กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา! นิยาย บท 263

กระบี่จงมา – บทที่ 263.1 เรือน้อยลอยล่อง เด็กหนุ่มรูปร่างสะโอดสะอง
บทที่ 263.1 เรือน้อยลอยล่อง เด็กหนุ่มรูปร่างสะโอดสะอง
โดย
ProjectZyphon
กระบี่เล่มหนึ่งพุ่งจากแผ่นดินมายังเกาะกุ้ยฮวาที่ลอยอยู่กลางทะเล แล้วก็มีอีกเล่มหนึ่งไล่ตามหลังมาติดๆ ยังคงแหวกอากาศจากยอดบนสุดของทะเลเมฆเหนือนครมังกรเฒ่ามาถึง

อานุภาพของกระบี่สองเล่มสะท้านฟ้าสะเทือนดินน่าครั่นคร้าม

มหาสมุทรที่อยู่ระหว่างนครมังกรเฒ่าและเกาะกุ้ยฮวาถูกปราณกระบี่ทยอยกันแหวกออกเป็นร่องลึกสองเส้น

ในขณะเดียวกันกับที่เฉินผิงอันหลับตาทำความเข้าใจกับปณิธานกระบี่ ผู้ฝึกกระบี่เฒ่าขอบเขตโอสถทองก็คืนสติ การที่เขาไม่ได้คว้าจับปณิธานกระบี่ที่พุ่งวาบผ่านมาเพื่ออาศัยหินจากภูเขาอื่นมากลึงเป็นหยกให้ตัวเองเหมือนเฉินผิงอันนั้น ไม่ใช่เพราะประสบการณ์ของผู้ฝึกกระบี่เฒ่าสู้ผู้ฝึกยุทธ์ขอบเขตสี่คนหนึ่งไม่ได้ แต่เป็นเพราะผู้เฒ่ารู้ดีว่า หลังจากที่ปณิธานกระบี่ของตนสร้างขึ้นสำเร็จแล้ว จิตวิญญาณและปณิธานที่ซ่อนอยู่ในกระบี่ของเซียนกระบี่ท่านอื่น หากคนนอกที่สังเกตการณ์ดึงเอามาให้ตัวเองส่งเดช กลับยิ่งจะสร้างความขัดแย้งให้กับตัวเอง เป็นเหตุให้ปณิธานกระบี่ที่บริสุทธิ์ในร่างของตัวเองเปลี่ยนมาเป็นซับซ้อน

แต่หากปณิธานกระบี่ของทั้งสองฝ่ายใกล้เคียงกันอย่างยิ่ง แน่นอนว่าเป็นเรื่องดี

รากฐานปณิธานกระบี่ของกระบี่บินเหลียงอินของหม่าจื้อเล่มนั้นคือความเย็นสบายใต้ร่มไม้ เป็นเหตุให้ปราณกระบี่ใกล้ชิดกับอากาศหนาวฤดูใบไม้ผลิ หิมะและน้ำพุเย็นฉ่ำ ฯลฯ ซึ่งแตกต่างไปจาก ‘เพลิงร้อนระอุ อากาศร้อนแผดเผา เตาหลอม’ ฯลฯ ที่เป็นปณิธานของกระบี่สองเล่มซึ่งคล้ายจะดึงการ ‘เข่นฆ่า โจมตี’ มาจากสนามรบอยู่มาก ด้วยเหตุนี้ผู้ฝึกกระบี่เฒ่าจึงไม่ไล่คว้าเส้นใยเบาะแสเพื่อดึงเอาปณิธานของกระบี่ทั้งสองมาให้ตัวเองใช้ แต่ในทางกลับกันหากเป็นผู้ฝึกกระบี่รุ่นหลังที่เพิ่งเลื่อนสู่ห้าขอบเขตกลาง ปณิธานกระบี่ยังไม่มั่นคง ต่อให้ปณิธานกระบี่ของสองฝ่ายจะแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิงก็ยังได้รับผลประโยชน์อยู่ดี

เฉินผิงอันยืนอยู่ที่เดิม ตั้งท่ายืนนิ่งเจี้ยนหลูตามจิตใต้สำนึก

หม่าจื้อเป็นดั่งขิงที่ยิ่งแก่ก็ยิ่งเผ็ด แน่นอนว่าเขาย่อมไม่รบกวนโชควาสนาเล็กๆ นี้ของเด็กหนุ่ม เขายังถึงขั้นสะบัดชายแขนเสื้อของมือข้างหนึ่ง ไม่เพียงแต่สลายการบดบังของร่มเงาต้นกุ้ยบรรพบุรุษออกบางส่วน ยังช่วยดึงปราณกระบี่เป็นเส้นๆ ที่พุ่งผ่านมาให้ผสานเข้าสู่เรือนเล็กกุยม่าย ทำให้เฉินผิงอันทำความเข้าใจกับปราณกระบี่ได้ลึกซึ้งมากยิ่งขึ้น

ระหว่างที่ทำเช่นนี้ หม่าจื้อยิ่งรู้สึกเคารพเซียนกระบี่ที่อยู่ในนครมังกรเฒ่าผู้นั้นมากขึ้น หนึ่งกระบี่ของเซียนพสุธามีอานุภาพมากจนสามารถโค่นภูเขาพลิกมหาสมุทร หากเอามาใช้ข่มขวัญคนอื่นย่อมไม่ถือว่ามหัศจรรย์อะไร เพราะในความเป็นจริงแล้วสิ่งที่จะเป็นตัวชี้วัดว่าผู้ฝึกกระบี่เซียนพสุธาห่างชั้นจากห้าขอบเขตบนมากเท่าไหร่ล้วนไม่ได้อยู่ที่อานุภาพซึ่งเห็นจากรูปลักษณ์ภายนอก แต่จะทดสอบกันที่ระดับการรวมตัวกันของปราณกระบี่ หากปราณกระบี่แยกตัวกระจัดกระจาย จิตวิญญาณปั่นป่วน หนึ่งกระบี่ปล่อยออกไป พลานุภาพยิ่งใหญ่ แต่ปณิธานกระบี่กลับไหลออกไปสี่ทิศ นี่หมายความว่าผู้ฝึกกระบี่ยังควบคุมปณิธานกระบี่ได้ไม่สมบูรณ์แบบมากพอ

และผู้ฝึกกระบี่ที่ลงมือจากนครมังกรเฒ่าอย่างเหี้ยมหาญท่านนั้น ซึ่งต่อให้จะปล่อยกระบี่ข้ามน้ำข้ามทะเลมาไกลถึงเพียงนี้ แต่การรวมตัวกันของปณิธานกระบี่ก็แทบจะเท่ากับการออกกระบี่ในระยะร้อยจั้งของหม่าจื้อ แล้วจะไม่ทำให้หม่าจื้อตื่นตะลึงได้อย่างไรไหว?

ผู้ฝึกกระบี่ขอบเขตสิบที่ถูกเรียกว่าขอบเขตเซียนพสุธา ขาดอีกแค่ก้าวเดียวก็สามารถฝ่าทะลุคอขวดเลื่อนสู่ห้าขอบเขตบน เนื่องจากพลังสังหารของผู้ฝึกกระบี่สูงมากเกินไป ชั่วชีวิตของห้าขอบเขตกลางก่อนหน้านี้ พวกเขามักจะฉายประกายแหลมคมออกมาตลอด ดังนั้นเมื่อเทียบกับเทพเซียนพสุธาก่อกำเนิดขอบเขตสิบทั่วไปแล้วจึงมักจะ ‘โดดเด่น’ มากกว่า ก็เหมือนเว่ยจิ้นแห่งศาลลมหิมะที่ก่อนหน้าจะกลายเป็นเซียนกระบี่ขอบเขตหยกดิบก็ได้ออกจากยุทธภพอย่างสิ้นเชิง เอาแต่เก็บตัวฝ่าด่านเป็นตายอย่างเดียว

ดูท่าผู้ฝึกกระบี่เฒ่าจากนครมังกรเฒ่าผู้นี้ย่อมต้องถูกใครบางคนบนเกาะกุ้ยฮวาทำให้ขุ่นเคืองใจมาก หาไม่แล้วก็คงไม่มีทางเสี่ยงโดนหายนะสวรรค์ออกกระบี่อย่างดุดันเช่นนี้

หม่าจื้อใช้เสียงทางใจถามไปยังน้ากุ้ย “กุ้ยฮูหยิน คือฝีมือของเทพจากฝ่ายไหน? ลงมือกับตระกูลฟ่านเราโดยเฉพาะหรือว่ามีปัญหากับแขกจากต่างถิ่น?”

น้ากุ้ยลังเลอยู่ชั่วครู่ก็ตอบอย่างคลุมเครือว่า “น่าจะเป็นยอดฝีมือนอกโลกคนหนึ่งจากนครมังกรเฒ่า เกิดความขัดแย้งกับลูกหลานสกุลเจียงสำนักกุยหยกใบถงทวีป ตระกูลฟ่านและเกาะกุ้ยฮวาของเราไม่ต้องสนใจ แค่ยืนอยู่ตรงกลางก็พอ”

หม่าจื้อทอดถอนใจ “ในเมื่อเป็นเทพเซียนบนภูเขาสองกลุ่มตีกัน พวกเราแค่ชมเรื่องสนุกอย่างเดียวนั่นแหละดีแล้ว”

น้ากุ้ยยิ้มบางๆ “ตามหลักแล้วก็ควรเป็นเช่นนี้”

จู่ๆ หม่าจื้อก็อุทานตกใจ “สกุลเจียงสำนักกุยหยก? ใช่สกุลเจียงที่ในมือได้ครอบครองพื้นที่มงคลถ้ำเมฆาหรือไม่?”

ทว่าน้ากุ้ยกลับปิดประตูหัวใจ ตัดขาดการส่งเสียงผ่านทางใจไปนานแล้ว ไม่สนใจการสอบถามจากผู้ฝึกกระบี่เฒ่าอีก

หม่าจื้อเองก็ไม่ถือสา คิดแค่ว่ากุ้ยฮูหยินที่มีสถานะพิเศษกังวลว่าเกาะกุ้ยฮวาจะติดร่างแหได้รับความเดือดร้อนไปด้วย นางจึงต้องแบ่งสมาธิไปรับมือ

หม่าจื้อเห็นว่าเด็กหนุ่มยังยืนนิ่งจึงถือโอกาสเก็บกระบี่บินเหลียงอินมา นั่งลงข้างโต๊ะหิน ถ้ำสวรรค์พื้นที่มงคลในโลกนับรวมกันได้สิบถ้ำสวรรค์ขนาดใหญ่ สามสิบหกถ้ำสวรรค์ขนาดเล็ก เจ็ดสิบสองพื้นที่มงคล กระจายอยู่ทั่วทุกใต้หล้า แบ่งออกเป็นสามหกเก้าระดับ ระดับขั้นมีแบ่งแยกสูงต่ำ พื้นที่มงคลชิงถานที่สำนักโองการเทพของแจกันสมบัติทวีปเป็นผู้ครอบครองมีระดับขั้นต่ำมาก ส่วนพื้นที่มงคลถ้ำเมฆาที่สกุลเจียงใบถงทวีปครอบครองกลับไม่ธรรมดาอย่างถึงที่สุด

หลังจากที่เฉินผิงอันลืมตาขึ้น ผู้เฒ่าก็ถามยิ้มๆ ว่า “เป็นอย่างไร?”

เฉินผิงอันยิ้มตอบกลับ “รู้แค่ว่ากระบี่นี้ร้ายกาจมาก แต่ร้ายกาจขนาดไหนกลับบอกไม่ถูก ใคร่ครวญอยู่เป็นนานก็ได้แค่คว้าจับเบาะแสเล็กๆ น้อยๆ ที่พร่าเลือนเท่านั้น น่าเสียดายยิ่งนัก หากกระบี่นี้ช้ากว่านี้อีกสักหน่อยก็คงจะดี”

หม่าจื้อเอ่ยสัพยอก “เซียนกระบี่พสุธาก่อกำเนิดคนหนึ่งจะออกกระบี่เร็วหรือช้ายังต้องบอกให้เจ้าเฉินผิงอันรู้ล่วงหน้าด้วยหรือ?”

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา!