กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา! นิยาย บท 289

สรุปบท บทที่ 289.1 รับมือกับศัตรู: กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา!

สรุปเนื้อหา บทที่ 289.1 รับมือกับศัตรู – กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา! โดย Internet

บท บทที่ 289.1 รับมือกับศัตรู ของ กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา! ในหมวดนิยายกำลังภายใน เป็นตอนที่โดดเด่นด้วยการพัฒนาเนื้อเรื่อง และเปิดเผยแก่นแท้ของตัวละคร เขียนโดย Internet อย่างมีศิลป์และชั้นเชิง ใครที่อ่านถึงตรงนี้แล้ว รับรองว่าต้องติดตามตอนต่อไปทันที

บทที่ 289.1 รับมือกับศัตรู
โดย
ProjectZyphon
ลมฤดูใบไม้ร่วงหนาวเย็นพัดผ่านผืนป่าบนภูเขา

มิน่าเล่าชุยตงซานถึงบอกว่าฆ่าคนปล้นทรัพย์ได้รัดเข็มขัดทอง

อารมณ์ของเฉินผิงอันหนักอึ้ง การถูกไล่ล่าโอบล้อมครั้งนี้ทำให้เขาอดไพล่นึกไปถึงการซุ่มโจมตีในป่าของแคว้นซูสุ่ยครั้งนั้นไม่ได้ นักฆ่าหอหม่ายตู๋กับหลินกูซานปรมาจารย์แคว้นไฉ่อีร่วมมือกัน เสี่ยงอันตรายอย่างถึงที่สุด หากไม่เป็นเพราะเซียนกระบี่ไผ่เขียวซูหลางมาช่วยได้ทันเวลา สุดท้ายใครรอดใครตายก็คงบอกได้ยากจริงๆ

การเดินทางขึ้นเหนือครั้งนี้ เฉินผิงอันระมัดระวังตัวมากพอแล้ว เขามักจะขึ้นภูเขามองไปยังทิศไกล ต่อให้ติดตามลู่ไถไปเดินเล่นในหมู่ชาวบ้านร้านตลาดก็ยังคอยระวังอยู่ตลอดเวลาว่ามีใครติดตามมาหรือไม่ ดังนั้นการที่คนกลุ่มนี้อำพรางร่องรอยเบาะแสได้อย่างมิดชิดก็สามารถอธิบายปัญหาได้อย่างชัดเจนแล้ว อีกฝ่ายมีเจตนาไม่ดี หากไม่มั่นใจย่อมไม่มีทางเปิดเผยร่องรอยอย่างแน่นอน

ศึกใหญ่กำลังจะเกิดขึ้น ลู่ไถรู้สึกร้อนตัวเหมือนวัวสันหลังหวะ “เฉินผิงอัน เจ้าคงไม่ได้เป็นแค่ผู้ฝึกยุทธ์ขอบเขตสี่จริงๆ หรอกกระมัง?”

เฉินผิงอันตะลึงงัน ไม่รู้ว่าทำไมอีกฝ่ายถึงถามเช่นนี้ แต่ก็พยักหน้าตอบรับ “ย่อมต้องจริงอยู่แล้ว”

ลู่ไถยอมรับอย่างขลาดๆ “ข้านึกว่าเจ้าคือขอบเขตห้าแล้วจงใจอำพรางพลังที่แท้จริงต่อหน้าข้า นี่ต่างหากถึงจะเป็นเรื่องปกติ ท่องอยู่ในยุทธภพ ใครบ้างที่ไม่มีเวทอำพรางตา ดังนั้นข้าก็เลยเพิ่มขอบเขตของตัวเองให้สูงอีกนิด อันที่จริงข้าไม่ใช่ขอบเขตประตูมังกร แต่เป็นขอบเขตที่หกชมมหาสมุทร”

เฉินผิงอันถลึงตาใส่เขา “เวลานี้แล้ว ยังจะมาเล่นลูกไม้อีกรึ?! เจ้าอยากตายหรือไง?”

ลู่ไถรู้ตัวว่าผิด จึงไม่ได้โต้เถียง แค่บ่นในใจไม่หยุดเท่านั้น

ลู่ไถเขย่งปลายเท้า กิ่งไม้โยกไหว ร่างทั้งร่างของเขาทะยานขึ้นไปบนยอดไม้สูงสุด สีหน้ามองดูเหมือนผ่อนคลาย แต่อันที่จริงกลับไม่ได้เป็นเช่นนั้น เขาหุบพัดไม้ไผ่เล่มนั้นแล้วเอามาเคาะกับฝ่ามือเบาๆ

ถึงอย่างไรลู่ไถก็เป็นผู้ฝึกลมปราณขอบเขตชมมหาสมุทร อีกอย่างยังได้รับการอบรมสั่งสอนจากตระกูลมาเป็นอย่างดี หนังสือที่เก็บสะสมไว้มีเยอะมาก อีกทั้งเขายังเป็นคนที่ชอบเรียนรู้นั่นนิดนี่หน่อย วิชาอาคมของทั้งร่างจึงค่อนข้างปะปนกันซับซ้อน เพียงแต่ว่าไม่มีวิชาใดที่เชี่ยวชาญที่สุดเท่านั้น แต่การ ‘รู้ทุกแขนงแต่ไม่เชี่ยวชาญสักแขนง’ นี้ก็เหมาะกับผู้ฝึกตนมีพรสวรรค์ที่ชาติตระกูลดีอย่างลู่ไถ เพราะเมื่อเทียบกับผู้ฝึกตนอิสระที่อาศัยวิชาลับครึ่งๆ กลางๆ จนได้เลื่อนขั้นเป็นห้าขอบเขตกลางแล้ว ไม่ว่าจะเป็นสายตาหรือฝีมือของลู่ไถก็ล้วนสูงกว่าผู้ฝึกตนในขอบเขตเดียวกันไประดับใหญ่ เพียงแต่ว่าจะเอาข้อได้เปรียบเหล่านี้มาเปลี่ยนเป็นโอกาสในการคว้าชัยชนะที่แน่นอนได้หรือไม่ อันที่จริงกลับบอกได้ยากมาก

แม้ว่าผู้ฝึกตนอิสระที่เอาผ้ารัดเอวโพกหัวเหล่านั้นจะไม่ถือเป็นพวกเดนตายที่ไม่เสียดายชีวิต แต่หากตกอยู่ในอันตราย หรือผลประโยชน์ล่อลวงใจมากพอ การเลือกที่จะสู้สุดชีวิตของพวกเขาย่อมแตกต่างจากพวกลูกศิษย์ของสำนักที่ได้รับการสืบทอดอย่างมีระบบระเบียบ ใช้ชีวิตอย่างมีเกียรติมั่งคั่งอย่างสิ้นเชิง พวกเขาอำมหิต เจ้าเล่ห์ และยินดีใช้การบาดเจ็บแลกมาด้วยความตาย

เฉินผิงอันถามเบาๆ “ต้องให้ข้าถ่วงเวลาให้เจ้า เจ้าจะได้ลองตรวจสอบเบื้องลึกเบื้องหลังของพวกเขาก่อนหรือไม่? ข้ามีประสบการณ์ในการเข่นฆ่ากับผู้ฝึกลมปราณไม่มากพอ อีกอย่างพวกเราก็ไม่สนิทกันนัก จึงง่ายที่จะกลายเป็นตัวถ่วงของกันและกัน”

ลู่ไถตอบด้วยเสียงในใจ “ดี”

รวดเร็วฉับไว

ลู่ไถคงกลัวว่าเฉินผิงอันจะเข้าใจผิดคิดว่าตัวเองจะนิ่งดูดาย จึงพูดเสริมไปว่า “หากข้ามีการค้นพบเมื่อไหร่ จะบอกให้เจ้ารู้ถึงที่มาของเวทลับ ควรป้องกันอย่างไรและวิธีทลายอาคมในทันที”

เฉินผิงอันพยักหน้ารับ คีบยันต์ย่อพื้นที่ชิ้นหนึ่งมาจากชายแขนเสื้อเพื่อป้องกันเหตุไม่คาดฝัน

เฉินผิงอันกล่าว “ศึกตัดสินเป็นตายจะทำเป็นเล่นไม่ได้”

ลู่ไถยิ้ม “ทราบแล้ว”

เฉินผิงอันสูดลมหายใจเข้าลึกหนึ่งครั้ง

ข้าเฉินผิงอันในปีนั้นยังไม่ทันฝึกวิชาหมัด อาศัยแค่กฎเกณฑ์และชัยภูมิที่เอื้ออำนวยของถ้ำสวรรค์หลีจูก็เกือบจะฆ่าทั้งไช่จินเจี่ยนและฝูหนันหัวไปพร้อมกันในตรอกเล็ก

แล้วคนอื่นอาศัยอะไรมาฆ่าเฉินผิงอันกับลู่ไถ?

เฉินผิงอันยังคงยืนอยู่บนกิ่งไม้ แม้การทำเช่นนี้จะง่ายต่อการตกเป็นเป้า แต่การมองเห็นเปิดกว้าง ในขณะที่สองกองทัพประจัญบานกัน ต้องพยายามรู้เขารู้เราให้ได้มากที่สุด เสี่ยงอันตรายเล็กน้อยพอให้เห็นสถานการณ์โดยรวม อย่างไรก็ดีกว่าเป็นแมลงวันไร้หัวที่พุ่งสะเปะสะปะไปทั่ว

พวกโจรดักปล้นกลางทางที่แอบติดตามพวกเขาอย่างลับๆ มาตั้งแต่ถนนเรียกสวรรค์ของสำนักฝูจีกลุ่มนี้ไม่ได้ปรากฎตัวทีเดียวทั้งหมด แต่จับกลุ่มกันกลุ่มละสองสามคน จำนวนคนที่เห็นได้ชัดๆ ก็มากถึงสิบกว่าคนแล้ว

เห็นได้ชัดว่าคนผู้นี้คืออาจารย์กระบี่ที่เลือกเดินบนทางเสี่ยงอันตราย ไม่ใช่ผู้ฝึกลมปราณ แต่ก็ไม่เหมือนกับผู้ฝึกยุทธ์เต็มตัวสักเท่าไหร่ แม้ว่าพวกเขาจะไม่มีกระบี่บินแห่งชะตาชีวิต เป็นพวกคนบ้าบิ่นในยุทธภพที่มีลูกเล่นในการใช้กระบี่ ใช้ลมปราณในการควบคุมกระบี่โดยเฉพาะ ไม่อาจเรียกได้ว่าเป็นการบังคับกระบี่เหมือนผู้ฝึกกระบี่ เพียงแต่ว่าการลงมือของอาจารย์กระบี่จะทำให้ผู้ที่อยู่ด้านข้างรู้สึกเหมือนเห็นกระบี่บินเล่มหนึ่ง

ส่วนชายฉกรรจ์ถือโซ่เหล็กที่ร่างกำยำบึกบึนผู้นั้น คือผู้ฝึกลมปราณที่อาศัยวิชาสายรองของสำนักการทหาร เน้นในการหล่อหลอมร่างกาย หรือเป็นผู้ฝึกยุทธ์เต็มตัวกันแน่ ยังไม่อาจแน่ใจได้ แต่ความเป็นไปได้ของฝ่ายหลังมีมากกว่า

กล้ามเนื้อทั่วร่างของชายฉกรรจ์แข็งโปนเป็นมัดๆ ร่างสูงเกือบเก้าฉื่อ พลังอำนาจดุดันน่าเกรงขาม ในมือถือแส้คู่ เขาแหงนหน้ามองผ่านช่องว่างระหว่างกิ่งไม้บางตามายังเฉินผิงอัน แค่นเสียงเย็นเอ่ยว่า “ไอ้หนูตัวดี ช่างเจ้าเล่ห์นัก ฝีเท้าตอนที่เดินจากสำนักฝูจีไปยังศาลาหยุดเดิน เจ้าจงใจทำให้หนักเบาไม่เท่ากัน ทำเอาข้าผู้อาวุโสเกือบจะมองพลาดนึกว่าเจ้าเป็นแค่ผู้ฝึกยุทธ์ขอบเขตสาม ออกจากภูเขาฉุยซางมาได้หลายร้อยลี้ถึงได้สังเกตเห็นว่ารอยเท้าของเจ้าเบาแผ่วสม่ำเสมอกันถึงเพียงนี้ ไม่พูดถึงตบะ เอาแค่ไหวพริบและความระมัดระวังตัวนี้…”

ชายฉกรรจ์ชูแขนข้างซ้ายที่ถือโซ่เหล็ก หัวเราะเสียงเหี้ยม “ก็คู่ควรให้ข้าผู้อาวุโสใช้แส้ฟาดหัวของเจ้าให้เละแล้ว!”

เขาพูดภาษาทางการของใบถงทวีป

ลู่ไถไม่ใช่กะเทยอ้อนแอ้นรักสวยรักงามที่ชอบเครื่องประทินโฉมอีกต่อไป แล้วก็ไม่ใช่คุณชายจากตระกูลสูงศักดิ์ผู้สง่างาม เขาบอกเล่าที่มาของศัตรูเหล่านั้นให้เฉินผิงอันฟังอย่างรวดเร็ว คำพูดกระชับชัดเจนและตรงประเด็น

ทางทิศตะวันออกเฉียงใต้คือนักพรตเต๋าที่ใช้ยันต์คนหนึ่ง นี่น่าจะเป็นเพราะว่าไม่อาจเรียกตัวผู้ฝึกตนสำนักการทหารที่แท้จริงมาได้ จึงถอยไปเลือกในระดับรองลงมา หวังใช้ยันต์ทำหน้าที่เป็นพลทหารราบเสี่ยงอันตราย หากมีหุ่นเชิดที่ใช้ศาสตร์กลไกของสำนักโม่เพิ่มขึ้นมาอีกสักตัวสองตัว อานุภาพในการเข่นฆ่าศัตรูของกระบี่บินพวกเราสองคนก็จะถูกลดทอนไปมาก ถึงอย่างไรวัตถุไร้ชีวิตสองอย่างนี้ หนึ่งยากจะทำลายความกล้าหาญ อีกหนึ่งยากจะหาแกนกลางสำคัญได้เจอ

เพียงแต่ไม่รู้ว่านักพรตท่านนี้มียันต์ที่ใช้รับมือกับผู้ฝึกกระบี่และกระบี่บินโดยเฉพาะหรือไม่ แต่ความเป็นไปได้ก็มีไม่มาก โดยทั่วไปแล้วมีเพียงผู้ฝึกตนขอบเขตโอสถทองและก่อกำเนิดเท่านั้นถึงจะใช้ยันต์ล้ำค่าไม่กี่ชนิดที่ใช้รับมือกับผู้ฝึกกระบี่โดยเฉพาะได้ แต่หากพวกเราทั้งสองคนโชคไม่ดีก็คงบอกได้ยากแล้ว ยกตัวอย่างเช่นหากอีกฝ่ายมียันต์ชั้นเยี่ยมสองชนิดที่ชื่อว่า ‘ฝักกระบี่’ กับ ‘ผนึกภูเขา’ ซึ่งมีไว้เพื่อรับมือกับกระบี่บินที่ปรากฏตัวลับๆ ล่อๆ โดยเฉพาะ ก็จะทำให้กระบี่บินพาตัวไปติดร่างแห ถูกพันธนาการไว้ช่วงระยะเวลาหนึ่ง

หากผู้ฝึกกระบี่ไม่มีกระบี่บินแห่งชะตาชีวิต ต่อให้เป็นแค่ช่วงเวลาไม่นาน พลังการต่อสู้ก็จะร่วงดิ่งลงสู่หุบเหวทันที

ดังนั้นที่พึ่งที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของเจ้าและข้า กระบี่บินสี่เล่มที่รวมกัน ต้องระวังข้อนี้มากที่สุด ต่อให้จำเป็นต้องออกจากช่องโพรงมาสังหารศัตรู ก็ต้องคอยระวังความเคลื่อนไหวเล็กๆ น้อยๆ ตรงชายแขนเสื้อทั้งสองข้างของนักพรตสำนักมหายันต์ตลอดเวลา

—–

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา!