กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา! นิยาย บท 288

บทที่ 288.2 เดินทางขึ้นเหนือ
โดย
ProjectZyphon
ลู่ไถเดินเข้าไปในร้านแรกก็ซื้อภูติน้อยสองตนที่เฉินผิงอันไม่แม้แต่จะเคยได้ยินชื่อมาก่อน ตนหนึ่งมีชื่อว่าถงจื่อ (ลูกตาดำ) ตามการแนะนำที่แทบจะเรียกได้ว่าประจบสอพลอของเจ้าของร้าน เฉินผิงอันถึงได้รู้ว่าวัตถุชิ้นนี้สามารถนำมาเลี้ยงในลูกตาดำของเจ้าของได้ มันไม่เพียงแต่สามารถดูดซับปราณวิญญาณฟ้าดินจำนวนหนึ่งมาในทุกๆ วัน ที่สำคัญที่สุดคือทุกครั้งที่ถงจื่อมองเห็นโฉมสะคราญงามล่มบ้านล่มเมืองก็จะสามารถช่วยดวงตาของเจ้านายเห็น ‘แจ่มชัด’ มากขึ้น วัตถุชิ้นนี้จึงเป็นที่รักที่สุดของผู้ฝึกลมปราณหลายคนที่ฝึกวิชาประเภทดวงตาทิพย์

หลังจากลู่ไถจ่ายแปดร้อยเหรียญเงินเกล็ดหิมะซื้อวัตถุชิ้นนี้ ก็บอกว่าจะมอบให้กับเฉินผิงอัน เฉินผิงอันย่อมไม่มีทางรับไว้อยู่แล้ว ลู่ไถจึงส่ายหน้าด้วยความเสียดาย กล่าวว่าเจ้าไม่อยากให้สายตามีการพัฒนาในทุกๆ วันหรอกหรือ?

ความหมายในคำพูดก็คือ มีข้าลู่ไถอยู่ตรงหน้าเจ้า อีกทั้งในดวงตาเจ้ายังมีถงจื่อ นั่นก็ไม่เท่ากับว่ามองข้ายามใดก็ได้ฝึกตนยามนั้นหรอกหรือ

เถ้าแก่เฒ่ามองลู่ไถที่รูปโฉมหล่อเหลาไม่ธรรมดา แล้วค่อยหันมาชำเลืองตามองเฉินผิงอัน ก่อนจะยิ้มมีเลศนัย

เฉินผิงอันขนลุกไปทั้งตัว แสร้งทำเป็นไม่ได้ยินอะไรทั้งนั้น

เมื่อเทียบกับถงจื่อที่ลู่ไถซื้อมา อันที่จริงเจ้าตัวจิ๋วร่าเริงอีกกลุ่มหนึ่งที่อยู่ข้างถงจื่อในตอนนั้นกลับทำให้เฉินผิงอันหวั่นไหวได้มากกว่า พวกมันตัวเล็กเท่าเมล็ดข้าวสาร ถูกขนานนามว่า ‘เอ่อร์จื่อ’ (หู) เสียงใกล้เคียงกับคำว่า ‘เอ๋อร์จื่อ’ ที่แปลว่าลูกชาย คือภูติชนิดหนึ่งที่มีชีวิตอยู่ในหู ใช้แก้วหูคนเป็นดั่งหนังกลอง เวลาที่คนนอนหลับพวกมันจะตีกลองอย่างเงียบเชียบ แต่เจ้านายและคนที่อยู่ด้านข้างจะไม่มีทางได้ยิน ทว่ากลับช่วยให้ปราณหยางของเจ้านายแผ่กระจายออกไป เป็นการขับไล่สยบสิ่งชั่วร้ายจำนวนมากที่ออกมาป้วนเปี้ยนในยามราตรี

นี่คือภูติชนิดหนึ่งที่ตระกูลสูงศักดิ์ด้านล่างภูเขาต้องทุ่มเงินซื้อไว้หลังจากที่ ‘โดนผีหรือสิ่งชั่วร้ายเข้าสิง’ โดยไม่ทันระวัง

หากจำเป็นต้องเดินทางไปท่ามกลางป่าเขาลำเนาไพร ผู้ฝึกลมปราณห้าขอบเขตล่างจำนวนมากที่เนื่องจากขอบเขตต่ำต้อยจึงมักจะพกไปด้วยหนึ่งตัว

นอกจากถงจื่อ ลู่ไถยังซื้อแมงมุมตัวหนึ่งที่มีขนาดเท่าเล็บมือ หลากหลายสีสัน น่ารักมากเป็นพิเศษ แต่ชื่อของมันกลับมากพอจะทำให้เฉินผิงอันชื่นชอบอยู่ห่างๆ แมงมุมฝันวสันต์ มันชื่นชอบเก็บรวบรวมภาพความฝันค่ำคืนวสันต์ที่งดงามทั้งหลาย หลังจากที่คนนอนหลับไปแล้ว มันก็จะทอใยแมงมุมสีสันสดใสไว้เหนือศีรษะของเจ้าของ คนก็จะได้ดื่มด่ำกับราตรีวสันต์มีค่าเท่ากับทองพันชั่ง

ด้วยเหตุนี้แมงมุมฝันวสันต์จึงมักจะถูกสำนักและพรรคต่างๆ นำไปเป็นอุปกรณ์ในการขัดเกลาจิตแห่งมรรคาของลูกศิษย์ แล้วก็เป็นหนึ่งในสิ่งของที่ต้องมีของสำนักที่นิยมการเสพกามระหว่างชายหญิง

กรงเล็กแถวหนึ่งที่อยู่ใกล้กับแมงมุมฝันวสันต์ยังบรรจุแมงมุมในลักษณะเดียวกันเอาไว้อีกมากมาย ซึ่งรวมถึงแมงมุมฝันร้ายที่เป็นสีดำสนิทดุจหมึกด้วย ต่างฝ่ายต่างมีความอัศจรรย์แตกต่างกันไป

เฉินผิงอันย่อมชื่นชอบภูติประเภทนี้ไม่ลง

แต่ลู่ไถกลับชอบอย่างมาก จ่ายเงินเกล็ดหิมะไปหกร้อยเหรียญเพราะเขารู้สึกว่าแมงมุมฝันวสันต์น่ารักน่าเอ็นดู

ดังนั้นรอยยิ้มของเถ้าแก่ผู้เฒ่าจึงยิ่งลึกล้ำมากกว่าเดิม

ภายหลังลู่ไถทะเลาะกับผู้ฝึกลมปราณห้าขอบเขตกลางคนหนึ่งเพื่อแย่งชิงภูติหายากตนหนึ่ง ครั้งนี้เฉินผิงอันกลับไม่รู้สึกว่าลู่ไถใช้เงินมือเติบ เพราะคิดว่าเงินร้อนน้อยสิบสองเหรียญนั้นคุ้มค่าที่จะจ่ายไป สุดท้ายการที่ลู่ไถเป็นฝ่ายได้มาครอบครองก็เพราะว่าบนร่างของฝั่งตรงข้ามที่แข่งราคากับเขาไม่มีเงินเทพเซียนมากพอ บวกกับที่ลู่ไถขึงขังเอาจริงเอาจัง ท่าทางของเขาราวกับจะบอกว่าเจ้าเต็มใจเพิ่มราคา ข้าก็พร้อมจะเล่นเป็นเพื่อนเจ้าให้ถึงที่สุดทำให้คนผู้นั้นออกจากร้านพลางสบถด่าเสียงขรมไปด้วย

ฝ่ามือของลู่ไถประคองสัตว์มันแพะตัวหนึ่งที่หาได้ยากอย่างถึงที่สุด มันกำลังกระโดดโลดเต้นอยู่บนฝ่ามือของเขา ผิวตลอดทั้งร่างของเจ้าตัวน้อยเป็นเนื้อหยกเพราะเกิดจากการรวมตัวกันของแก่นวิญญาณหินหยก เรือนกายของมันคือวัสดุวิเศษชั้นเยี่ยม คือหนึ่งในวัสดุที่ดีที่สุดในการนำมาทำเป็นยันต์ป้ายหยก แต่สัตว์มันแพะมีนิสัยดุร้าย หลังจากเติบโตเต็มวัย หากถูกคนจับได้ก็เลือกที่จะฆ่าตัวตาย ด้วยเหตุนี้จึงไม่อาจนำมาเลี้ยงได้

แต่เจ้าตัวที่อยู่ใจกลางฝ่ามือของลู่ไถตัวนี้เป็นเพราะตอนที่ถูกผู้ฝึกตนจับได้โดยบังเอิญอายุยังน้อยมาก ถึงไม่ได้ ‘ยอมพินาศวอดวาย’ จึงมีชีวิตรอดอยู่มาจนวันนี้ ขอแค่เลี้ยงดูอย่างเหมาะสมก็อาจจะกลายมาเป็น ‘สมบัติวิเศษมีชีวิต’ ที่มีมูลค่ามากควรเมือง แต่ข้อเสียอย่างเดียวก็คือการเลี้ยงดูสัตว์มันแพะสิ้นเปลืองยิ่งกว่าการจ่ายเงินซื้อมันมาเสียอีก เพราะมันกินเงินเกล็ดหิมะเป็นอาหาร

เถ้าแก่ร้านคือสตรีแต่งงานแล้วที่หน้าตาธรรมดา นางอธิบายด้วยรอยยิ้มว่าหากไม่ใช่เพราะสำนักฝูจีมีสัตว์มันแพะอยู่คู่หนึ่งแล้ว เกรงว่าของดีๆ เช่นนี้คงถูกคนทุ่มเงินมหาศาลซื้อไปตั้งแต่วันที่เอามาวางขายแล้ว

คนทั้งสองเดินเตร็ดเตร่ไปตามถนน เข้าร้านโน้นออกร้านนี้

อันที่จริงเฉินผิงอันก็ถูกใจของสามอย่าง เพียงแต่ยังลังเลตัดสินใจไม่ได้ เพราะตัดใจทุ่มเงินก้อนใหญ่ไม่ลง

หนึ่งคือคางคกทองสามขา ถือเป็นหนึ่งในสัตว์วิเศษของฟ้าดิน ว่ากันว่าผู้ที่ได้ครอบครองมันสามารถเพิ่มโชคชะตาด้านโชคลาภให้กับตัวเองได้

หนูหาสมบัติสีเงินตัวหนึ่ง มันมีประสาทสัมผัสที่เฉียบไวต่อวัตถุวิเศษในฟ้าดิน

และยังมีเจ้าตัวน้อยอีกตัวหนึ่งที่ชื่อว่า ‘แมลงสุรา’ ซึ่งถือกำเนิดขึ้นมาจากในสุราหมักเลิศรสเท่านั้น หากเอามันใส่เข้าไปไว้ในเหล้าที่หมักใหม่ ใช้เวลาแค่ไม่กี่ชั่วยามก็สามารถทำให้เหล้านั้นเกิดรสชาติเหมือนเหล้าหมักที่ถูกฝังไว้นานหลายปี แน่นอนว่าย่อมเป็นของรักของพวกคนที่ชื่นชอบดื่มสุราทุกคนบนโลก

เฉินผิงอันไม่ได้ใช้เงิน แต่ลู่ไถยังคงจ่ายเงินไม่หยุด เขาซื้อปลาหลีหนวดมังกรที่ขนาดใหญ่เท่าฝ่ามือ รูปร่างเหมือนปลาหลี แต่กลับมีหนวดสองเส้นเหมือนหนวดของเจียวหลง หนวดของมันก็คือหนึ่งในวัตถุดิบวิเศษของฟ้าดิน เพียงแต่ว่าเมื่อเทียบกับหนวดเจียวหลงสีทองสองเส้นที่เฉินผิงอันเอามาทำเป็นเชือกพันธนาการปีศาจแล้ว ระดับขั้นย่อมด้อยกว่ามาก แต่ปลาหลีหนวดมังกรประเภทนี้มีข้อได้เปรียบด้านการแพร่พันธ์ที่รวดเดียว ลองจินตนาการดู สำนักเซียนแห่งหนึ่งซื้อมาไว้หลายตัว ตั้งใจเลี้ยงดูอย่างดี หนึ่งร้อยหนึ่งพันปีให้หลัง นั่นก็เท่ากับปลาหลีหนวดมังกรทั้งบ่อ

ลู่ไถยังซื้อปลาวัวคำรามมาหนึ่งตัว ความยาวของร่างมันไม่เกินนิ้วมือคน แต่กลับสามารถแผดเสียงคำรามดุจเสียงฟ้าผ่าได้

เฉินผิงอันไม่เข้าใจเลยสักนิดว่าลู่ไถซื้อมันมาทำไม เอาไว้ข่มขู่คนงั้นรึ?

สุดท้ายเฉินผิงอันยังได้เห็นคนกระดาษยันต์กลุ่มหนึ่งในร้านที่ตั้งอยู่สุดปลายถนน ราคาแตกต่างกันออกไป ตัดเป็นรูปร่างที่ไม่เหมือนกัน ส่วนใหญ่แบ่งเป็นสามประเภทตามความสูง ความสูงระดับหนึ่งนิ้ว ความสูงระดับหนึ่งฝ่ามือและความสูงระดับหนึ่งแขน มีชีวิตชีวาเหมือนจริง สามารถปัดกวาดบ้านเรือน เลี้ยงดอกไม้เลี้ยงนก ช่วยยกหนังสือ เอาหนังสือมาตากแดด เป็นต้น

คนกระดาษค่อนข้างได้รับความนิยมในโลกมนุษย์ โดยเฉพาะในตระกูลของเศรษฐีร่ำรวย มันเองก็มีการแบ่งระดับขั้น ตบะ ชื่อเสียง พรรคของผู้ที่วาดยันต์มีส่วนในการตัดสินราคาคนกระดาษอย่างมาก วัสดุของกระดาษก็มีความเกี่ยวข้องเช่นกัน มีสำนักและธุรกิจในนามที่สร้างคนกระดาษขึ้นโดยเฉพาะซึ่งได้กำไรมหาศาล

เฉินผิงอันชอบมองคนกระดาษน้อยที่น่ารักเหล่านี้ก็จริง แต่ไม่มีทางซื้อพวกมันมาเด็ดขาด

เพราะว่าแพง อีกทั้งยังไม่คุ้ม ซื้อมาแล้วก็ไม่มีประโยชน์ ไม่ใกล้เคียงกับคำว่าของดีราคาถูกเลยแม้แต่น้อย

ลู่ไถกลับซื้อคนกระดาษจิ๋วมาปึกใหญ่ ล้วนเป็นชนิดที่ตัวเตี้ยที่สุด ลู่ไถที่จ่ายเงินไปห้าร้อยเหรียญเกล็ดหิมะบอกว่าเวลาเบื่อๆ ก็ให้พวกมันมาแสดงการต่อสู้ให้ดูบนโต๊ะ แบบนั้นต้องแก้เบื่อได้แน่นอน…

สำหรับเรื่องการจ่ายเงินนี้ เฉินผิงอันหมดคำพูดจะคุยกับลู่ไถ

เดินขึ้นไปบนทางภูเขาเหนือถนนเรียกสวรรค์อีกสามสี่ลี้มีศาลหยุดเท้าอยู่หลังหนึ่ง ความหมายก็คือให้ทุกคนที่ไม่ใช่คนของสำนักฝูจีหยุดเท้าเพียงเท่านี้ ไม่อาจขึ้นเขาไปได้อีก

เฉินผิงอันกับลู่ไถที่ซื้อของกลับมาเต็มไม้เต็มมือเดินเข้าไปในศาลาหยุดเท้าด้วยกัน ตลอดทางที่เดินมาเฉินผิงอันอดเหลือบมองลู่ไถหลายครั้งไม่ได้ เขาสงสัยมากว่าอีกฝ่ายเอาภูติประหลาดพวกนั้นไปซ่อนไว้ที่ไหน ลู่ไถมีวัตถุฟางชุ่นก็จริง เอากระดาษยันต์ซ่อนไว้ข้างในได้ แต่สิ่งมีชีวิตที่มีปราณหยางอย่างภูติประหลาดเหล่านั้นกลับไม่สามารถเอาใส่ไว้ข้างในได้เด็ดขาด เพราะหากเอาไปไว้ข้างในจะระเบิด หรืออาจเดือดร้อนให้ของอื่นๆ วัตถุฟางชุ่นระเบิดเสียหายตามไปด้วย

พักอยู่ในศาลาครู่หนึ่ง กวาดตามองทัศนียภาพยามค่ำคืนรอบด้านสำนักฝูจีอยู่ไกลๆ จากนั้นคนทั้งสองก็กลับไปบริเวณใกล้เคียงกับถนนเรียกสวรรค์เพื่อหาโรงเตี๊ยมพักนอน ผลคือคนทั้งสองแยกทางกันตรงนี้ เพราะลู่ไถต้องการพักในสถานที่ที่เป็นจวนของเทพเซียนมีปราณวิญญาณเปี่ยมล้น แต่เฉินผิงอันต้องการหาแค่โรงเตี๊ยมเรียบง่ายพอให้พักแรมหนึ่งคืนเท่านั้น

หนึ่งค่ำคืนผ่านไปอย่างสงบ

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา!