คนคนหนึ่งจะไม่เคยรบกวนคนอื่นเลยได้อย่างไร รบกวนบ้างครั้งสองครั้งก็ไม่จำเป็นต้องละอายใจเกินไป
เดินไปเดินมา เฉินผิงอันก็มองเห็นนาง
หนิงเหยายืนอยู่อีกฝั่งหนึ่งของถนน กำลังเดินตรงมาหาเฉินผิงอันช้าๆ
นางสวมชุดยาวสีเขียวเข้ม หากจำไม่ผิด มันเหมือนชุดใหม่ที่เขาเคยซื้อให้นางตอนอยู่ถ้ำสวรรค์หลีจูมาก สวมอยู่บนร่างนาง เหมาะมาก
เฉินผิงอันวิ่งเหยาะๆ ไปข้างหน้า มาหยุดอยู่ตรงหน้าหนิงเหยาแล้วหลุดปากพูดไปว่า “บังเอิญจัง”
หนิงเหยากระตุกมุมปากแล้วทำหน้าเคร่ง ไม่พูดไม่จา
เฉินผิงอันเอ่ยเบาๆ ว่า “เดิมทีคิดไว้ว่าสองวันนี้จะเดินเที่ยวในภูเขาห้อยหัวให้ครบ เดินดูร้านค้าให้มากหน่อย สุดท้ายถึงค่อยตัดสินใจว่าจะไปซื้อของที่เรือนหลิงจือสักสองสามชิ้นดีหรือไม่ ถึงเวลานั้นจะได้มอบพวกมันให้เจ้าพร้อมกับกระบี่เล่มที่ช่างหร่วนเป็นผู้หลอม”
หนิงเหยาพูดอย่างไม่สบอารมณ์ “เรือนหลิงจือจะมีของดีอะไรได้ อยากก็มีแค่หลิงจือสมปรารถนาดอกนั้นและน้ำเต้าเลี้ยงกระบี่ใบหนึ่งที่พอจะเข้าท่าเข้าที แต่ข้าไม่มีความจำเป็นต้องใช้สักหน่อย อีกอย่างเรือนหลิงจือก็ไม่มีทางขาย เจ้าเองก็ซื้อไม่ไหว”
เฉินผิงอันร้องอ้อหนึ่งทีแล้วเกาหัว รู้สึกเสียดายเล็กน้อย
หนิงเหยาลังเลอยู่ชั่วขณะ แต่สุดท้ายก็เลือกที่จะทำในสิ่งที่ขัดต่อนิสัยตัวเอง พูดอธิบายเสริมอีกหนึ่งประโยคอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน “ไม่ได้มีความหมายอย่างอื่น เจ้าอย่าคิดมาก”
เฉินผิงอันยิ้มตอบ “ไม่คิดมากหรอก ตอนนี้ในหัวข้าเหลวเป็นแป้งเปียก คิดอะไรก็ปวดหัวไปหมด”
หนิงเหยาถาม “เห็นข้าแล้ว ปวดหัวหรือไม่?”
เฉินผิงอันรีบตอบ “ดีขึ้นเยอะเลย”
หนิงเหยาถาม “เจ้าพักอยู่ที่ไหน? เดินเตร่ไปทั่วแบบนี้ ทำไม คิดอยากจะเป็นวีรบุรุษช่วยสาวงามที่ได้รับความไม่เป็นธรรมอยู่ข้างทางงั้นรึ?”
เฉินผิงอันถอนหายใจ “เมื่อคืนวานดื่มเหล้าลืมทุกข์ของพื้นที่มงคลหวงเหลียงไป ผลกลับกลายเป็นว่าพอออกจากร้านก็ไม่รู้ว่าตัวเองจะกลับไปยังไง”
คนทั้งสองเดินไปบนถนนอย่างเรื่อยเปื่อย หนิงเหยาถามว่า “เจ้าไปดื่มเหล้าลืมทุกข์ได้อย่างไร?”
เฉินผิงอันกดเสียงลงต่ำ “มีสามีภรรยาคู่หนึ่งเลี้ยงเหล้าข้า น่าประหลาดมาก เมื่อครู่นี้ข้าถูกคนจับไปที่กำแพงเมืองปราณกระบี่ เห็นว่าพวกเขาอยู่บนหัวกำแพงด้วย แต่เมื่อคืนวานพวกเขากลับบอกว่าเพิ่งมาที่หอจิ้งเจี้ยนเป็นครั้งแรก แต่กลับสามารถเล่าเรื่องเซียนกระบี่ผู้อาวุโสได้อย่างคุ้นเคยเหมือนคนเหล่านั้นเป็นสมบัติในบ้านตัวเอง หรือว่าคนของภูเขาห้อยหัวไปที่กำแพงเมืองปราณกระบี่ง่าย แต่หากสลับกันกลับยากมาก? แต่ถึงแม้ว่าเรื่องนี้จะน่าประหลาดใจแค่ไหน ข้าก็ยังรู้สึกว่าสองสามีภรรยาเป็นคนดี เลี้ยงเหล้าข้า เป็นเรื่องดี วันหน้าหากมีโอกาส ข้าจะต้องเลี้ยงเหล้าพวกเขากลับให้ได้”
หนิงเหยาอืมรับเสียงคลุมเครือไม่ชัดเจน
คนทั้งสองเดินอยู่ในตรอกเส้นหนึ่งที่เงียบสงบ กำแพงสูงสองฝั่งล้วนเต็มไปด้วยดอกหวายม่วง (ภาษาอังกฤษคือต้นวีสเตียเรีย) หนิงเหยาเงียบไปตลอดทาง
เฉินผิงอันถามว่า “แม่นางหนิง ตอนนั้นเจ้ารีบร้อนจากไป ข้าลืมถามเจ้าว่า เจ้ารังเกียจข้าใช่ไหม”
หนิงเหยาตอบอย่างรวดเร็ว “เปล่า”
เฉินผิงอันมองนาง เพิ่งจะค้นพบว่าที่แท้การชอบแม่นางที่ดีมากคนหนึ่ง ซึ่งดูเหมือนว่านางจะไม่ค่อยชอบตนสักเท่าไหร่ เป็นเรื่องที่น่าเศร้ามากก็จริง แต่ก็คล้ายว่าจะไม่น่าเสียใจมากนัก “ถ้าหากข้าไปชอบผู้หญิงคนอื่นแล้วจะไม่ได้พบเจอเจ้าอีก ถ้าอย่างนั้นชั่วชีวิตนี้ข้าก็จะไม่ชอบผู้หญิงคนอื่นอีกแล้ว ข้าอยู่ห่างไกลไปหนึ่งพันหนึ่งหมื่นลี้ อยู่ในสถานที่ที่เจ้ามองไม่เห็นข้า ข้าฝึกหมัดหนึ่งพันหนึ่งหมื่นหนึ่งล้านหมัด ก็ยังชอบแค่เจ้าคนเดียว”
หนิงเหยามองค้อน “ข้าไร้เหตุผลขนาดนั้นเลยหรือ?”
เฉินผิงอันอึ้งตะลึง
จากนั้นนางก็กล่าวด้วยน้ำเสียงเฉียบขาดว่า “ใช่ ข้าไร้เหตุผลขนาดนั้นแหละ!”
แต่แล้วนางก็พลันคลี่ยิ้ม เปี่ยมไปด้วยความภาคภูมิใจเหมือนเด็กๆ พอนางยิ้ม คิ้วตาก็ยิ่งงดงามมีชีวิตชีวาดุจสาวงามที่หลุดมาจากภาพวาด นางยกแขนสองข้างขึ้นกอดอก “ใครใช้ให้มีคนโง่มาชอบข้าเล่า?”
จากนั้นนางก็เดินออกมาข้างหน้าสองก้าว ยื่นแขนโอบกอดเด็กหนุ่มจากต้าหลีคนนั้นพลางพึมพำว่า “เฉินผิงอัน! ข้าชอบเจ้าไม่น้อยไปกว่าที่เจ้าชอบข้าเลยสักนิด!”
ครั้งแรกที่ได้พบกันอีกครั้ง อันที่จริงนางอยากพูดกับเขาว่า
ข้าไม่ชอบเจ้า
แต่มันกลับยากเหลือเกิน
—–
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา!