กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา! นิยาย บท 291

กระบี่จงมา – บทที่ 291.1 กลบฝังลงดินอย่างสงบ
บทที่ 291.1 กลบฝังลงดินอย่างสงบ
โดย
ProjectZyphon
ตรงเอวของศพไร้หัวของมือกระบี่ชุดแดงมีแสงสีทองอ่อนจางเส้นหนึ่งที่ยากจะสังเกตเห็นพุ่งผ่านไป

และตรงหว่างคิ้วของศีรษะที่กลิ้งตกไปอยู่จุดอื่นก็มีเลือดสดหยดหนึ่งที่ค่อยๆ หลั่งมารวมตัวกัน

เฉินผิงอันหันหน้าไปมองลู่ไถที่ยืนอยู่บนกิ่งไม้ ฝ่ายหลังเลิกคิ้วขึ้น ยื่นนิ้วข้างหนึ่งออกมาหมุนเบาๆ มีวัตถุน้อยสีทอง ‘เส้นหนึ่ง’ ล้อมวนอยู่รอบนิ้วของลู่ไถอย่างเชื่องช้า หากไม่เป็นเพราะเฉินผิงอันสายตาดีมากก็คงไม่สังเกตเห็น

ชุดคลุมอาคมสีทอง ‘จินหลี่’ บนร่างของเฉินผิงอันที่เพิ่งจะ ‘เผยโฉมหน้าแท้จริง’ ตรงไหล่ที่ฉีกขาดเพราะแสงกระบี่ของอาจารย์กระบี่ได้ซ่อมแซมตัวเองจนไร้ความเสียหายนานแล้ว

วัตถุที่เซียนห้าขอบเขตบนท่านหนึ่งทิ้งไว้ถูกเจียวเฒ่าขอบเขตก่อกำเนิดเอาไปสวมใส่ตลอดทั้งปี ย่อมไม่ใช่ชุดคลุมอาคมธรรมดา ‘ป่าไผ่หมึก’ ชุดคลุมอาคมที่ข้ารับใช้ขอบเขตก่อกำเนิดบนเกาะกุ้ยฮวาสวมใส่ก็ยังเป็นรองเสื้อจินหลี่ชิ้นนี้อยู่ไม่น้อย

มันเหมือนสาวงามที่ออกมาให้คนเห็นแค่แวบเดียวก็หลบเร้นไปซ่อนตัวอยู่หลังฉากบังลม อำพรางรูปโฉมที่งามเลิศล้ำของตัวเองเอาไว้ ดังนั้นเวลานี้เฉินผิงอันจึงเปลี่ยนกลับไปสวมชุดคลุมสีขาวอีกครั้ง

ยันต์บ่อแห้งสองแผ่นระเบิดโพล๊ะอยู่กลางอากาศ

ชูอีกับสืออู่กระบี่บินสองเล่มจึงหลุดพ้นจากพันธนาการมาได้

เฉินผิงอันสามารถสัมผัสได้ถึงความแค้นเคืองของชูอีอย่างชัดเจน นี่ก็เป็นเรื่องปกติ เพราะขนาดสืออู่ที่มีนิสัยอ่อนโยนว่าง่าย อารมณ์ที่ถ่ายทอดมาให้เขาจากจิตที่เชื่อมโยงกันก็ยังเต็มไปด้วยไฟโทสะ

เฉินผิงอันจึงได้แต่พูดในใจว่า “พวกเจ้าอย่าเพิ่งรีบร้อน ไม่แน่ว่าศัตรูอาจมีแผนอื่นไว้รอรับมือ”

กระบี่บินชูอีพุ่งไปพุ่งมาอยู่กลางอากาศอย่างกำเริบเสิบสาน พาให้เกิดรุ้งกระบี่สีขาวเส้นแล้วเส้นเล่าที่ชวนให้คนมองอกสั่นขวัญผวา

กระบี่บินสืออู่สีเขียวไม่พอใจอย่างเห็นได้ชัด มันบินวนรอบตัวเฉินผิงอันอย่างเชื่องช้าด้วยความฉงนสนเท่ห์

แน่นอนว่าพวกมันคือกระบี่บินแห่งชะตาชีวิตที่โดดเด่นเป็นอันดับต้นๆ ของโลกใบนี้

แต่พวกมันกลับไม่ใช่วัตถุแห่งชะตาชีวิตของเฉินผิงอัน

ทั้งสองฝ่ายไม่ได้มีความสัมพันธ์เหมือนกษัตริย์กับขุนนาง หรือนายกับบ่าว แต่เหมือนเฉินผิงอันพาเด็กน้อยที่เพิ่งรู้ประสาสองคน คนหนึ่งนิสัยเอาแต่ใจ อีกคนหนึ่งอ่อนโยนว่าง่ายออกมาเที่ยวก็เท่านั้น

แต่เฉินผิงอันกลับรู้สึกว่าเป็นแบบนี้ก็ไม่เลว

บรรยากาศในผืนป่าหนักอึ้งและแปลกประหลาด

มือกระบี่ชุดแดงที่เป็นดั่งเสาค้ำมหาสมุทรได้ตายไปแล้ว ตายอย่างรวดเร็วฉับไวไม่มีอืดอาด หากไม่เป็นเพราะจำแลงกายเป็นสายรุ้งพุ่งมาอย่างเหี้ยมหาญ หลังจากนั้นก็จ้วงกระบี่แทงไปที่หว่างคิ้วของฝ่ายตรงข้ามอย่างสง่างาม ทุกคนคงเข้าใจผิดคิดว่าไอ้หมอนี่คือนักต้มตุ๋นในยุทธภพที่สร้างชื่อเสียงหลอกลวงคนไปทั่วแล้ว

ดวงตาสีเงินของชายฉกรรจ์ร่างกำยำที่อัญเชิญเทพเข้าสิงร่างเริ่มหม่นแสง จนกระทั่งกลับคืนมาเป็นปกติ

ก่อนหน้านี้คนผู้นี้มีพลังอำนาจน่ากริ่งเกรงมากที่สุด โดดเด่นอย่างที่ใครก็มิอาจทัดเทียม แต่เวลานี้เขากลับหน้าขาวซีด ริมฝีปากสั่นระริก ทำท่าอยากจะพูดแต่พูดไม่ออก ดูแล้วน่าสงสารยิ่ง

เขาชำเลืองตามองแส้สองชิ้นที่อยู่ห่างไปไกล แต่ความกล้าที่จะขยับออกจากที่ยังไม่มี ไหนเลยจะกล้าไปหยิบมันมา กลัวยิ่งนักว่านาทีถัดมาตัวเองจะถูกกระบี่บินแทงทะลุหัวใจ

สีหน้าของอาจารย์กระบี่วัยกลางคนเดี๋ยวมืดเดี๋ยวสว่างไม่แน่นอน ในใจเริ่มคิดจะถอยแล้ว

มือทั้งสองข้างของเขาห้อยตกแนบลำตัว แสงสว่างที่อัดเต็มชายแขนเสื้อก่อนหน้านี้ไม่เหลือภาพปรากฎการณ์พิเศษอีก

มีเพียงกระบี่เล่มเล็กเหมือนใบหลิ่วที่ใช้ปิ่นหยกแทนฝักกระบี่ซึ่งตอนนี้ลอยอยู่เหนือไหล่ของเขาเท่านั้นที่คล้ายสุนัขเฝ้าประตูผู้ซื่อสัตย์ คอยปกป้องเจ้านาย

การล้อมโจมตีครั้งนี้ที่เดิมทีนึกว่าไม่ต่างจากการเที่ยวเล่นชานเมืองในฤดูใบไม้ร่วงกลับกลายเป็นสภาพอเนจอนาถที่คนบาดเจ็บและล้มตายอย่างดาษดื่น

ส่วนคนหนุ่มต่างถิ่นสองคนนั้น คนหนึ่งพลังการต่อสู้ไม่ถดถอย อีกคนที่อยู่บนต้นไม้ก็ยิ่งไร้ร่องรอยบาดเจ็บเสียหาย

นาทีนี้ความหวาดกลัวที่มีต่อตระกูลเซียนบนภูเขาแผ่ขึ้นมาปกคลุมจิตใจของเหล่าผู้ฝึกตนอิสระที่พอจะสามารถเรียกลมเรียกฝนได้ตามใจชอบในถิ่นของตัวเองอีกครั้ง

อาจารย์คุมทัพหมดอาลัยตายอยาก ขาดอีกแค่นิดเดียวค่ายกลก็จะจัดวางได้สำเร็จ ผลกลับกลายเป็นว่าถูกเจ้าปรมาจารย์กระบี่ที่สมควรโดนแทงพันครั้งคนนั้นทำลายจนสิ้น

ขโมยไก่ไม่สำเร็จต้องเสียข้าวสารอีกหนึ่งกำมือ ศิษย์ที่ภาคภูมิใจสองคนต้องมาตายคาที่ เด็กดวงซวยสองคนนั้นไม่ได้มีพรสวรรค์เลิศล้ำ แต่เป็นเด็กว่านอนสอนง่าย เรียกใช้ได้ดังใจต้องการทุกเรื่อง

อาจารย์คุมทัพควักไข่มุกวิเศษที่เก็บใส่ชายแขนเสื้อไปแล้วออกมาอีกครั้ง ทยอยจัดวางค่ายกล ค่ายกลเล็กๆ จึงรวมตัวกันกลายเป็นค่ายกลใหญ่คุ้มกันกาย

ตั้งมั่นพร้อมรับมือกับศัตรู

ผู้ฝึกลมปราณที่ฝึกวิชาไม้ของห้าธาตุเงียบงันอยู่ตลอดเวลา

ผู้ฝึกลมปราณที่ได้ทั้งรุกและรับอย่างเขา นอกจากสามารถย้ายภูเขาถอนต้นไม้แล้ว ยังสามารถเลี้ยงบุปผาและแมลง เลี้ยงภูตพืชหญ้าให้เป็นประหนึ่งกำลังเสริมในสนามรบ นอกจากนี้ก็ยังเชี่ยวชาญวิชาด้านการรักษาบาดแผลและถอนพิษ พวกเขามักจะเป็นผู้ฝึกลมปราณที่ไม่สามารถตัดสินสถานการณ์ในการต่อสู้ได้ แต่กลับเป็นที่ยอมรับของผู้คน

หากสามารถเลือกสหายร่วมเดินทางได้สามคน ถ้าเช่นนั้นผู้ฝึกกระบี่ที่มีพลังพิฆาตรุนแรงที่สุด อยู่ยงคงกระพันมากที่สุด ผู้ฝึกตนสำนักการทหารที่ฆ่าไม่ตาย บวกกับปรมาจารย์โอสถสำนักกสิกรรม ลูกศิษย์พรรคโอสถนอกของลัทธิเต๋า หรือผู้ฝึกลมปราณวิชาไม้ ก็เรียกได้ว่าเป็นการรวมกลุ่มที่ยอดเยี่ยมที่สุดในการออกหาประสบการณ์ทั่วทิศ บุกตะลุยทั่วใต้หล้าอย่างที่แทบไม่มีอะไรมาทัดเทียมได้

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา!