กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา! นิยาย บท 281

กระบี่จงมา – บทที่ 281.1 แค่จากลาเท่านั้น
บทที่ 281.1 แค่จากลาเท่านั้น
โดย
ProjectZyphon
บางแห่งในกำแพงเมืองปราณกระบี่มีเสียงถอนหายใจดังขึ้นราวกับไม่เห็นด้วยที่เซียนกระบี่ผู้เฒ่าฆ่าคนอย่างกะทันหัน แต่กลับไม่อยากออกหน้ามาถกเถียงด้วย

ข้างกายคนที่ถอนหายใจมีเสียงแก่ชราดังขึ้นตามมา “ก็แค่ขอบเขตหยกดิบเท่านั้น แล้วนับประสาอะไรกับที่เฉินชิงตูลงมือเพราะมีเหตุผล เจ้าก็อดทนไว้หน่อยเถอะ”

คนที่ถอนหายใจถอนหายใจซ้ำอีกรอบ

เสียงแก่ชราหัวเราะอย่างอ่อนใจ พยายามอธิบายเต็มที่ “อธิบายกฎของลัทธิขงจื๊อพวกเจ้ากับเฉินชิงตู ก็เหมือนไก่พูดกับเป็ด จะมีความหมายอะไร? อีกอย่างความรู้ลัทธิขงจื๊อของพวกเจ้าก็กล่าวไว้ว่าให้ ‘เรียนรู้จากคนใกล้ตัว’ ไม่หวังเป็นศาสดา ไม่หวังเป็นอมตะ มหามรรคาใต้ฝ่าเท้าไม่สูงและไม่ไกล แล้วจะต้องตำหนิคนอย่างเฉินชิงตูที่มีคุณธรรมน้ำมิตร ทำทุกอย่างตามกฎระเบียบมาตลอดเวลาไปทำไม? ขอแค่เจ้าไม่ใช้มาตรฐานของอริยะไปวัดเฉินชิงตู ทุกอย่างก็ง่ายมากแล้ว”

คนผู้นั้นเอ่ยเสียงเฉยชา “ไม่ว่าครั้งใดก็ตามที่เฉินชิงตูไม่ใช้เหตุผล ผลกระทบที่เขาสร้างขึ้น เกรงว่าต่อให้คนธรรมดาไม่ใช้เหตุผลหนึ่งหมื่นครั้งก็ยังเทียบไม่ได้”

ผู้เฒ่าหัวเราะ “เฉินชิงตูเป็นผู้ฝึกกระบี่ เจ้าคือปัญญาชนขงจื๊อ เหมือนกันซะที่ไหน”

ปัญญาชนลัทธิขงจื๊อผู้นั้นเงียบไปนาน สุดท้ายพึมพำเบาๆ ว่า “จอมปราชญ์ขงจื๊อวิ่งเต้นเหนื่อยยากเพื่อสิ่งใด? เดินทางท่องไปทั่วหล้า โลกก็ยังชั่วร้ายและเสื่อมทราม”

ผู้เฒ่าที่โน้มน้าวไม่ได้ผลถอนหายใจหนึ่งที

กลางนครที่อยู่ทางเหนือของกำแพงเมืองปราณกระบี่มีคนแผดเสียงดังก้อง “เฉินชิงตู!”

รุ้งยาวเส้นหนึ่งพุ่งจากพื้นที่ราบ หอบหุ้มพลังอำนาจรุนแรงอย่างที่ใครก็ไม่อาจขัดขวางพุ่งตรงไปยังหัวกำแพงเมือง

ผู้เฒ่าหลังค่อมที่กระโดดลงจากหัวกำแพงเมืองไปแล้วขมวดคิ้ว สะบัดชายแขนเสื้อเบาๆ กระชากเอาเฉินผิงอันที่ยืนอยู่บนหัวกำแพงให้มาอยู่ด้านหลังตัวเอง ส่วนตัวเขาก็มายืนแทนตำแหน่งที่เฉินผิงอันยืนอยู่ก่อนหน้านี้พอดี ปะทะกับผู้ฝึกกระบี่ที่พุ่งมาอย่างดุดันผู้นั้นซึ่งๆ หน้า ผู้เฒ่าหรี่ตากล่าวว่า “ทำไม ลูกหลานในตระกูลเจ้าเป็นหนอนบ่อนไส้ให้เผ่าปีศาจ ยังคิดว่าตัวเองเป็นฝ่ายถูกอีกรึ?”

ผู้ฝึกกระบี่คนนั้นลอยตัวอยู่ห่างจากนอกหัวกำแพงไปสี่ห้าจั้ง คือผู้เฒ่าร่างสูงใหญ่ที่หนวดเคราเป็นสีขาวหิมะ มีบารมีน่าเกรงขามอย่างถึงที่สุด ต่อให้เผชิญหน้ากับผู้อาวุโสที่อายุมากที่สุดและมีวิชากระบี่สูงที่สุดในกำแพงเมืองปราณกระบี่ ผู้เฒ่าท่านนี้ก็ยังไร้ความยำเกรง ซักไซ้เอาความด้วยสีหน้าโกรธเคือง “ตระกูลต่งของข้าย่อมมีกฎบ้าน มีวิธีจัดการกับคนทรยศเป็นของตัวเอง ถอยไปพูดหมื่นก้าว อิ่นกวานยังไม่ได้ตัดสินว่าความผิดของหลานข้าหนักหรือเบา เจ้าเฉินชิงตูมีสิทธิ์อะไรมาจัดการต่งกวานพู่?!”

ผู้เฒ่าที่ตั้งแต่หนวดเคราไปจนถึงเสื้อผ้าอาภรณ์ต่างก็เป็นสีขาวหิมะมีท่าทีบีบคั้นเอาเรื่อง เขาเพิ่มระดับน้ำเสียงให้สูงขึ้น “เจ้าคิดว่าข้าต่งซานเกิงตายไปแล้วหรือไง?!”

ใบหน้าของเฉินชิงตูเต็มไปด้วยแววเย้ยหยัน “ก่อนหน้าที่ต่งกวานพู่จะตายภายใต้คมกระบี่ของข้า ข้าคิดว่าเจ้าต่งซานเกิงตายไปแล้วจริงๆ เส้นสายของเผ่าปีศาจที่อยู่ในตระกูลให้เห็นทนโท่ ตระกูลต่งของเจ้ายังต้องใช้เวลาตรวจสอบถึงหนึ่งเดือน เจ้าเชื่อหรือไม่ว่าหากเปลี่ยนเป็นสกุลอื่น ยกตัวอย่างเช่นสกุลเฉิน ให้เวลาวันหนึ่งยังรังเกียจว่ามากไปเลย!”

ไฟโทสะของผู้เฒ่าแซ่ต่งที่บุกมาจากในเมืองพุ่งสูงเสียดฟ้า “เซียนกระบี่ขอบเขตหยกดิบคนหนึ่งที่ยินดีจะปรับปรุงตัว ทำความดีไถ่โทษไม่เป็นประโยชน์ต่อกำแพงเมืองปราณกระบี่มากกว่าศพศพหนึ่งหรอกหรือ?”

แม้แต่จะตอบว่าใช่หรือไม่ใช่ เฉินชิงตูยังคร้านจะพูด เขาเพียงหัวเราะหยันกล่าวว่า “ใต้คมกระบี่ของข้ายังจะเหลือศพด้วยรึ? หรือว่าเจ้าสัตว์เดรัจฉานน้อยคนนี้แอบเลื่อนสู่ขอบเขตเซียนเหรินแล้ว?”

ผู้เฒ่าร่างสูงใหญ่ที่เรียกตัวเองว่าต่งซานเกิงถลึงตาปูดโปน ปณิธานกระบี่ทั่วร่างไหลเชี่ยวกรากประหนึ่งคลื่นลูกยักษ์ที่โถมกระทบกำแพงเมือง ส่งเสียงดังครืนครั่น

เฉินชิงตูเลิกคิ้วสูง “ทำไม จะลงมืองั้นรึ?”

ต่งซานเกิงเดินมาข้างหน้าหนึ่งก้าว โมโหจัดจนกลายเป็นหัวเราะ “คนอื่นต่างก็กลัวเจ้าเฉินชิงตู แต่ข้าไม่กลัว! ลงมือก็ลงมือสิ มีอะไรให้ต้องไม่กล้ากัน?!”

น้ำเสียงไร้เดียงสาดังขึ้นมาจากหัวกำแพงที่ห่างไปไกล ถ้อยคำที่กล่าวค่อนไปทางเศร้าสร้อยและน้อยเนื้อต่ำใจ “พอเถอะ ต้องโทษข้า ข้าตัดใจให้ต่งกวานพู่ตายเร็วขนาดนั้นไม่ลง ถึงอย่างไรเสี่ยวต่งก็คือหนึ่งในคนไม่กี่คนที่ข้าชอบมากที่สุด ตอนนี้ข้าชอบเฉาสือมากเท่าไหร่ ในอดีตก็ชอบเสี่ยวต่งขี้มูกยืดมากเท่านั้น ในเมื่อตอนนี้เขาตายไปแล้ว…ก็ให้แล้วกันไปเถอะ”

คนที่ส่งเสียงก็คือแม่นางน้อยผมแกละที่สวมชุดคลุมสีดำตัวใหญ่ ใต้เท้าอิ่นกวานในรุ่นนี้ของกำแพงเมืองปราณกระบี่

โดยที่ไม่ทันมีใครรู้ตัว บริเวณโดยรอบหัวกำแพงก็มีผู้ฝึกกระบี่ชั้นบนสุดของกำแพงเมืองปราณกระบี่สิบกว่าท่านปรากฎตัวอยู่ไกลๆ บ้างก็เป็นเจ้าประมุขตระกูลใหญ่ บ้างก็เป็นเซียนกระบี่ที่มีพลังการต่อสู้เป็นเอก

มีเพียงอริยะสองท่านที่มีคุณสมบัตินั่งในตำแหน่งทัดเทียมกับเฉินชิงตูเท่านั้นที่ไม่ได้มา

บุรุษหน้าตาหล่อเหลาลักษณะเหมือนชายวัยกลางคนตวาดกร้าว “ต่งซานเกิง เรื่องนี้เจ้าทำไม่ถูก ผิดมาตั้งแต่แรกแล้วด้วย! ตลอดหลายปีมานี้เจ้าฝากความหวังไว้ที่ต่งกวานพู่มากเกินไป ถึงได้ทำให้จิตแห่งกระบี่ของต่งกวานพู่เปลี่ยนไปเป็นสุดโต่งขนาดนั้น เขาดึงดันจะไปหาประสบการณ์ในใจกลางถิ่นของเผ่าปีศาจเพียงลำพัง ถึงได้ก่อหายนะครั้งนี้ขึ้นมา เขารู้สึกว่ากำแพงเมืองปราณกระบี่มีต่งซานเกิง มีอาเหลียงแล้วก็ยังสามารถมีต่งกวานพู่เพิ่มขึ้นมาได้อีกคน ข้ารู้สึกว่าไม่ใช่ แต่เขาไม่ฟังก็ช่างเถอะ ถึงอย่างไรก็ยังเป็นคนหนุ่มอารมณ์ร้อน แต่เจ้าล่ะ? เจ้าจะไม่รู้ถึงความอันตรายที่ซ่อนอยู่บ้างเลยหรือ?”

ต่งซานเกิงสีหน้าเย็นชา “ลูกหลานตระกูลต่งของข้าสมควรต้องมีใจทะเยอทะยานอยู่แล้ว ทำไมข้าต้องห้ามเขาด้วย? ข้าอยากจะให้ลูกหลานตระกูลต่งของข้าทุกคนมีวิถีกระบี่สูงกว่าข้าต่งซานเกิงด้วยซ้ำ!”

กล่าวถึงตรงนี้ต่งซานเกิงก็หลุดหัวเราะพรืด “ถึงอย่างไรตระกูลต่งของพวกเราก็ไม่ได้เป็นอย่างตระกูลเฉิน ฉี และตระกูลน่า ไม่ได้มีแผนการในใจที่แยบยลมากมายขนาดนั้น”

ไม้นี้ที่ชายชราผู้กำเริบเสิบสานฟาดออกไป เรียกได้ว่าตีหน้าคนเกือบครึ่งของกำแพงเมืองปราณกระบี่

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา!