กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา! นิยาย บท 274

สรุปบท บทที่ 274.2 หวงเหลียง ปราณกระบี่ยาว: กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา!

อ่านสรุป บทที่ 274.2 หวงเหลียง ปราณกระบี่ยาว จาก กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา! โดย Internet

บทที่ บทที่ 274.2 หวงเหลียง ปราณกระบี่ยาว คืออีกหนึ่งตอนเด่นในนิยายกำลังภายใน กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา! ที่นักอ่านห้ามพลาด การดำเนินเรื่องในตอนนี้จะทำให้คุณเข้าใจตัวละครมากขึ้น พร้อมกับพลิกสถานการณ์ที่ไม่มีใครคาดคิด เขียนโดย Internet อย่างเฉียบคมและลึกซึ้ง

กระบี่จงมา – บทที่ 274.2 หวงเหลียง ปราณกระบี่ยาว
บทที่ 274.2 หวงเหลียง ปราณกระบี่ยาว
โดย
ProjectZyphon
เฉินผิงอันวางถ้วยเหล้าลง กล่าวอย่างจนใจว่า “ข้าเขียนตัวอักษรไม่สวยเลยนะ”

สวี่เจี่ยกลอกตามองบน “จะแย่ยิ่งกว่าตัวอักษรยึกยือของอาเหลียงอีกหรือ? อีกอย่างต่อให้เป็นพวกคนที่มีฝีมือด้านการเขียนอักษรจีนเลื่องลือไปทั่วหล้าก็ยังถูกพวกที่อยู่วงการเดียวกันเรียกตัวอักษรของพวกเขาว่าคางคกถูกหินทับ งูตายห้อยอยู่บนกิ่งไม้ แม่ทัพบู๊ปักดอกไม้ หญิงชราสวมเสื้อเกราะอยู่ดีไม่ใช่หรือ?”

เด็กหนุ่มพูดเบาๆ “ข้าจะบอกเจ้าตามตรง อักษรใดของใครก็ตามที่อยู่บนกำแพงนั้น ต่อให้ไม่ดีแค่ไหน แต่เมื่ออยู่ต่อหน้าตัวอักษรอาเหลียงก็ล้วนงดงามราวกับเซียนบนสวรรค์! ไม่เชื่อเจ้าก็ลองเดินไปดูเองสิ”

เฉินผิงอันยังไม่รับพู่กันมา แต่ลุกขึ้นเดินไปทางกำแพง มองไกลๆ เห็นเป็นแค่กำแพงสีขาว ไม่มีภาพวาดหรือตัวอักษรที่เขียนด้วยพู่กันอย่างงดงาม แต่พอเดินเข้าไปใกล้ ถึงได้สังเกตเห็นว่าบนกำแพงเขียนเต็มไปด้วยคำกลอน วลีและคำเตือน

มากมายละลานตา

มีลายมือของบางคนที่โดดเด่นดั่งนกกระเรียนในฝูงไก่ เขียนเป็นคำกลอนด้วยลายมือหวัดหนึ่งบท กินพื้นที่เยอะมาก

ดุจดั่งกลุ่มบุปผาสีสันแพรวพราว หมู่มวลดอกไม้แข่งกันประชันความงาม ทว่ามีเพียงโฉมสะคราญหนึ่งเดียวที่ช่วงชิงความโดดเด่นไปหมด

แล้วก็มีลายมือที่ไม่เข้าพวกอยู่บางส่วน ที่สะดุดตาที่สุดคือตัวอักษรขนาดใหญ่บรรทัดหนึ่งที่บิดๆ เบี้ยวๆ ขนาดเฉินผิงอันก็ยังรู้สึกว่าน่าเกลียดจนแทบจะทนมองไม่ได้ เนื้อหาก็ยิ่งทำให้คนพูดไม่ออก ‘พอคิดถึงว่ามีสตรีมากมายหลงใหลปักใจรักตัวข้า มโนธรรมในใจข้าก็เจ็บปวดแล้ว’ ประเด็นสำคัญคือช่วงท้ายของประโยคยังวาดหน้ายิ้มกับมือที่ยกนิ้วโป้งไว้ด้วย

ไม่ต้องสงสัยเลย นี่ต้องเป็นลายมือของอาเหลียงอย่างแน่นอน เพราะคนทั่วไปคงไม่มีหน้าจะเขียนประโยคแบบนี้

เฉินผิงอันกลั้นยิ้ม หันหน้ากลับไปถาม “ท่านผู้เฒ่า ประโยคแบบนี้ก็เก็บไว้ด้วยหรือ?”

เด็กหนุ่มที่ถือพู่กันรออยู่ด้านข้างกล่าวอย่างกะปลกกะเปลี้ย “หนึ่งก็เพราะอาเหลียงหน้าด้านยืนกรานว่าถ้าลบหนึ่งตัวอักษร ก็เท่ากับว่าเขาคืนค่าเหล้าหนึ่งไห สองคือคุณหนูของข้าชอบประโยคนี้มากเป็นพิเศษ รู้สึกว่าอาเหลียงกำลังชื่นชมนาง คุณหนูของข้ายังใช้เหล้าหวงเหลียงหนึ่งไหไปแลกกับนิยายรักเล่มหนึ่งจากบรรพบุรุษสำนักผู้ประพันธ์โดยเฉพาะ หวังให้เขาช่วยเขียนเรื่องราวระหว่างนางกับอาเหลียง เป็นเรื่องแนว…เถ้าแก่ เรียกว่าแนวอะไรแล้วนะ?”

ผู้เฒ่าแค่นเสียงเย็น “แนวรันทดเศร้าโศก”

สวี่เจี่ยพยักหน้ารับ “ใช่ อันที่จริงตอนนั้นคุณหนูยังบอกบรรพบุรุษสำนักผู้ประพันธ์คนนั้นเป็นนัยว่า ยิ่งเขียนตรงและโจ่งแจ้งได้เท่าไหร่ก็ยิ่งดี ภายหลังคาดว่าคนผู้นั้นคงเขียนไม่ออกจริงๆ จึงเขียนได้ค่อนข้างจะคลุมเครือ คุณหนูไม่พอใจมาก ออกจากบ้านไปคราวนี้ นางพูดเองว่าจะหนีตามผู้ชายไป และเรื่องหนึ่งที่นางจะทำคือไปหาเรื่องบรรพบุรุษท่านนั้น เพราะรังเกียจที่เขาแต่งเรื่องได้แย่มาก เป็นพวกนักต้มตุ๋นที่สร้างชื่อเสียงจอมปลอม จะต้องตำหนิเขาจนฟองน้ำลายกระเซ็นเต็มหน้าเขาให้ได้”

สายตาของเฉินผิงอันไล่มองไปทั่วกำแพงสูง สุดท้ายก้มหน้าลงต่ำ เขาเห็นตัวอักษรเล็กๆ อีกแถวหนึ่งตรงมุมเล็กๆ ตัวอักษรนั้นยังคงเป็นลายมือของอาเหลียง แต่ไม่สะดุดตาเท่าใดนัก

เสี่ยว ยุทธภพไม่มีอะไรดี มีแต่สุราที่พอใช้ได้

ตัวอักษรที่อยู่ด้านหลังคำว่า ‘เสี่ยว’ อาเหลียงถูจนกลายเป็นปื้นดำ

เฉินผิงอันถาม “เขียนอะไรก็ได้งั้นหรือ?”

สวี่เจี่ยยื่นพู่กันส่งให้พลางผงกศีรษะรับ “ได้หมด ขอแค่เขียนตรงตำแหน่งที่ว่าง ไม่ว่าจะเขียนอะไรก็ได้”

ลูกจ้างหนุ่มไม่ลืมเอ่ยเตือนว่า “ลูกค้า แต่อย่าเขียนว่าใครมาเยือนที่นี่เลยนะ มันธรรมดาเกินไป ต่อให้เป็นประโยคที่ไร้ยางอายของอาเหลียงก็ยังดีกว่าคำว่ามาเยือนที่นี่”

เฉินผิงอันรับพู่กันมา แล้วจู่ๆ ก็วิ่งกลับไปที่โต๊ะ ยกเหล้าดื่มอึกใหญ่ถึงย้อนกลับมาที่กำแพงอีกครั้ง ย่อตัวลงนั่งยอง จรดพู่กันลงบนตำแหน่งเหนือปื้นดำหลังคำว่า ‘เสี่ยว’ แล้วเขียนตัวอักษรเล็กๆ คำว่าฉีลงไป

เสี่ยวฉี ยุทธภพไม่มีอะไรดี มีแต่สุราที่พอใช้ได้

ผู้เฒ่าเอ่ยสัพยอก “อันที่จริงตัวอักษรไม่มีชีวิตชีวาอะไร แค่ถูกต้องตามหลักกฎเกณฑ์ แต่พอไปอยู่ข้างตัวอักษรของอาเหลียงกลับดูดีอย่างเห็นได้ชัด เจ้าทำแบบนี้เรียกว่าโกง ไม่ได้ ลองไปเขียนที่อื่นดูใหม่”

เฉินผิงอันพยักหน้ารับแล้วก็เริ่มเลือกตำแหน่งที่ว่างเปล่า ทว่าแถบกลางของกำแพง โครงสร้างค่อนข้างแน่นหนา คิดจะสอดด้ายร้อยเข็มเบียดแทรกเข้าไปก็ได้เหมือนกัน แต่เฉินผิงอันกลับรู้สึกว่าทำอย่างนั้นเป็นการไม่เคารพต่อคนที่เขียนไว้ก่อน อีกอย่างคนที่กล้าเขียนตรงกลางกำแพง ส่วนใหญ่ล้วนมีลายมือที่สวยมาก มีท่วงทำนองในการเขียนที่เป็นเอกลักษณ์ เฉินผิงอันไม่กล้าเขียนตรงแถบนี้จริงๆ จึงพยายามมองไปยังตำแหน่งสูงหรือไม่ก็ตำแหน่งต่ำสองข้างฝั่ง สวี่เจี่ยออกเสียงเตือนพร้อมชี้มือไปยังตำแหน่งว่างสองแห่งที่มีพื้นที่กว้างพอสมควร แห่งหนึ่งอยู่บนสุดฝั่งขวา อีกแห่งหนึ่งอยู่ล่างสุดฝั่งซ้าย

เฉินผิงอันขยับเท้า นั่งยองตรงฝั่งซ้ายสุด สูดลมหายใจเข้าลึกหนึ่งครั้งแล้วเขียนตัวอักษรลงไปสามคำ

ก่อนที่จะเขียน เขานึกถึงเซียนกระบี่และกระบี่เซียนมากมายที่อยู่ในหอจิ้งเจี้ยน

ดังนั้นตัวอักษรสามตัวที่เขาจรดพู่กันลงไปจึงเป็นคำว่า ปราณกระบี่ยาว

สวี่เจี่ยมองตัวอักษรทั้งสามที่ถูกต้องตามกรอบเป๊ะๆ ก็ให้เบื่อหน่าย เด็กหนุ่มส่ายหน้าเบาๆ อย่างไม่ใคร่จะถูกใจ อดพึมพำเบาๆ ไม่ได้ว่า “แค่มองก็รู้ว่าเรียนหนังสือมาไม่มาก”

ผู้เฒ่าพยักหน้าพูดคล้อยตามลูกจ้างร้านอย่างที่หาได้ยาก “อีกอย่างก็คือยังดื่มเหล้าไม่มากพอ นี่ เจ้าหนุ่มต้าหลีแซ่เฉิน อย่าได้รีบร้อน หากดื่มเหล้าถ้วยใหญ่สักถ้วยจนสาแก่ใจแล้ว คิดจะเขียนความในใจสักประโยค ไม่ยากอย่างที่เจ้าคิดหรอก เลี้ยงเหล้าพวกเจ้าสามไห เขียนได้สามประโยค ยังเหลือโอกาสครั้งสุดท้าย”

เฉินผิงอันกลับยื่นพู่กันคืนสวี่เจี่ย ยิ้มพูดกับผู้เฒ่าว่า “ไม่เขียนแล้ว”

แม้ว่าการดื่มเหล้าครั้งนี้จะดื่มแบบเลอะๆ เลือนๆ แต่หลังจากดื่มเหล้าแล้วเดินออกมาจากร้าน เฉินผิงอันพลันเข้าใจเรื่องหนึ่งอย่างกระจ่างแจ้ง

เฉินผิงอันปลดน้ำเต้าเลี้ยงกระบี่ลงมาดื่มเหล้าหมักกุ้ยฮวาที่เหลืออยู่อีกไม่มาก ดื่มไปพูดงึมงำกับตัวเองไปด้วย

แม่นางหนิงคงไม่ชอบเจ้าจริงๆ แล้วล่ะ

หาไม่ตอนนั้นที่อยู่ถ้ำสวรรค์หลีจู นางบอกแล้วว่าจะมอบฝักกระบี่ให้เจ้า แล้วทำไมคราวนี้ถึงได้แกล้งทำเป็นลืมเรื่องนี้ไปล่ะ?

เฉินผิงอันเจ้ามันซวยจริงๆ นี่มันใช่เรื่องที่ว่าแม่นางหนิงชอบหรือไม่ชอบเจ้าเสียที่ไหน ต้องถามว่านางเกลียดหรือไม่เกลียดเจ้าต่างหาก

คิดมาถึงตรงนี้เด็กหนุ่มก็พยายามมองหาความสุขจากความทุกข์คล้ายต้องการปลอบใจตัวเอง เดินทางในยุทธภพคราวนี้นับว่าไม่เสียเที่ยว อย่างน้อยตัวเองก็ฉลาดขึ้นบ้างแล้ว

แต่เขาก็ยังตัดสินใจว่าจะไปที่กำแพงเมืองปราณกระบี่ดูสักครั้ง

เขาพร่ำบอกกับตัวเองไม่หยุดว่าแค่จะไปดูตัวอักษรขนาดใหญ่ที่สลักไว้บนกำแพงเมืองปราณกระบี่เท่านั้น

หาก ‘บังเอิญ’ เจอกับแม่นางบางคนในสถานที่ใดเวลาใด อย่างมากก็ยิ้มและทักทายนางอย่างใจกว้าง เพียงแต่ว่าตอนเปิดปากทักควรจะเอ่ยว่า ‘บังเอิญจัง’ หรือ ‘เจ้าก็อยู่นี่ด้วยหรือ’ เฉินผิงอันยังไม่แน่ใจว่าประโยคไหนเหมาะสมกว่ากัน

เฉินผิงอันตั้งใจคิดปัญหาข้อนี้มาก

เป็นเหตุให้สัมผัสไม่ได้สักนิดเลยว่าด้านหลังของตัวเองมีแม่นางคนหนึ่งที่ใกล้จะโมโหเขาจนตายอยู่แล้วเดินตามมา

นางสวมชุดยาวสีเขียวเข้ม

—–

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา!