กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา! นิยาย บท 263

กระบี่จงมา – บทที่ 263.2 เรือน้อยลอยล่อง เด็กหนุ่มรูปร่างสะโอดสะอง
บทที่ 263.2 เรือน้อยลอยล่อง เด็กหนุ่มรูปร่างสะโอดสะอง
โดย
ProjectZyphon
จินซู่นำตัวยาที่เอามาจากตีนเขาไปส่งที่เรือนเล็กกุยม่ายแล้วกลับมาอยู่ข้างกายน้ากุ้ยอาจารย์ของตนอย่างรวดเร็ว เห็นสตรีแต่งงานแล้วมีท่าทางผ่อนคลาย กำลังชงชาอย่างอารมณ์ดีแบบที่หาได้ยาก พอเห็นว่าลูกศิษย์กลับมา นางก็ยื่นชาร้อนถ้วยหนึ่งส่งให้จินซู่ จินซู่นั่งลงแล้ว ยังไม่ทันดื่มชาจากฝีมือการชงของอาจารย์ จิตใจของนางก็สงบตามอีกฝ่ายไปเรียบร้อยแล้ว

สตรีแต่งงานแล้วรู้ว่าจินซู่มีข้อสงสัยอยู่เต็มท้อง แต่กลับไม่อยากพูดอะไรมาก เพียงยิ้มบางๆ กล่าวว่า “สำหรับคุณชายใหญ่สุกลเจียงผู้นั้น ไม่ต้องสงสัยเลยว่าคือหายนะที่มาเยือนกะทันหัน แต่สำหรับพวกเราสองอาจารย์และศิษย์แล้วกลับเป็นความโชคดีที่หล่นลงมาจากท้องฟ้า จินซู่ เจ้าไม่ต้องถามมาก ออกทะเลในครั้งนี้ หลังกลับมาจากภูเขาห้อยหัวแล้ว ข้าจะพยายามทำให้เจ้าได้พบหน้ากับคนที่ออกกระบี่ผู้นั้นสักครั้งให้จงได้”

น้ากุ้ยหัวเราะเบาๆ “เหนือฟ้ายังมีฟ้า เหนือคนยังมีคน ประโยคนี้ไม่ใช่คำพูดเหลวไหล วันหน้าเมื่อเจ้าท่องไปทั่วสารทิศเพียงลำพัง ควรสำรวมให้มากจึงจะดี”

ถ้อยคำล้ำค่าประโยคสุดท้ายจากผู้มีประสบการณ์ จินซู่ไม่ได้เก็บมาใส่ใจสักเท่าไหร่ นางหันหน้าไปมองทางทิศที่ตั้งของนครมังกรเฒ่าอย่างเปี่ยมไปด้วยความคาดหวังนานแล้ว

เรือนเล็กกุยม่ายตั้งตัวอยู่อย่างสงบสันโดษ ไม่ช่วงชิงกับใครและไม่จำเป็นต้องสนใจมรสุมบนยอดเขาเหล่านี้

ทุกวันหลังจากนั้นเฉินผิงอันจะต้องฝึกกระบี่กับผู้ฝึกกระบี่เฒ่าโอสถทอง ฝ่ายหลังจะทำสามเรื่อง หนึ่งคือเรียกกระบี่บินแห่งชะตาชีวิตออกมา จำแลงเป็นภาพมายาผสานเข้าสู่ร่างกาย ช่วยเฉินผิงอันหล่อหลอมสามหุน ช่วยปูรากฐานบนเส้นทางสามหุนอย่างไถกวาง ซ่วงหลิงและโยวจิงให้แน่นหนามากขึ้น จากนั้นหม่าจื้อจะกดขอบเขตของตัวเองลง ใช้วิธีของผู้ฝึกกระบี่ควบคุมเหลียงอินให้ประมือกับเฉินผิงอัน สุดท้ายคืออยู่ข้างๆ คอยดูเฉินผิงอันฝึกท่ากระบี่จากตำรา ‘คัมภีร์เวทกระบี่ที่แท้จริง’ แล้วให้คำชี้แนะเป็นระยะ ช่วยแก้ไขข้อบกพร่องท่ากระบี่ที่เฉินผิงอันร่ายออกมาให้ถูกต้อง

แต่การฝึกกระบี่ของเฉินผิงอันน่าสนใจมาก เขาไม่ได้ดึงกระบี่สักเล่มออกมาจากกล่องกระบี่ที่สะพายอยู่ข้างหลัง ทุกครั้งจะแค่ทำท่าถือกระบี่ สมมติเอาว่าตัวเองถือกระบี่ด้วยมือข้างเดียว สำหรับเรื่องนี้หม่าจื้อเคยสอบถาม ผลคือคำตอบที่เฉินผิงอันมอบให้กลับค่อนข้างจะไร้สาระ บอกว่ากระบี่สองเล่มที่สะพายอยู่ด้านหลัง เล่มที่ถูกเขาตั้งชื่อว่า ‘ปราบมาร’ เล่มนั้นเป็นของคนอื่น เอามาใช้ไม่ได้ ส่วนกระบี่ไม้ไหวที่ชื่อว่า ‘กำจัดปีศาจ’ นั้นเคยชักออกจากฝักลงสนามรบหนึ่งครั้ง แต่หลังจบเรื่องเฉินผิงอันค้นพบว่ามันเบาเกินไป เขารู้สึกว่าการเริ่มต้นฝึกกระบี่ของตัวเอง ทางที่ดีที่สุดควรหากระบี่ที่มีน้ำหนักมากพอเช่นพวกกระบี่เหล็ก หาไม่แล้วเอามาถือโล่งๆ อยู่ในมือ เบาบางไม่ต่างจากตอนที่ไม่ถือ คงรู้สึกแปลกพิกล

มีเพียงถือกระบี่หนักไว้ในมือแล้วยังสามารถปล่อยกระบี่ออกไปได้อย่างรวดเร็วเท่านั้น อนาคตข้างหน้าวันใดวันหนึ่งเมื่อได้เจอกับศัตรูแข็งแกร่งที่แม้แต่กระบี่หนักก็เอาชนะไม่ได้ เขาเฉินผิงอันถึงจะสามารถเปลี่ยนมาใช้กระบี่ไม้ ออกกระบี่ด้วยความเร็วที่มากที่สุดฟาดฟันกับศัตรู

ในฐานะเทพเซียนบนสวรรค์ในสายตาของมนุษย์โลก อันที่จริงหม่าจื้อไม่ได้สนใจในวิชากระบี่ของผู้ฝึกยุทธ์สักเท่าไหร่ แล้วก็ไม่ได้รู้สึกลึกซึ้งอะไรกับสิ่งที่มือกระบี่ในยุทธภพอย่างเฉินผิงอันดึงดันไล่ไขว่คว้า ถึงขั้นที่ว่าลึกๆ ในใจยังรู้สึกดูแคลนอยู่เล็กน้อย ขุดหาอาหารในไร่นาหาเลี้ยงชีพจะขุดเจอของวิเศษได้อย่างไร? แต่หากจะให้พูดถึงความตั้งใจศึกษาเล่าเรียนที่เฉินผิงอันมีต่อมหามรรคาของปณิธานกระบี่ เกรงว่าหม่าจื้อก็คงอดพูดถึงไม่ได้ ต่อให้ต้องพูดเป็นน้ำไหลไฟดับให้เฉินผิงอันฟังสามวันสามคืนก็คงไม่ใช่เรื่องยาก

จินซู่แม่นางกุ้ยฮวาจะเอาอาหารทั้งสามมื้อมาส่งตรงตามเวลา สิ่งที่ทำให้หญิงสาวรู้สึกเหมือนยกภูเขาออกจากอกก็คือเฉินผิงอันไม่ได้คิดได้คืบจะเอาศอก ให้นางต้องทำตัวเป็นสาวใช้ที่คอยยกน้ำชงชา หรือจะต้องให้นางช่วยผลัดเสื้อผ้าเตรียมน้ำอาบจริงๆ หาไม่แล้วนางคงปวดหัวมากเป็นแน่ ต่อให้เป็นเรื่องการเทน้ำทิ้ง ก็ยังเป็นเฉินผิงอันที่ลงมือทำด้วยตัวเอง นี่ทำให้ในที่สุดจินซู่ก็มีความรู้สึกอันดีต่อแขกของสกุลฟ่านที่อายุยังน้อยผู้นี้ขึ้นมาเสี้ยวหนึ่ง

นอกจากนี้ก็คือต้องนำเหล้าหมักกุ้ยฮวามาเติมให้เรือนเล็กกุยม่ายทุกๆ สามวันห้าวัน

ด้วยสถานะของจินซู่ ใช่ว่าจะไม่สามารถยกเหล้าหมักหลายสิบกามาทีเรือนเล็กในรวดเดียว แต่สุดท้ายนางก็ล้มเลิกความคิดที่จะทำงานหนักครั้งเดียวสบายตลอดไปนี้ทิ้ง นี่ก็เพราะนางหวังว่าจะใช้โอกาสที่ได้พบหน้ากันหลายครั้งมามองความตื้นลึกหนาบางของเด็กหนุ่มต่างถิ่นให้ออก ถึงอย่างไรการเดินทางไกลข้ามน้ำข้ามทะเลในครั้งนี้ สำหรับแม่นางกุ้ยฮวาที่คุ้นเคยกับเส้นทางการเดินเรือมานานแล้วอย่างพวกนางก็ถือว่าเป็นเรื่องที่ค่อนข้างน่าเบื่อหน่าย สิบทิวทัศน์บนเกาะกุ้ยฮวา ยกตัวอย่างเช่นดวงจันทร์ลอยขึ้นกลางนภาเหนือมหาสมุทร ต้นกุ้ยที่พอจะมองเห็นได้เลือนรางในแสงจันทร์ ภาพลวงตาที่สะท้อนออกมาเป็นพระราชวังโบราณที่ยิ่งใหญ่ เกาะกุ้ยฮวาที่ถูกห้อมล้อมไปด้วยฝูงปลาบินเหนือมหาสมุทร ฯลฯ เมื่อได้เห็นครั้งแรกเป็นภาพที่งดงามน่าตะลึง ถึงขั้นทำให้คนยอมควักเงินจ้างให้จิตรกรวาดภาพทิวทัศน์ที่งดงามเหล่านี้ให้ แต่พอได้เห็นบ่อยๆ เข้าก็ยากที่จะดึงดูดคนให้เกิดความเพลิดเพลิน เหตุการณ์และบุคคลประหลาดที่เกิดขึ้นบนเกาะกุ้ยฮวาต่างหากที่ทำให้แม่นางกุ้ยฮวาอย่างพวกนางสนใจได้มากกว่า

เฉินผิงอันสังเกตเห็นว่ายามเหม่า (05.00-07.00) ของทุกวันที่เขาตื่นนอน ฟ้ายังไม่ทันสาง ฝึกเดินนิ่งหกก้าวก่อนประมาณหนึ่งชั่วยาม ผู้ฝึกกระบี่เฒ่าหม่าจื้อจะปรากฎตัวในช่วงยามเฉิน (07.00-09.00) ดื่มเหล้าหมักกุ้ยฮวากาหนึ่งอย่างเนิบช้าสบายอารมณ์ รอจนเฉินผิงอันฝึกวิชาหมัดธรรมดาไร้ความมหัศจรรย์นั้นเสร็จสิ้น หรือจะพูดให้ถูกต้องก็คือเฉินผิงอันรอให้ผู้เฒ่าดื่มเหล้ากานั้นจนหมด ก็จะเป็นช่วงเวลาที่จินซู่เอาอาหารเช้ามาส่งพอดี ใช้เวลาไปอีกประมาณสองเค่อ ระหว่างนี้หม่าจื้อจะอธิบายถึงสาเหตุของน้ำหนักหนักเบาและปณิธานกระบี่ในการออกกระบี่ของวันนั้น รวมไปถึงเรื่องน่าสนใจเกี่ยวกับผู้ฝึกกระบี่ใต้หล้าคร่าวๆ

หลังจากนั้นเฉินผิงอันก็จะมอบกล่องอาหารคืนให้กับจินซู่ที่รออยู่ตรงหน้าประตู ส่วนใหญ่จะพูดแค่ขอบคุณเท่านั้น หากเรือนเล็กกุยม่ายต้องการสุราเพิ่ม เขาก็จะบอกกับหญิงสาวคนนั้นไปตามตรงโดยไม่รู้สึกลำบากใจ

การฝึกตนในหนึ่งวัน ภายใต้การเสนอแนะจากหม่าจื้อจึงเปลี่ยนจากง่ายไปเป็นยาก เฉินผิงอันฝึกท่ากระบี่จาก ‘คัมภีร์เวทกระบี่ที่แท้จริง’ เล่มนั้นก่อน ใช้เวลาสองชั่วยามของช่วงเช้า ระหว่างนี้หม่าจื้อจะออกกระบี่อย่างกะทันหัน จงใจทำลายกระบวนท่ากระบี่ที่เฉินผิงอันสร้างขึ้นในรวดเดียวลง ดังนั้นเฉินผิงอันจึงจำเป็นต้องปูพื้นกระบวนท่ากระบี่สี่อย่างซึ่งรวมกระบวนท่าหิมะทลาย ท่าสยบเสินโถวเป็นหนึ่งในนั้น และยิ่งจำเป็นต้องคอยระวังการลอบโจมตีจากผู้ฝึกกระบี่ขอบเขตโอสถทองคนหนึ่งอยู่ตลอดเวลาด้วย และบางครั้งหม่าจื้อก็จะเอาการฝึกกระบี่ที่เขาต้องสอนช่วงบ่ายมาฝึกล่วงหน้าในช่วงเช้าเลย

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา!