กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา! นิยาย บท 328

บทที่ 328.2 โยนออกไปนอกอารามกวานเต๋า
ProjectZyphon
บัณฑิตยากจนเชื่อว่าคนหนุ่มที่อยู่ตรงหน้าผู้นี้คือลูกหลานของตระกูลเศรษฐีผู้ร่ำรวยจริงๆ

อันที่จริงหัวใจเขาเต้นรัวอยู่ตลอดเวลา เมื่อมายืนอยู่ตรงหน้าคนผู้นี้ เจี่ยงเฉวียนรู้สึกละอายใจที่ตัวเองสู้อีกฝ่ายไม่ได้

เขาถามอย่างขลาดๆ ว่า “เหตุใดถึงช่วยข้า?”

คนผู้นั้นตอบว่า “ข้าแค่ช่วยกู้หลิง ไม่ได้ช่วยเจ้า”

เจี่ยงเฉวียนกอดผีผา แต่กลับไม่ได้รับถุงเงินไป เขาถามอย่างใคร่รู้ “เจ้าเป็นลูกหลานตระกูลกู้ไม่ใช่หรือ? เหตุใดถึงเต็มใจปกป้องแม่นางกู้?”

“ในเมื่อกู้หลิงชอบเจ้าขนาดนั้น ข้าจึงอยากมาดูให้เห็นกับตาว่าเจ้าเป็นคนอย่างไรกันแน่”

คนผู้นั้นเงียบไปครู่หนึ่งก็พูดขึ้นช้าๆ ว่า “ในตำรากล่าวว่า ขอแค่หัวใจสองดวงรักมั่นไม่เสื่อมคลาย”

เจี่ยงเฉวียนยิ้มอย่างเข้าใจ ในใจเริ่มมีความมั่นใจมากขึ้นจึงพยักหน้ารับอย่างแรงคล้ายให้กำลังใจตัวเอง “ใยต้องอยู่เคียงคู่กันทุกวัน!”

จากนั้นเจี่ยงเฉวียนก็ส่ายหน้า “เงินข้าไม่ต้องการแล้ว ข้าจะออกไปตั้งแผง ช่วยคนเขียนจดหมายส่งถึงที่บ้าน หรือไม่ก็เขียนกลอนคู่ ถึงอย่างไรก็พอเลี้ยงตัวเองได้ ไม่มีเหตุผลให้ต้องรับเงินก้อนนี้แล้วทำให้แม่นางกู้ถูกคนในครอบครัวดูแคลน ถูกคนรังเกียจ แต่รบกวนเจ้าหน่อย หากกลับไปถึงบ้านแล้วช่วยเขียนจดหมายฉบับหนึ่งให้นาง บอกว่าให้นางรอวันที่ข้าสอบติดเป็นจิ้นซื่อได้เลย!”

กล่าวมาถึงตรงนี้ เจี่ยงเฉวียนก็ยิ้มสดใส “ไม่แน่ว่าในอนาคตนางอาจจะได้เป็นฮูหยินตราตั้งก็ได้นะ”

แต่แล้วเจี่ยงเฉวียนก็รีบโบกมือ “ประโยคนี้เจ้าห้ามเขียนลงไปในจดหมายเด็ดขาด เพราะไม่แน่ว่าข้าจะทำได้ แค่ข้าจดจำไว้ในใจก็พอ หากมีวันนั้นจริงๆ ข้าจะพานางมาพบเจ้าอีกครั้ง ให้นางได้รู้ถึงน้ำใจของเจ้าในวันนี้”

คนผู้นั้นก็เป็นคนประหลาดนัก ยังคงยัดถุงเงินมาให้เจี่ยงเฉวียน แล้วก็พูดประโยคประหลาดว่า “เงินนี้เจ้าต้องรับเอาไว้ นี่เป็นน้ำใจของกู้หลิง ยิ่งเป็นเงินที่สะอาดที่สุดในใต้หล้า”

สหายที่มาจากบ้านเกิดเดียวกันสองคนนั้นก็เกลี้ยกล่อมให้เจี่ยงเฉวียนรับเงินไว้

คนผู้นั้นหมุนกายจากไป

เจี่ยงเฉวียนตะโกนถามเสียงดังว่า “น้องชาย หลังสอบติดแล้ว ข้าจะหาเจ้าพบได้อย่างไร?”

คนผู้นั้นหันหน้ากลับมา “หากเจ้าสอบติดจะมีคนไปหาเจ้าเอง และบอกเรื่องทุกอย่างกับเจ้า”

ฝนเม็ดเล็กมาเยือนโลกมนุษย์อีกครั้ง

เจี่ยงเฉวียนและเพื่อนรักสองคนออกไปจากถนนแถบนี้ ห่างออกไปไกล คนที่เอาความมาบอกผู้นั้นยืนถือร่มอยู่ใต้ชายคาตรงมุมถนนแห่งหนึ่ง มองส่งบัณฑิตยากจนที่ค่อยๆ เดินจากไปไกล

นักพรตเฒ่ามาปรากฏตัวอยู่ข้างกายเฉินผิงอัน ถามด้วยรอยยิ้มว่า “แล้วทำไมถึงไม่บอกความจริงกับเขาไปตรงๆ เลยเล่า?”

เฉินผิงอันเอ่ยเบาๆ “ไม่ต้องบอกอะไรเขาสักอย่าง บอกเขาทุกอย่าง และสามปีให้หลัง ไม่ว่าเจี่ยงเฉวียนจะสอบติดหรือไม่ก็ให้ราชครูจ้งช่วยบอกความจริงแก่เขาแทนข้า ข้ารู้สึกว่าทางเลือกข้อที่สามนี้ดีสำหรับเขาและกู้หลิงมากกว่า”

นักพรตเฒ่าถามอีกคำถามหนึ่งที่จี้ใจคน “ถ้าอย่างนั้นทางเลือกข้อไหนที่ทำให้เจ้ารู้สึกดีที่สุด?”

เฉินผิงอันตอบ “หากเป็นตอนก่อนจะเข้ามาในพื้นที่มงคลดอกบัวก็คงเป็นทางเลือกที่หนึ่ง ท่องอยู่ในยุทธภพ ไม่ว่าใครก็ควรรับผิดชอบความเป็นความตายของตัวเอง แต่ตอนนี้น่าจะเป็นทางเลือกที่สอง อย่างน้อยถามใจตัวเองแล้วก็ไม่ละอาย ไม่ทิ้งจุดด่างใดๆ ไว้ในใจ ส่วนข้อที่ว่าทำไมถึงเลือกข้อที่สาม ข้าเองก็ไม่รู้เหมือนกัน อันที่จริงตัวข้าก็ไม่รู้ว่าทางเลือกนี้ผิดหรือถูก”

นักพรตเฒ่าพูดพร้อมคลี่ยิ้ม “ไม่รู้ว่าผิดหรือถูกใช่ไหม?”

เฉินผิงอันหันหน้ามามอง “ทำไมหรือ?”

นักพรตเฒ่าใช้ฝ่ามือข้างหนึ่งกดลงบนไหล่ของเฉินผิงอัน “หลังจากนี้เจ้าก็ยิ่งไม่มีทางรู้ได้”

นาทีถัดมาราวกับเป็นช่วงยามฟ้าสาง พระอาทิตย์ลอยขึ้นจากทิศตะวันออก หน้าประตูวังหลวงในเมืองหลวงของแคว้นหนันเยวี่ยน คนเปิดประตูวังตะโกนก้องเสียงดัง

นักพรตเฒ่าถามยิ้มๆ “รู้ไหมว่าทำไมถึงมีขนบธรรมเนียมเช่นนี้สืบทอดกันมา? ไม่ว่าจะเป็นใต้หล้าไพศาลหรือพื้นที่มงคลดอกบัวก็ล้วนจำเป็นต้องทำแบบนี้”

เฉินผิงอันที่จำต้องหุบร่มส่ายหน้า

นักพรตเฒ่ากล่าวว่า “ในช่วงเวลาที่แสงอรุณสาดส่องลงมา วังหลวงจำเป็นต้องตวาดขับไล่วิญญาณพยาบาทบางส่วนออกไป เจ้าคิดว่าเป็นวิญญาณพยาบาทของใคร?”

เฉินผิงอันยังคงส่ายหน้า

นักพรตเฒ่าจึงเอ่ยว่า “ของขุนนางผู้ซื่อสัตย์ที่ตายไปอย่างอยุติธรรม ขุนนางผู้จงรักภักดีที่ตายไปอย่างเปล่าประโยชน์ ขุนนางผู้เป็นเสาค้ำยันบ้านเมืองที่ตายเพราะเสี่ยงถวายคำทัดทานแก่ฮ่องเต้ในประวัติศาสตร์”

หลังจากนั้นเวลาสิบปีร้อยปีของแม่น้ำแห่งกาลเวลาสายยาวในพื้นที่มงคลดอกบัวก็ราวกับว่าไหลมาอยู่ในช่วงระยะเวลาเพียงปีเดียวของผู้เฒ่า

นาทีถัดมานักพรตเฒ่าพาเฉินผิงอันมาพบกับอาจารย์ผู้เฒ่าผู้มุ่งมั่นศึกษาตำราใฝ่หาความรู้ ยามจรดพู่กันราวกับมีเทพช่วย แต่กลับไม่เข้มงวดกับลูกหลาน ตอนที่ใกล้จะจากโลกนี้ไป หยาดเหงื่อแรงใจที่ทุ่มเททำมาทั้งชีวิตล้วนถูกลูกหลานเอาไปเร่ขายผลาญทิ้งจนสิ้น ด้วยความโมโหจึงเผาผลงานทั้งหมดของตัวเอง

และยังได้พบกับอัครเสนาบดีจากตระกูลยากจนที่ในที่สุดก็สามารถเขียนบทกวีที่อุดมสมบูรณ์ไปด้วยความงดงามอย่างแท้จริงได้ในช่วงบั้นปลายชีวิต บทความของเขาไม่ต้องถูกคนในตระกูลและเพื่อนร่วมงานดูแคลนว่าเป็นดั่งคนสวมชุดทองเครื่องประดับเงิน แต่ใส่รองเท้าฟางสานอีกต่อไป

ได้เห็นขุนนางสำคัญผู้เป็นแกนกลางของราชสำนักที่พักอยู่ในจวนเก่าโทรม สองชายแขนเสื้อมีลมเย็น (เปรียบเปรยถึงขุนนางมือสะอาด) มีชื่อเสียงอันดี ทว่าญาติที่อยู่ในท้องถิ่นกลับรังแกบุรุษข่มเหงสตรี แต่ละคนห้อยเงินหมื่นกว้านไว้รอบเอว จดหมายทุกฉบับที่เขาเขียนถึงทางบ้านล้วนตักเตือนให้คนในตระกูลรู้จักประหยัดมัธยัสถ์ รักษาคุณธรรม หลังจากเนื้อหาในจดหมายปรากฏสู่สายตาของคนรุ่นหลัง เขาก็ยังได้รับคำยกย่องชมเชยจากผู้คน

องค์ชายแคว้นเป่ยจิ้นคนหนึ่งยืนเป่าลมใส่มือหาความอบอุ่นอยู่นอกห้องเรียนในวันหิมะตกหนัก

คุณชายเสเพลคนหนึ่งที่ทำตัวกำเริบเสิบสาน ก่อกรรมทำชั่วไม่ว่างเว้น พอกลับไปถึงบ้านกลับกตัญญูต่อย่า ช่วยเหน็บชายผ้าห่มให้ผู้อาวุโสนอนอุ่นสบาย

ขุนนางคนสำคัญของแคว้นซงไล่คนหนึ่งที่อุทิศตนเพื่อบ้านเมือง ปฏิรูปกฎหมาย ในบรรดาลูกหลานสายตรงเจ็ดแปดคนที่ถูกนำตัวมาใช้ มีเกินครึ่งที่แสร้งใช้ข้ออ้างปฏิรูปกฎหมายแสวงหาผลประโยชน์ใส่ตัว กำจัดคนที่เห็นต่าง บ้างก็พยายามคาดเดาจิตใจฮ่องเต้ แอบสร้างพรรคพวก สุดท้ายการปฏิรูปกฎหมายล้มเหลว ขุนนางคนสำคัญผู้นั้นถูกจับขังคุกแล้วก็ยังรักษาจิตใจอันกว้างขวางไว้ได้ เจ็บใจก็แต่ปณิธานยิ่งใหญ่ยังไม่ทันได้เป็นจริง ตัวเองกลับต้องมาตายไปเสียก่อน

จอมยุทธ์น้อยในยุทธภพคนหนึ่งที่ไร้หนทางให้เดินต่อ พ่อแม่ถูกศัตรูคู่แค้นฆ่าตาย ชีวิตหลายสิบปีต่อจากนั้นเต็มไปด้วยอุปสรรค ต้องทนรับความอัปยศ ถูกคนหลู่เกียรติ ตอนที่ได้แก้แค้น เขาสังหารคนทั้งครอบครัวของศัตรูไปหลายสิบคน ได้ชำระแค้นอย่างสาสมใจ หลังจากที่จอมยุทธ์น้อยซึ่งกลายเป็นบุรุษเต็มตัว กลายเป็นจอมยุทธ์ใหญ่จากไป มีเด็กหญิงคนหนึ่งพาเด็กชายที่อายุน้อยกว่าคนหนึ่งเดินออกมา ตอนนั้นสองพี่น้องเล่นซ่อนแอบกันอยู่ ได้ไปหลบอยู่ซอกผนังพอดี เมื่อรอดพ้นหายนะครั้งนี้มาได้ สุดท้ายเด็กทั้งสองคนก็โขกศีรษะต่อหน้าหลุมศพ กล่าวคำสาบานว่าจะแก้แค้นแทนคนในครอบครัว

นายอำเภอสองคนที่เกี่ยวพันกับปัญหาเรื่องการส่งหนังสือราชการถึงสองครั้งเหมือนกัน จำต้องถูกราชสำนักซักไซ้เอาความผิด นายอำเภอคนหนึ่งได้แอบออกอุบายอันชาญฉลาดให้แก่คนส่งสารของจุดพักม้า บอกให้แจ้งความเท็จว่าระหว่างทางเจอโจรดักปล้น อีกทั้งยังบอกให้คนของจุดพักม้าผู้นั้นใช้มีดทำร้ายตัวเอง สุดท้ายจึงหลอกตบตาขุนนางกรมกลาโหมที่มาตรวจสอบเรื่องนี้ไปได้ ส่วนนายอำเภออีกคนหนึ่ง ทั้งๆ ที่เป็นหน้าหนาวหิมะตกหนัก เส้นทางถูกปิดกั้น เพื่อทำหน้าที่ให้สำเร็จ คนส่งสารของจุดพักม้าจึงพยายามข้ามแม่น้ำไปให้ได้ แต่กลับทำให้หนังสือราชการถูกน้ำได้รับความเสียหาย นายอำเภอรายงานเรื่องนี้ตามความจริง ผลคือคนส่งสารถูกโบยหนึ่งร้อยไม้ เนรเทศไปไกลพันลี้ ส่วนนายอำเภอไม่ได้รับเงินเดือนหนึ่งปี คนในพื้นที่วิพากษ์วิจารณ์กันว่าภายในห้าปีนี้เขาคงไม่มีโอกาสได้เลื่อนขั้นแล้ว

เรื่องราวหลังจากนั้นก็ยิ่งแปลกประหลาด แม่น้ำแห่งกาลเวลาเริ่มหมุนย้อนกลับ

มองเห็นจอมยุทธ์พเนจรเฝิงชิงป๋ายกับถังเถี่ยอี้ที่เรียกกันเป็นพี่เป็นน้องนั่งดื่มสุราอยู่ตรงข้ามกัน ตบเข่าร้องเพลงเสียงดังอยู่ในเมืองชายแดน

เฉินผิงอันยังได้มาที่นอกเมืองหลวงแคว้นหนันเยวี่ยน เห็นหญิงสาวที่ชื่อว่ากู้หลิงคนนั้น เห็นการพบกันครั้งแรกระหว่างนางกับบัณฑิตเจี่ยงเฉวียน มองเห็นการทำความรู้จักกัน การตกหลุมรักกันและกันของพวกเขา ก่อนจะเข้าเมืองมีหิมะตกหนัก กู้หลิงที่เพิ่งจะทำงานลอบสังหารครั้งหนึ่งสำเร็จเร่งรีบเดินทางเพื่อไปสอบเคอจวี่เป็นเพื่อนบัณฑิต

หญิงสาวยืนอยู่ท่ามกลางหิมะที่ตกหนักเพียงลำพัง ปีนี้นางเจอกับบัณฑิตคนหนึ่ง ท่ามกลางชีวิตที่มืดมนและเต็มไปด้วยคาวเลือดของนางจึงดูเหมือนว่ามีหิมะตกลงมา พื้นดินที่กว้างขวางสะอาดเอี่ยมทำให้นางเข้าใจผิดนึกว่าตัวเองคือสตรีที่ดีที่สุด แม้จะรู้ดีว่าหิมะต้องละลาย และนางก็ยังเป็นผู้หญิงที่ชั่วร้ายคนนั้น ทว่าการได้พบเจอกับเขาก็ถือว่าสวรรค์ไม่ปฏิบัติต่อนางอย่างเลวร้ายเกินไปแล้ว

มองเห็นเด็กหญิงผอมแห้งคนหนึ่งที่บางครั้งจะออกไปมองเนินดินเล็กๆ เนินหนึ่งนอกเมืองด้วยสีหน้าคิดถึง

สุดท้ายเฉินผิงอันมองเห็นตัวเองที่มองไปยังบ่อน้ำแห่งนั้นแวบหนึ่ง

มีสองครั้งที่ลอบเข้าไปยังหอเก็บตำราส่วนตัวของคนอื่น ท่ามกลางตำรานับพันนับหมื่นเล่ม เกินครึ่งล้วนเป็นตำราใหม่เอี่ยม แต่ก็มีอยู่หลายเล่มที่เป็นตำราเก่าแก่หลายปีแล้ว ทว่าพอเปิดออกอ่านกลับยังได้กลิ่นหอมของหมึกจางๆ หลักการของอริยะปราชญ์และบทความไพเราะมากมายล้วนไม่มีใครได้ชื่นชม

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา!