เฉินผิงอันพูดอย่างเหม่อลอย “เจ้าจะชอบข้าจริงๆ ได้อย่างไร…”
ข้อนี้เฉินผิงอันเหมือนหลิวป้าเฉียวแห่งสวมลมฟ้าราวกับถอดแบบกันมา
ชอบแม่นางคนหนึ่ง ชอบมากจนถึงขั้นที่คิดว่าชั่วชีวิตนี้แม่นางคนนั้นไม่มีทางชอบตนตอบ อีกทั้งยังไม่รู้สึกน้อยเนื้อต่ำใจใดๆ ด้วย
ในที่สุดหนิงเหยาก็เริ่มกลับมาเป็นตัวของตัวเองได้บ้างแล้ว นางเลิกคิ้วขึ้นสูงดุจกระบี่บินที่แหลมคมที่สุดในใต้หล้า “ข้าหนิงเหยาชอบใครยังต้องมีเหตุผลด้วยหรือ?!”
อันที่จริงแล้วก็มี แถมยังมีมากด้วย
เพียงว่านางไม่กล้าพูดมันออกมา ถึงอย่างไรนางก็เป็นผู้หญิงนี่นะ แล้วนางก็ไม่ใช่คนที่หน้าหนาอย่างเฉินผิงอันด้วย
ทันใดนั้นเหมือนมีเทพช่วย เฉินผิงอันพลันยื่นแขนไปโอบกอดหนิงเหยา
หนิงเหยาหน้าแดงก่ำ เม้มริมฝีปาก แต่ก็ไม่ได้ขัดขืน กลับยังยกมือข้างหนึ่งขึ้นมาจับสาบเสื้อเฉินผิงอันเบาๆ
ในตรอกเล็กของภูเขาห้อยหัว เด็กหนุ่มเด็กสาวกอดกันอยู่เงียบๆ เช่นนี้
ดูเหมือนว่านาทีนี้โลกทั้งใบจะพลันมีชีวิตขึ้นมา
สุดท้ายหนิงเหยาก็ยังคงเป็นหนิงเหยา เฉินผิงอันยังคงเป็นเฉินผิงอัน คนทั้งสองไม่ได้เคอะเขินเอียงอายกันต่อไป
พอปล่อยมือออกจากกันแล้ว หนิงเหยาก็นำทาง บอกว่าจะไปดื่มเหล้าหวงเหลียงครึ่งไหนั้นให้หมด นางพาเฉินผิงอันเดินไปหยุดอยู่ใต้ต้นไหว ยกมือขึ้นแล้วงอนิ้วคล้ายกำลังเคาะประตู
ไม่นานเบื้องหน้าหนิงเหยาก็เกิดริ้วคลื่นกระเพื่อม ร้านเหล้าแห่งหนึ่งปรากฏขึ้นมา หนิงเหยาก้าวยาวๆ ข้ามธรณีประตูเข้าไปก่อน เฉินผิงอันเดินตามหลังนางไปติดๆ
สวี่เจี่ยลูกจ้างร้านเห็นหนิงเหยาก็กระตือรือร้นมากเป็นพิเศษ “แม่นางหนิง เจ้ามาแล้วหรือ ให้ข้าเลี้ยงเหล้าเจ้าดีไหม?”
หนิงเหยาชำเลืองตามองเขาแวบหนึ่ง ใครกัน ไม่เห็นจะจำได้
แล้วก็คร้านจะสนใจอีก เดินตรงไปข้างหน้า เลือกโต๊ะตัวหนึ่งแล้วนั่งลง
สวี่เจี่ยพลันห่อเหี่ยวไร้ชีวิตชีวา
เขารู้สึกว่าแม่นางเบื้องหน้าผู้นี้คือสตรีที่เป็นรองแค่คุณหนูใหญ่เท่านั้น ครั้งแรกที่พบเจอกันนางได้มอบความประทับใจที่ลึกซึ้งให้แก่สวี่เจี่ย
นั่นเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อหลายปีก่อนแล้ว ครั้งแรกที่เด็กสาวจากกำแพงเมืองปราณกระบี่มาเยือนภูเขาห้อยหัว มีคนผู้หนึ่งพานางมาที่ร้านเหล้า เจ้าหมอนั่นดื่มเหล้าไปสองไห นางดื่มไปแค่อึกเดียวก็ไม่ดื่มอีก คราวนั้นนางสวมชุดสีดำ ห้อยดาบ ไม่ได้พกกระบี่คู่อย่างทุกวันนี้ และยิ่งไม่ได้สวมชุดยาวสีเขียวเข้ม สีหน้าของนางเย็นชา ต่อให้เถ้าแก่ร้านจะจ้องตานาง นางก็ไม่สะทกสะท้าน ในขณะที่อาเหลียงดื่มเหล้า นางเดินไปที่กำแพงสูงเพียงลำพัง มองอยู่นานโดยไม่พูดอะไรสักคำ ภายหลังถึงกลับมานั่งที่เดิม สวี่เจี่ยที่มองดูอยู่รู้สึกว่าเด็กสาวมีเอกลักษณ์ไม่เหมือนใครจริงๆ นางเจิดจ้าสะดุดตาจนคนอื่นแทบไม่กล้ามองสบตรงๆ
คราวนั้นอาเหลียงไร้ซึ่งรอยยิ้ม เขาเอาแต่ดื่มเหล้าอย่างเดียว สวี่เจี่ยมองออกว่าอาเหลียงไม่รู้จะเกลี้ยกล่อมเด็กสาวอย่างไร ดูเหมือนว่าเด็กสาวจะไปทำเรื่องหนึ่งที่ร้ายกาจมาก อาเหลียงดื่มเหล้าเงียบๆ อย่างอัดอั้น นั่นถึงทำให้สวี่เจี่ยรู้ว่าที่แท้อาเหลียงก็มีช่วงเวลาที่ทำอะไรไม่ถูกเหมือนกัน หลังจากที่เด็กสาวยืนกรานไม่ให้อาเหลียงไปส่งและออกจากร้านไปเพียงลำพัง อาเหลียงก็ไม่ดื่มเหล้าอีก ท่าทางของเขาเป็นทุกข์ บอกว่าบุตรสาวครึ่งตัว อยู่ดีๆ ก็โบยบินหนีไปทั้งอย่างนี้
สวี่เจี่ยมองเด็กหนุ่มจากต้าหลีที่ชื่อว่าเฉินผิงอันผู้นั้นแวบหนึ่ง
ไม่ว่าจะมองอย่างไรก็รู้สึกว่าไอ้หมอนี่ไม่คู่ควรกับแม่นางหนิง
ร้อยเฉินผิงอันรวมกันก็ใช่ว่าจะคู่ควร
เฉินผิงอันเรียกหาเหล้าลืมทุกข์ที่เหลืออยู่ครึ่งไห รินได้ประมาณสองถ้วยขาวใบใหญ่ เฉินผิงอันจึงรินให้ก่อนคนละครึ่งชาม
คนทั้งสองนั่งเคียงไหล่กันบนม้านั่งยาวตัวหนึ่ง หนิงเหยาไม่รู้สึกว่ามีอะไรที่ไม่ถูกต้อง
สวี่เจี่ยที่หลบอยู่ไกลๆ จุ๊ปากชื่นชมไม่หยุด
เฉินผิงอันดื่มเหล้าลืมทุกข์หนึ่งอึก
แล้วก็พลันรู้สึกว่าคราวนี้เหล้านี่อร่อยกว่าที่ดื่มเมื่อคืนวานเยอะเลย จึงหันมายิ้มให้หนิงเหยา
หนิงเหยาถลึงตาใส่เขาหนึ่งที
คนทั้งสองไม่ได้พูดคุยอะไรกัน เพียงจิบเหล้าคำเล็กๆ
แต่แล้วเฉินผิงอันก็ถามด้วยน้ำเสียงน่าสงสารว่า “หนิงเหยา เจ้าคงไม่ใช่ตัวปลอมหรอกนะ?”
ต่อให้เป็นผู้เฒ่าที่กำลังหยอกนกในกรงก็ยังรู้สึกขบขันกับคำถามโง่งมของเด็กหนุ่ม
หนิงเหยาถอนหายใจ
เขาเป็นคนโง่ แต่ข้าโง่ยิ่งกว่า
ตอนนั้นใครกันนะที่พูดว่าไอ้หมอนี่ต้องได้คนโง่มาเป็นคนรักแน่นอน?
เฉินผิงอันวางถ้วยเหล้าลง ยื่นมือออกมาหาคนที่นั่งอยู่ข้างๆ หนิงเหยามองเขาอยู่แบบนั้น อยากรู้ว่าไอ้หมอนี่คิดจะทำอะไรกันแน่
เฉินผิงอันใช้สองนิ้วหนีบแก้มนางแล้วดึงเบาๆ
หนิงเหยายังเฉย
เฉินผิงอันจึงยื่นมืออีกข้างมาหนีบแก้มอีกฝั่งหนึ่งของหนิงเหยา
สวี่เจี่ยที่มองดูอยู่เหงื่อแตกพลั่ก รู้สึกว่าเจ้าคนที่ใจกล้าเทียมฟ้าผู้นี้ต้องตายแน่ๆ
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา!