กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา! นิยาย บท 273

กระบี่จงมา – บทที่ 273.2 เฉินผิงอัน เจ้าฟังข้านะ
บทที่ 273.2 เฉินผิงอัน เจ้าฟังข้านะ
โดย
ProjectZyphon
ชายฉกรรจ์กอดกระบี่ไม่เพียงแต่ไม่หยุดเมื่อถึงเวลาสมควร กลับกันยังราดน้ำมันลงบนกองไฟโดยการพูดกลั้วหัวเราะคิกคัก “มิน่าเล่าภาพเหมือนนายท่านมรรคาจารย์เต๋าของพวกเจ้าที่อยู่ในหอซ่างเซียงถึงได้แขวนไว้สูงขนาดนั้น ห่างจากสามเจ้าลัทธิอาจารย์ของพวกเจ้าไกลหนึ่งแสนแปดพันลี้เลยทีเดียว”

นักพรตน้อยกระโดดผลุงขึ้นมา “เจ้าอยากมีเรื่องใช่ไหม?”

ชายฉกรรจ์กอดกระบี่หัวเราะฮ่าๆ “โชคดีที่เจ้าไม่ได้พูดว่า ‘เจ้าอยากรนหาที่ตาย’ ไม่อย่างนั้นข้าคงต้องวิจารณ์ว่าเจ้าพูดจาเหลวไหล ข้าคนนี้ข้อดีอย่างอื่นไม่มี แค่เป็นคนตรงไปตรงมาอย่างที่อาเหลียงพูด ดังนั้นเรื่องการประจบสอพลอและเปิดโปงข้อเสียของคนอื่น ขนาดอาเหลียงยังบอกว่าข้าอยู่ในอันดับต้นๆ ของกำแพงเมืองปราณกระบี่”

นักพรตน้อยโมโหจนกัดฟันกรอดๆ เอาสองมือไพล่หลัง เดินเป็นวงกลมอยู่บนเบาะพลางพึมพำเบาๆ “เจ้าคิดว่าเจ้าคืออาเหลียงของที่นี่? เจ้าคือผู้ลี้ภัยที่เกิดและเติบโตมาจากที่นั่น…หากไม่เป็นเพราะอาจารย์เคยเตือนให้ข้าทำตัวดีๆ กับคนอื่น วันนี้ข้าจะอัดให้เจ้าจำหน้าเดิมตัวเองไม่ได้ ไม่สนด้วยว่าเจ้าจะถูกฟ้าดินของที่แห่งนี้กดกำราบขอบเขตให้ถดถอยลงไปครึ่งหนึ่งหรือไม่ ชนะแบบไม่สมเกียรติแล้วอย่างไร อัดให้เจ้าไม่มีหน้าออกมาพบเจอคนตลอดหนึ่งปีต่างหากที่ถึงจะสาแก่ใจ อัดให้เจ้าเป็นเหมือนศิษย์พี่ที่อยู่ด้านบนภูเขาเดียวดายในปีนั้น…เกลียดขี้หน้าเจ้ามาหลายปีแล้ว…”

นักพรตหญิงที่เดิมทีหวังให้อาจารย์ช่วยหนุนหลัง กลับต้องมาเห็นอาจารย์เกิดโทสะอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อนก็ให้รู้สึกเสียใจจนไส้เขียว ตนไม่ควรมาที่นี่เลย

โดยเฉพาะเมื่ออาจารย์เปิดเผยความลับสวรรค์บางอย่างออกมาโดยไม่ทันระวัง นักพรตหญิงก็รู้สึกว่าวันเวลาในภูเขาห้อยหัวของตนคงดำเนินไปอย่างยากลำบากแล้ว

เทียนจวินอาจารย์ลุงที่พิทักษ์ใจกลางของภูเขาเดียวดายท่านนั้นอาจจะคร้านมาสนใจตน แต่ลูกศิษย์ใหญ่ของเขา เจียวหลงเจินจวินที่ถือแส้ปัดฝุ่นไว้ในมือ บุคคลทรงอิทธิพลลำดับสามของภูเขาห้อยหัวผู้นั้นมีชื่อเสียงเรื่องการเคารพอาจารย์และให้ความสำคัญกับมรรคามากที่สุด เขาจะต้องแอบเล่นงานสร้างความลำบากแก่นางอย่างลับๆ ไปจนชั่วฟ้าดินสลาย ต้องเป็นแบบนั้นแน่ๆ …

นักพรตหญิงอยากร้องไห้แต่ไร้น้ำตา

เหตุใดตนต้องมาเจอกับอาจารย์ที่ไม่เคยปกป้องลูกศิษย์ของตัวเองท่านนี้ด้วยนะ

บนถนนนอกหอจิ้งเจี้ยน เฉินผิงอันที่ได้มาเดินเที่ยวหอจิ้งเจี้ยนกับคู่สามีภรรยาจนทั่วอย่างงงๆ ตอนนี้กำลังเดินตามคนทั้งสองไปดื่มเหล้าลืมทุกข์อะไรที่ร้านเหล้าแบบงงๆ ด้วย

บางครั้งเขาก็รู้สึกเลื่อนลอย บางครั้งก็คุยกับฮูหยินที่หันมาถาม เหมือนว่าจะผ่านไปนานมาก แต่ก็เหมือนว่าจะเป็นเวลาไม่ถึงหนึ่งก้านธูป คนทั้งสามก็มาถึงร้านสุราที่ยังไม่ปิดกิจการ แต่การค้าซบเซา ในร้านกลับไม่มีแขกเลยแม้แต่คนเดียว มีเพียงลูกจ้างร้านเด็กหนุ่มคนหนึ่งที่ฟุบงีบหลับอยู่บนโต๊ะ กับตาเฒ่าอีกคนหนึ่งที่นั่งหยอกนกตัวหนึ่งในกรงอยู่หลังโต๊ะคิดเงิน

เถ้าแก่เฒ่าชำเลืองตามาเห็นสองสามีภรรยา “แขกที่หาได้ยากๆ จำเป็นต้องเอาเหล้าออกมาแล้ว”

จากนั้นเขาก็ปรายตาไปมองเด็กหนุ่มสะพายกระบี่ที่อยู่ด้านหลังคนทั้งสอง ขมวดคิ้วมุ่น แต่แล้วก็ถอนหายใจหนึ่งครั้ง ไม่ได้พูดอะไร ดูเหมือนว่าเพราะเห็นแก่มิตรภาพถึงได้ยอมหลับตาข้างหนึ่งลืมตาข้างหนึ่ง

ผู้เฒ่าหันไปตวาดใส่ลูกจ้างจอมเกียจคร้านคนนั้น “สวี่เจี่ย! นอนๆๆ ทำไมเจ้าไม่นอนให้ตายไปเลยล่ะ! ลูกค้ามาแล้ว ไปยกเหล้ามาหนึ่งไห!”

เด็กหนุ่มที่ชื่อว่าสวี่เจี่ยพลันสะดุ้งตื่น เช็ดคราบน้ำลาย ลุกขึ้นยืนอย่างไร้เรี่ยวแรง เดินหลังงอไปยกเหล้ามาหนึ่งไห วางไว้บนโต๊ะของคนทั้งสาม หาวพลางกล่าวว่า “ลูกค้าทั้งสามท่าน ดื่มช้าๆ กฎเดิม ที่ร้านไม่มีอาหารให้กิน”

สตรีแต่งงานแล้วผงกศีรษะตอบรับ จากนั้นก็คลี่ยิ้มให้เฉินผิงอันที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้าม “มีหลวงจีนท่านหนึ่งที่ร้ายกาจมากเคยเดินทางท่องเที่ยวมาถึงที่นี่ ดื่มเหล้าลืมทุกข์ไปแล้วก็เอ่ยชมไม่ขาดปาก เขากล่าวไว้ว่า ‘สิ่งที่ทำลายพระในใจของข้าได้ มีเพียงสุรานี้’”

ผู้เฒ่าที่เป็นเถ้าแก่พูดยิ้มๆ ว่า “ก็ใช่น่ะสิ หลวงจีนเฒ่าผู้นั้นร้ายกาจจริงๆ เกรงว่าต่อให้อาเหลียงใช้กระบี่ฟันลงไปหลายครั้งก็คงไม่อาจทำลายฟ้าดินขนาดเล็กของลาหัวโล้นผู้นั้นได้”

อ้อมไปอ้อมมาก็คืออยากจะพูดว่าเหล้าของตัวเองร้ายกาจที่สุดในใต้หล้านั่นเอง

แต่เฉินผิงอันที่ได้ยินคนอื่นในภูเขาห้อยหัวพูดถึงอาเหลียง ลึกๆ ในใจเขากลับดีใจมาก

ดังนั้นครั้งนี้เขาจึงอยากจะดื่มเหล้าจริงๆ แล้ว

ผลกลับกลายเป็นว่าผู้เฒ่าดันตบโต๊ะดังปัง กล่าวอย่างมีโทสะ “แม่งเอ๊ย พูดถึงอาเหลียงทีไรก็โมโหทุกที! ติดเงินค่าเหล้าข้ายี่สิบกว่าไห ทั้งใต้หล้าก็มีแต่เขาคนเดียวเท่านั้น! ปีนั้นเฉินฉุนอันแห่งนาตยทวีป และยังมีเทพแห่งการต่อสู้หญิงคนที่เพิ่งได้เลื่อนขั้นเมื่อไม่นานมานี้ รวมไปถึงไอ้พวกตาแก่จากเมธีร้อยสำนักทั้งหลาย มีใครบ้างที่กล้าติดค้างเงินค่าเหล้าข้า?”

“พวกเรามาพูดถึงบัณฑิตคนนั้นของทวีปแดนเทพแผ่นดินกลาง ช่วงที่ตกต่ำที่สุด ยังไม่ได้ร่ำรวยเป็นเศรษฐี ผู้ฝึกลมปราณขอบเขตชมมหาสมุทรเล็กๆ ผู้นั้นน่ะ ดื่มเหล้าแต่งกลอนร้อยบท ดื่มเหล้าอะไร ก็เหล้าของข้านี่ไงล่ะ! แต่เขามาๆ ไปๆ สามครั้ง นับรวมกันแล้วยังติดเหล้าข้าไม่ถึงสี่ห้าไห แต่อาเหลียงนั่นเป็นคนก่อกรรมทำชั่ว ข้ากลับต้องกลายมาเป็นคนรับกรรมแทนเขา!”

สตรีแต่งงานแล้วหันมาขยิบตาให้เฉินผิงอัน ราวกับต้องการบอกว่าผู้เฒ่ามีนิสัยเป็นแบบนี้เอง ปล่อยให้เขาพูดไป เจ้าไม่จำเป็นต้องสนใจ

ลูกจ้างเด็กหนุ่มกล่าวอย่างอัดอั้นไม่พอใจ “ตาเฒ่า ท่านอย่าพูดถึงอาเหลียงอีกได้ไหม เพื่อเขาแล้ว จนถึงวันนี้คุณหนูก็ยังไม่กลับมาภูเขาห้อยหัว ข้าคิดถึงคุณหนูจะตายอยู่แล้ว”

ผู้เฒ่าพลันลดระดับเสียงกลายเป็นพูดพึมพำว่า “ลูกสาวที่ใจดำแบบนั้น ปล่อยให้สร้างหายนะให้คนอื่นอยู่ข้างนอกนั่นแหละดีแล้ว”

พอเปิดไหเหล้า บุรุษก็รินเหล้าใส่ถ้วยขาวใบใหญ่สามใบ แล้วก็เป็นอย่างที่ฮูหยินพูดไว้จริงๆ ในชีวิตนี้เขาเกลียดคนที่คะยั้นคะยอให้ดื่มเหล้ามากที่สุด ถึงได้พูดอย่างตรงไปตรงมาว่า “หลังจากนี้อยากดื่มก็ดื่ม ไม่อยากดื่มก็เททิ้ง”

เฉินผิงอันจิบคำเล็กอย่างระมัดระวัง ไม่มีรสชาติอะไรมากนัก แค่แรงกว่าเหล้าหมักกุ้ยฮวาเล็กน้อย แต่ก็ไม่ถึงขั้นเผาดาบสะบั้นไส้ให้ขาดได้ เฉินผิงอันจิบคำเล็กติดๆ กันอีกสองคำ ทั้งลำคอและท้องล้วนไม่มีความผิดปกติใดๆ จึงวางใจได้อย่างเต็มที่ คาดเดาเอาว่าเหล้าลืมทุกข์นี้คงมีความลี้ลับในด้านอื่น ไม่ใช่ด้านของรสชาติ

เหล้าหนึ่งไห หลังจากทุกคนดื่มกันไปคนละสองถ้วยใหญ่ก็เหลือแค่ติดก้นไหแล้ว

สตรีแต่งงานแล้วหันไปยิ้มมองเถ้าแก่วัยชรา ขอเหล้าเพิ่มอีกหนึ่งไห ผู้เฒ่าเห็นว่าสตรีแต่งงานแล้วส่งยิ้มอ่อนหวานมาให้ก็ถอนหายใจหนึ่งครั้ง เดินไปหยิบมาด้วยตัวเอง เอาเหล้าสองไหวางลงบนโต๊ะเบาๆ “เหล้าทั้งสามไห ถือว่าข้าเลี้ยงพวกเจ้า ไม่คิดลงในบัญชี”

เฉินผิงอันดื่มจนหน้าตาแดงก่ำไปหมด ทว่าหัวสมองกลับโปร่งโล่งราวกับไม่มึนเมา ยิ่งไม่มีอาการของคนเมามาย แต่เขากลับรู้สึกได้ถึงอาการเคลิ้มกรึ่มนิดๆ ของตัวเองอย่างชัดเจน

ดื่มเหล้าไปแล้วก็อยากพูดมากขึ้น

ก็เหมือนกับอาการเรอหลังดื่มเหล้าที่จะให้กลั้นเอาไว้ก็ไม่มีปัญหา แต่ถึงอย่างไรได้ปล่อยออกมาก็รู้สึกดีกว่า

ตอนแรกบุรุษเอาแต่ก้มหน้าก้มตาดื่มเหล้า บ้างก็มองออกไปนอกร้าน ใจลอยไปไกล

ส่วนสตรีแต่งงานแล้วดูเหมือนจะชอบคุยกับเฉินผิงอันมาก คุยตั้งแต่เรื่องบ้านเกิดของเฉินผิงอันจนมาถึงการเดินทางไกลสองครั้ง

ในเมื่อไม่ได้เมา เฉินผิงอันจึงเลือกเล่าเรื่องราวและบุคคลที่น่าสนใจให้นางฟัง

ภายหลังไม่รู้ว่าพูดไปถึงแม่นางคนนั้นได้อย่างไร

เฉินผิงอันที่เดิมทีตัดสินใจว่าดื่มเหล้าหมดสี่ชามจะคว่ำชามเลิกดื่มกลับรินเหล้าให้ตัวเองเงียบๆ อีกหนึ่งชาม แต่ก็ไม่ได้พูดถึงเรื่องที่เอากระบี่มาส่ง บอกแค่ว่าตัวเองมีธุระต้องออกจากบ้านเกิดมาที่ภูเขาห้อยหัว แล้วได้รู้จักกับแม่นางคนหนึ่งพอดี บ้านของนางอยู่ที่กำแพงเมืองปราณกระบี่ จากนั้นคนทั้งสองก็ได้พบกัน ง่ายดายเพียงเท่านี้

สตรีแต่งงานแล้วยิ้มบางๆ “ถ้าอย่างนั้นเจ้าก็เดินทางมาไกลมากเลยสิ?”

เฉินผิงอันถือถ้วยไว้ในมือ ครุ่นคิดแล้วก็ส่ายหน้า “ไม่ไกลหรอก คิดแค่ว่าเดินก้าวหนึ่งก็ขยับใกล้ขึ้นอีกนิด แค่นี้ก็ไม่รู้สึกว่าไกลเท่าไหร่แล้ว”

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา!