เฉินผิงอันคลี่ยิ้ม อยู่ดีๆ ก็นึกถึงหญิงสาวจากสำนักโองการเทพที่ได้รับการขนานนามว่ามี ‘โชควาสนายิ่งใหญ่เป็นอันดับหนึ่งของทวีป’ ผู้นั้นอย่างไม่ทราบสาเหตุ
“กระบี่อาคมชือซินของโต้วจื่อจือเป็นของเจ้า กวานห้าขุนเขาเป็นของข้า จะพูดว่าเป็นของข้าก็ไม่ถูก ถือว่าข้าซื้อจากเจ้าก็แล้วกัน นอกจากข้าจะช่วยเจ้าซ่อมแซมเชือกพันธนาการปีศาจเส้นนั้นแล้ว เม็ดเสื้อเกราะที่เสียหายซึ่งเจ้าซื้อมาจากหอหลินจือที่ภูเขาห้อยหัวก่อนหน้านั้น เจ้าบ่นอยู่เสมอไม่ใช่หรือว่าต้องแยกชิ้นส่วนเสื้อเกราะใส่ไว้ในสืออู่ เปลืองพื้นที่อย่างมากน่ะ ข้าสามารถช่วยเจ้าซ่อมแซมให้เหมือนใหม่โดยไม่คิดค่าตอบแทน ทำให้มันเปลี่ยนมาเป็นเม็ดเสื้อเกราะของสำนักการทหารเม็ดหนึ่ง เจ้าไม่ต้องสนใจว่าข้าทำอย่างไร คนบนภูเขา…ย่อมมีวิธีการที่มหัศจรรย์อยู่แล้ว!”
ลู่ไถยิ้มกว้างอย่างสดใส “ดังนั้นเจ้าอาจจะต้องอยู่ที่ป้อมอินทรีบินอีกช่วงระยะเวลาหนึ่ง ไม่นานเท่าไหร่หรอก ก็ถือโอกาสพักฟื้นรักษาบาดแผลอยู่ที่นี่ไปก่อน จากนั้นค่อยไปตามหาอารามเต๋าแห่งนั้น”
เฉินผิงอันพยักหน้ารับด้วยรอยยิ้ม มาเจอกับลูกหลานเศรษฐีอย่างลู่ไถ เฉินผิงอันไม่มีทางใจอ่อนแน่นอน
ลู่ไถเอ่ยอย่างเชื่องช้าว่า “กวานห้าขุนเขาสมบัติอาคมชั้นสูงหนึ่งชิ้น ข้าจำเป็นต้องมอบเงินเกล็ดหิมะให้เจ้าสองหมื่นเหรียญ หากหักเป็นเงินฝนธัญพืชก็เท่ากับยี่สิบเหรียญ ตอนที่ไล่ฆ่าหม่าว่านฝ่าและสังหารผู้ฝึกตนถือแส้ในหอหลัก ข้าเองก็ได้ผลเก็บเกี่ยวมาเช่นกัน ลองคำนวณดูคร่าวๆ แล้ว น่าจะยังต้องจ่ายเงินเกล็ดหิมะให้เจ้าอีกสองหมื่นเหรียญ หรือก็คือเงินฝนธัญพืช ยี่สิบเหรียญ ด้ามยาวของแส้ปัดฝุ่นที่สลักสองคำว่า ‘ขจัดทุกข์’ นั้นถือว่าไม่เลวเลยทีเดียว เจ้าเอาไปได้ ถือซะว่าเป็นของรางวัลเล็กๆ น้อยๆ แล้วกัน”
เฉินผิงอันตื่นตะลึง “ได้เงินฝนธัญพืชมากขนาดนี้เชียวหรือ?”
ลู่ไถทอดสายตามองไปยังทิศไกลอยู่ตลอดเวลา ยิ้มบางบางเอ่ยว่า “เงินของเทพเซียนบนภูเขา ข้าพอมีติดตัวอยู่บ้าง เซียนดินก่อกำเนิดทั่วไปของทวีปแดนเทพแผ่นดินกลางไม่มีใครกล้ามาแข่งขันเรื่องทรัพย์สินเงินทองกับข้าหรอก”
ทำเอาเฉินผิงอันโมโหจนเงื้อมือตบไปหนึ่งฉาด “ถ้าอย่างนั้นตอนที่อยู่ภูเขาห้อยหัวเจ้าจะมาร่ำร้องกับข้าว่ายากจนไปทำไม? ลู่ไถ เจ้านี่มันใช้ได้จริงๆ เล่นละครเก่งนักนะ!”
ลู่ไถรู้สึกร้อนตัวเล็กน้อย กล่าวยังขลาดๆ ว่า “ก็ข้ากลัวว่าตอนนั้นเจ้าไม่ปรารถนาในความงามของข้า แต่ปรารถนาอยากได้เงินของข้าแทนนี่นา”
“ปรารถนาในความงามกับปู่ทวดเจ้าน่ะสิ!” เฉินผิงอันฟาดมือลงไปอีกครั้ง ทำเอาลู่ไถอับอายจนพาลมาเป็นความโกรธ “เฉินผิงอัน ระวังข้าจะเลิกคบเจ้านะ!”
เฉินผิงอันหัวเราะฮ่าๆ แต่ก็ยังไม่หยุดตบอยู่ดี
ดวงตาของลู่ไถคลอประกายน้ำ ทำท่าว่าจะเรียกท่าไม้ตายออกมา แต่เฉินผิงอันกลับทำมือบอกให้ลู่ไถ ‘หยุด’ จากนั้นก็ดื่มเหล้าหนึ่งอึกแล้วพูดว่า “เจ้าพูดต่อได้เลย”
ลู่ไถพลิกมือหนึ่งครั้ง ถุงผ้าที่ตัดเย็บอย่างประณีตใบหนึ่งก็ปรากฏขึ้นมา เขายื่นมันส่งให้กับเฉินผิงอัน
เฉินผิงอันขมวดคิ้ว “เอามาทำไม?”
ลู่ไถเอ่ยยิ้มๆ “ของเล่นเล็กๆ น้อยๆ มอบให้เจ้า ลองเปิดดูสิ เจ้าต้องชอบแน่นอน เมล็ดพันธุ์ต้นอวี๋เฉียนที่มีภูมิหลังค่อนข้างพิเศษชนิดนี้ พอกลับไปถึงบ้านเกิดสามารถเอาไปปลูกไว้บนภูเขาที่ฮวงจุ้ยดีได้ จะต้องปลูกให้หันหน้าเข้าหาแสงแดด ประมาณสามปีห้าปี ไม่แน่ว่าอาจมีเรื่องน่ายินดีเกิดขึ้น”
แม้ว่าเฉินผิงอันจะรับถุงต้นอวี๋เฉียนมาแล้ว แต่ก็ยังพูดว่า “อธิบายให้ชัดเจนก่อน ไม่งั้นข้าก็จะคืนมันให้เจ้า”
ลู่ไถจึงอธิบายให้ฟังคร่าวๆ ทำเอาเฉินผิงอันที่ฟังอยู่ยิ้มกว้างจนหุบปากไม่ลง รีบเก็บมันลงไป ไอ้ที่บอกว่าจะคืนไม่คืนอะไรนั้น ถือซะว่าเค้าไม่เคยพูดแล้วกัน
ที่แท้อวี๋เฉียนถุงนี้ก็มหัศจรรย์อย่างมาก อีกทั้งยังถูกกับรสนิยมของเฉินผิงอันอย่างถึงที่สุด พวกมันคือเมล็ดพันธุ์ล้ำค่าจากต้นอวี๋ของตระกูลเซียนยุคบรรพกาลที่ห่างไกลในทวีปแดนเทพแผ่นดินกลาง เนื่องด้วยรูปลักษณ์ภายนอกเป็นลักษณะเหมือนเหรียญกษาปณ์ทรงกลมบางๆ จึงถูกตั้งชื่อเช่นนี้
ออกเสียงเหมือนคำว่า ‘อวี๋เฉียน’ ที่แปลว่าเงินเหลือ (อวี๋เฉียนที่เป็นต้นไม้ ภาษาจีนเขียนว่า 榆钱 แต่อวี๋เฉียนที่แปลว่าเงินเหลือ เขียนว่า 余钱)
เนื่องจากพวกชาวบ้านมีคำกล่าวว่ากินอวี๋เฉียนก็จะมีเงินเหลือ จึงถูกคนส่วนใหญ่เอามาเล่าลือกันปากต่อปากอย่างผิดๆ เพราะแท้จริงแล้ววิธีการกินแบบนั้นไม่ถูกต้อง ที่ถูกต้องคือแค่ต้องหาภูตจินหวงที่ซ่อนอยู่ในต้นอวี๋เฉียนให้เจอ เอามันมาแช่ในไหเหล้า พอเหล้าหมักได้ที่แล้วก็เอาออกมากินสดๆ ทุกปีจึงจะมีรายได้เพิ่มพูนขึ้นมา ครอบครัวที่มีฐานะหน่อย เวลาถึงช่วงฤดูใบไม้ผลิ เพื่อความเป็นสิริมงคลจึงมักจะจัด ‘งานเลี้ยงอวี๋เฉียน’ เพราะหวังว่าในช่วงปีใหม่จะมีเงินทองไหลมาเทมาไม่ขาดสาย
รายรับทรัพย์สินเงินทองที่คล้ายสายน้ำเส้นเล็กที่ไหลยาวต่อเนื่องนี้ เป็นสิ่งที่เฉินผิงอันชื่นชอบมากที่สุด
เพราะลึกๆ ในใจของเฉินผิงอันเชื่อว่าความร่ำรวยสูงศักดิ์ที่เกิดขึ้นกะทันหันยอมง่ายที่จะมาเร็วไปเร็ว เว้นเสียแต่ว่าจะทุ่มเททำงานอย่างยากลำบาก ถึงจะคว้าไว้ได้อยู่มือ ถึงจะรักษาไว้สำเร็จ แต่ผลกำไรและประโยชน์ที่สะดุดตาเป็นพิเศษอย่างอวี๋เฉียนนี้กลับทำให้เฉินผิงอันสบายใจได้มาก
เฉินผิงอันได้ผลประโยชน์ไปแล้วเพิ่งจะทำเป็นพูดยิ้มๆ ว่า “ไม่ล้ำค่าเกินไปหน่อยหรือ?”
ลู่ไถใช้นิ้วชี้กับนิวโป้งคลี่พัดเปิดและหุบพัดปิดเล่นไปเรื่อยๆ เขาพูดเหมือนสะท้อนใจว่า “เฉินผิงอัน การเดินทางมาขึ้นดาดฟ้าครั้งนี้เป็นการแสวงหามรรคาของข้า คำว่ามหามรรคา เจ้ารู้หรือไม่ว่ามันมีน้ำหนักมากเท่าไหร่? ข้าถึงขั้นไม่รู้ด้วยซ้ำว่าควรจะแปลงมันเป็นเงินอย่างไร แต่ข้ารู้สึกว่าในเมื่อพวกเราเป็นเพื่อนกันแล้ว อะไรที่หยวนได้ก็หยวนๆ ไปเถอะ ไม่อย่างนั้นต่อให้ข้าลู่ไถร่ำรวยแค่ไหน ต่อให้ใช้ทรัพย์สมบัติที่มีจนหมดสิ้นก็ยังควักเงินก้อนนี้ออกมาให้เจ้าไม่ได้ แล้วจะทำอย่างไร?”
เฉินผิงอันยื่นน้ำเต้าเลี้ยงกระบี่ที่อยู่ในมือส่งไปให้ พลางพยักหน้ารับด้วยรอยยิ้ม “จะต้องทำอย่างไรอีก ก็ทำอย่างนี้แหละ!”
ลู่ไถรับกาเหล้ามา ชูขึ้นสูงแล้วแหงนหน้ากรอกเหล้าใส่ปาก น้ำเต้าเลี้ยงกระบี่อยู่ห่างจากใบหน้าสูงหลายชุ่น ดื่มเหล้าแบบนี้ก็สะใจดีเหมือนกัน
เช็ดปากเรียบร้อยก็ส่ง ‘เจียงหู’ คืนให้กับเฉินผิงอัน “ควรเติมเหล้าได้แล้ว เดี๋ยวกลับไปข้าจะบอกให้ป้อมอินทรีบินเติมเหล้าให้เจ้าจนเต็ม”
เรื่องดีๆ แบบนี้เฉินผิงอันยอมไม่ปฏิเสธอยู่แล้ว
จู่ๆ ลู่ไถก็กล่าวอย่างระอาใจว่า “ทำไมถึงชอบดื่มเหล้าขนาดนี้? เหล้ามีอะไรดี?”
เฉินผิงอันแค่ยิ้มรับ ไม่ได้เอ่ยตอบ เพียงดื่มเหล้าต่อไป
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา!