ว่าเริ่มขยับตัวหดเข้ามา เท้าทั้งสองข้างห่างจากกันแค่เพียงเล็กน้อย

ขณะเดียวกันปณิธานกระบี่ทั้งหมดที่ไหลออกไปข้างนอกร่างก็หดกลับเข้าไปข้างในอย่างรวดเร็ว ประหนึ่งสองมือที่ยกขึ้นพนมประกบกันตบแมลงวันตัวหนึ่งให้ตาย

“ประมาทเช่นนี้ ไม่ฉลาดเลยนะ”

หม่าจื้อหัวเราะเสียงเย็น ตวัดสองนิ้วที่ประกบกันขึ้นด้านบน แอบเพิ่มน้ำหนักปณิธานกระบี่ของกระบี่บินแห่งชะตาชีวิตให้มากขึ้น

ไหล่ของเฉินผิงอันส่ายไหวเล็กน้อย ปล่อยหมัดหนึ่งออกไปอย่างว่องไว ปณิธานหมัดไหลเชี่ยวกรากพุ่งทะยานขึ้นสู่ท้องฟ้า ต่อยให้ร่มเงาของต้นกุ้ยบรรพบุรุษที่มาปกคลุมปรากฎการณ์ในเรือนเล็กเผยโฉมหน้าที่แท้จริง ที่แท้มันเป็นเหมือนม่านน้ำที่มาห่มคลุมอยู่กลางอากาศเหนือเรือนกุยม่าย พอถูกพายุหมัดพุ่งกระแทกดังครืนครั่นก็เกิดริ้วกระเพื่อมเป็นระลอก เป็นเหตุให้ภาพด้านนอกของเรือนเล็กเริ่มพร่าเลือนตามไปด้วย

ผู้เฒ่าสบถในใจอย่างขุ่นเคือง “ข้าไม่เชื่อหรอกว่าผู้ฝึกกระบี่ขอบเขตโอสถทองที่ยิ่งใหญ่อย่างข้าจะสอนผู้ฝึกยุทธ์ขอบเขตสี่เล็กๆ คนหนึ่งไม่ได้!”

ผู้เฒ่าถอยหลังไปหนึ่งก้าวด้วยสีหน้าจริงจัง เอามือหนึ่งไพล่หลัง อีกมือหนึ่งทำมุทรากระบี่ พูดเสียงเฉียบขาด “เฉินผิงอัน การประลองกระบี่ที่แท้จริงเริ่มขึ้นอย่างเป็นทางการแล้ว! ระหว่างที่กระบี่บินอินเหลียงเปลี่ยนจากมายาเป็นของจริงจะทุบตีหล่อหลอมร่างกายและจิตวิญญาณของเจ้าไปพร้อมกันด้วย จงตั้งใจรับมือกับศัตรูให้ดี!”

เด็กหนุ่มสีหน้าเด็ดเดี่ยว เขาไม่พูดอะไรสักคำ เพียงแค่เก็บท่าหมัดโบราณนั้นลง ก้าวถอยไปด้านหลังช้าๆ ทุกการกระทำคล่องแคล่วเป็นธรรมชาติดุจเมฆเคลื่อนคล้อยน้ำไหลริน มองแล้วเพลินตา

ผู้ฝึกกระบี่ในโลกมีปณิธานกระบี่นับพันนับหมื่น รูปแบบสารพัดหลากหลาย

สัจธรรมปณิธานกระบี่ที่ผู้ฝึกกระบี่หม่าจื้อบรรลุมาคือกระบี่เหลียงอิน ต่อให้บนโลกใบนี้จะร้อนระอุแผดเผาแค่ไหน ที่ใดที่กระบี่บินเหลียงอินผ่านไป ที่นั้นก็เย็นฉ่ำ

……

เรือนธรรมดาที่อยู่ห่างจากเรือนเล็กกุยม่ายไปไม่ไกล จินซู่แม่นางกุ้ยฮวากำลังกินแตงหวานชิ้นหนึ่ง บนเกาะมีน้ำพุธรรมชาติ ผลไม้รสเย็นจึงมีรสชาติยอดเยี่ยมที่สุด น้ากุ้ยสตรีวัยแต่งงานแล้วซึ่งเป็นอาจารย์ผู้สืบทอดวิชาของจินซู่หมดความสนใจต่ออาหารเลิศรสในโลกมานานมากแล้ว นางกำลังมองดวงหน้าที่เย็นชางดงามของลูกศิษย์ผู้เป็นที่ภาคภูมิใจอยู่ข้างๆ ขนาดในเวลาที่นางกินอาหารซึ่งเป็นท่าทางปกติทั่วไปก็ยังเผยความงามพิสุทธิ์ตามธรรมชาติออกมา ในใจคิดว่ามิน่าเล่าปีนั้นทั้งซุนเจียซู่และฝูหนันหัว คนหนุ่มสองคนที่โดดเด่นที่สุดของนครมังกรเฒ่าก็ยังอดหวั่นไหวต่อสตรีคนเดียวกันไม่ได้

ซุนเจียซู่ชอบจินซู่หรือไม่ แน่นอนว่าต้องชอบ เพียงแต่สตรีแต่งงานแล้วไม่อยากเปิดเผยความลับสวรรค์ เพราะนางไม่รู้สึกว่าจินซู่และซุนเจียซู่จะกลายมาเป็นคู่รักเทพเซียนที่ดีได้ ในบรรดาตัวเลือกของผู้ที่จะมาเป็นสามีของจินซู่ สตรีแต่งงานแล้วคิดว่าซุนเจียซู่ที่ความสามารถมากล้น อยู่เบื้องหน้าสุดของเวทีคือตัวเลือกท้ายสุด ฝูหนันหัวดีขึ้นมาหน่อย ที่ดีที่สุดยังคงเป็นฟ่านเอ้อร์

น่าเสียดายก็แต่ความรักระหว่างชายหญิงบนโลกนี้ไม่อาจใช้ข้อที่ว่าบุรุษดีหรือเลว สองฝ่ายเหมาะสมกันหรือไม่มาตัดสินได้เสมอไป

นี่จะโทษใครได้?

น้ากุ้ยรู้สึกเย้ยหยันตัวเองเล็กน้อย เพราะนางรู้จริงๆ ว่าช่วงแรกเริ่มสุดควรจะโทษใคร เพียงแต่ว่าตอนนี้กลับบอกได้ยากแล้ว

นางส่งเสียงร้องอุทานตกใจออกมาเบาๆ อดหันไปมองทางเรือนเล็กกุยม่ายไม่ได้

จินซู่ถามด้วยความสงสัย “อาจารย์ มีอะไรหรือ?”

น้ากุ้ยพูดยิ้มๆ “ดูเหมือนว่าเจ้าจะประเมินเด็กหนุ่มแซ่เฉินคนนั้นต่ำไป”

จินซู่หยิบแตงหวานเย็นฉ่ำดับร้อนอีกชิ้นหนึ่งขึ้นมากิน พูดอย่างไม่ใส่ใจว่า “ต่อให้เขาจะสูงส่งยิ่งกว่าฟากฟ้า ก็ไม่เกี่ยวอะไรกับข้า”

ดูเหมือนน้ากุ้ยจะได้ยินเสียงในใจบางอย่าง จึงพยักหน้ารับแล้วพูดกับจินซู่ว่า “เจ้ามีงานต้องทำแล้ว ไปเอาตัวยาที่ร้านตรงตีนเขากลับมาก่อน ท่านปู่หม่าของเจ้าคุยกับคนที่นั่นไว้แล้ว พวกเขาน่าจะจัดเตรียมเอาไว้ให้เรียบร้อยแล้ว พอเจ้ากลับมา รอให้ปู่หม่าเปิดปากเสียก่อน แล้วเจ้าค่อยเตรียมถังน้ำใบใหญ่ไปให้ที่เรือนเล็กกุยม่าย”

จินซู่มึนงง “ทำไมล่ะ เด็กหนุ่มคนนั้นจะแช่ตัวในน้ำยาเพื่อบำรุงร่างกายงั้นหรือ? นี่เป็นเรื่องที่ผู้ฝึกตนขอบเขตหลอมร่างกายจำเป็นต้องทำบ่อยๆ ใช่ไหม?”

หญิงสาวไม่ค่อยจะเต็มใจนัก “ต้องมาทำเรื่องแบบนี้ให้เด็กหนุ่มคนหนึ่ง อาจารย์ ข้ารู้สึกแปลกๆ พิกล นี่ไม่ใช่ว่าข้าคิดว่าตัวเองเป็นคุณหนูที่มีชะตากรรมเป็นสาวใช้อะไรหรอกนะ ปกติเวลาให้ต้มชา ดีดพิณ ปัดกวาดที่พักให้พวกแขก ให้เล่นหมากล้อม แต่งกลอน ร้องเพลงกับพวกเขา ข้าเองก็ตั้งใจทำสุดความสามารถ แต่จะให้ข้าไปเตรียมน้ำอาบ ข้า…”

สตรีแต่งงานแล้วพูดยิ้มๆ “ถ้าอย่างนั้นให้อาจารย์ไปทำเอง?”

จินซู่ถอนหายใจ ตั้งใจเช็ดมืออย่างละเอียด “ข้าไปเองก็ได้”

หลังจากจินซู่ออกไปจากเรือนเล็กได้ไม่นานเท่าไหร่ก็ย้อนกลับมาอย่างรวดเร็ว นางพาแขกจากต่างทวีปกลุ่มหนึ่งที่ดูมีอำนาจน่าเกรงขามมาด้วย เดิมทีนางยังรู้สึกกระวนกระวายอยู่บ้าง ไม่รู้ว่าทำไมคนกลุ่มนี้ถึงยืนกรานอยากจะมาเยี่ยมเยียน ‘น้ากุ้ย’ แต่พอนางเห็นว่าอาจารย์มายืนรออยู่ที่หน้าประตูเรือน นางก็วางใจลงได้ทันที ส่วนลึกในใจของจินซู่คิดว่าไม่มีอะไรที่อาจารย์ของตนทำไม่ได้ อีกฝ่ายต้องไม่ใช่แค่เค่อชิงธรรมดาคนหนึ่งของตระกูล แม้ว่าอาจารย์จะเก็บเรื่องวิชาการสืบทอดและประสบการณ์ในการฝึกตนของตัวเองเป็นความลับมาโดยตลอด แต่มีเรื่องหนึ่งที่จินซู่มั่นใจได้ นั่นคือด้วยสายตาและคำพูดคำจาของอาจารย์ ต่อให้ไม่ใช่เซียนพสุธาก่อกำเนิด อย่างน้อยก็ควรจะเป็นผู้ฝึกลมปราณขอบเขตโอสถทองคนหนึ่ง

ไม่เพียงแต่เรือข้ามฟากเกาะกุ้ยฮวาลำนี้ ทุกครั้งที่เรือข้ามฟากทุกหกลำไปกลับนครมังกรเฒ่าและภูเขาห้อยหัวจำเป็นต้องมีผู้ฝึกตนขอบเขตโอสถทองอย่างน้อยคนหนึ่งนั่งบัญชาการณ์ สำหรับคนนอก น้ากุ้ยเป็นเพียงหนึ่งในผู้ดูแล เป็นแค่ผู้ฝึกลมปราณขอบเขตชมมหาสมุทรเท่านั้น ทว่าอันที่จริงตอนนี้หากรวมท่านปู่หม่าเข้าไปอีกคน บนเกาะกุ้ยฮวาก็มีขอบเขตโอสถทองอยู่ถึงสามคนแล้ว

จินซู่ไม่เชื่อหรอกว่าฟ้าจะยังถล่มลงมาได้จริงๆ

คนกลุ่มนั้นนับรวมกันแล้วได้หกคน มีทั้งหญิงชายเด็กและคนชรา ทุกคนล้วนมาจากอาคเนย์ใบถงทวีป คือคู่ค้าที่ใหญ่ที่สุดของเส้นทางการเดินเรือเกาะกุ้ยฮวาตระกูลฟ่านในครั้งนี้ ห้องใต้ดินและคลังลับเกือบครึ่งหนึ่งของเกาะกุ้ยฮวาล้วนถูกพวกเขาเหมาเอาไว้ ส่วนของที่ผลิตเฉพาะในอาคเนย์ใบถงทวีป จินซู่เป็นแค่แม่นางกุ้ยฮวาคนหนึ่ง แน่นอนว่าไม่มีทางรู้ได้ นางแค่เคยได้ยินมาว่าพวกเขาคือบุคคลยิ่งใหญ่จากตระกูลเซียนแห่งหนึ่งที่ในชื่อมีคำว่าสำนักของอาคเนย์ใบถงทวีป

ไม่ว่าอย่างไร ในเมื่ออาจารย์ออกหน้าเองแล้ว จินซู่ก็สามารถไปเอาตัวยาจากตีนเขาเกาะกุ้ยฮวามาได้อย่างสบายใจแล้ว

ตอนที่นางจากไปยังอดหันกลับมามองด้านหลังแวบหนึ่งไม่ได้ นางมองผู้เฒ่าร่างกายผอมสูงคนหนึ่งซึ่งเมื่อเทียบกับบุรุษของนครมังกรเฒ่าแล้วยังสูงกว่าเกินหนึ่งช่วงศีรษะ ผมขาวหน้าแดงปลั่ง เด่นสะดุดตาที่สุด เขาสวมชุดคลุมยาวสีดำเข้มเหมือนสีหมึก สะอาดสะอ้านไร้ฝุ่นเกาะ ย่อมต้องเป็นชุดคลุมอาคมชั้นเยี่ยมชิ้นหนึ่ง

ผู้เฒ่าเป็นองค์รักษ์ประจำตัวของชายหนุ่มคนหนึ่งที่หน้าตาธรรมดา คิ้วบางมาก แต่กลับมีดวงตาคู่หนึ่งที่เรียวยาวอย่างถึงที่สุด เวลาที่เขาหรี่ตามองคน ต่อให้เป็นจินซู่ที่มีขอบเขตถ้ำสถิตก็ยังรู้สึกขนลุกขนชัน ไม่กล้ามองสบตาเขาตรงๆ

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา!