หลังจากที่เด็กหนุ่มซึ่งอยู่ในอารมณ์ตื่นเต้นจากไปแล้ว ผู้เฒ่าก็หมุนตัวไปหยิบตำราอีกเล่มออกมา ในนั้นก็มีรอยกดทับอยู่เหมือนกัน แต่กลับไม่มีเหรียญอยู่ด้านใน ทว่าประโยคที่อยู่ตรงรอยกลบทับคือคำสอนของอริยะปราชญ์ที่บอกว่า ‘ผู้สูงส่งคือวิญญูชน เชี่ยวชาญการแลกเปลี่ยนความรู้ ขัดเกลานิสัยและคุณธรรมให้ยิ่งดีงาม’
เพราะว่ามีเหรียญเงินแค่เหรียญเดียว เด็กหนุ่มจึงได้ยึดครองโชควาสนาทั้งหมดไปโดยไม่รู้ตัว
คล้ายกับว่านี่เป็นเจตนารมณ์สวรรค์ซึ่งคนไม่อาจมองเห็นได้ด้วยตาเปล่า
นี่ทำให้เจ้ากรมผู้เฒ่าที่ปรารถนาอยากฝึกวิชาเซียนมาโดยตลอดถึงขั้นไม่กล้าแย่งชิง
ผู้เฒ่าที่อยู่ในวงการขุนนางซึ่งผู้คนคอยแต่จะแก่งแย่งความดีความชอบกันมาเกินครึ่งชีวิตพูดสะท้อนใจแฝงไว้ด้วยความเลื่อมใสและนับถือจากใจจริง “ยอดฝีมือนอกโลกช่างมีฝีมือของเทพเซียนจริงๆ”
……
ระหว่างที่เดินทางอยู่บนเส้นทางภูเขา เฉินผิงอันทำหีบไม้ไผ่ใบใหญ่ให้ตัวเองหนึ่งใบ ตามหลักแล้ว นอกจากใส่ห่อผ้าฝ้ายห่อนั้น ยังสามารถใส่สิ่งของได้อีกไม่น้อย ทว่าเฉินผิงอันยังคงให้เผยเฉียนสะพายห่อผ้า รวมไปถึงถือคันเบ็ดไม้ไผ่ นอกจากนี้เขายังทำไม้เท้าอันเล็กเหมาะมือให้กับนางอีกอันหนึ่ง
หลังจากนั้นเส้นทางภูเขาและแม่น้ำยาวไกล ดูเหมือนว่าจากแต่เดิมที่เฉินผิงอันรีบเร่งเดินทาง ร้อนใจอยากออกไปจากใบถงทวีป กลับบ้านเกิดที่แจกันสมบัติทวีปโดยเร็วที่สุด ตอนนี้กลับเปลี่ยนมาเป็นสงบจิตสงบใจได้แล้ว เพียงแต่น่าสงสารเด็กหญิงเผยเฉียนที่ต้องเหน็ดเหนื่อยไปด้วย นางบ่นด้วยความคับแค้นใจตลอดเวลา เพียงแต่ว่าเมื่อเทียบกับคำพูดคำจาโผงผางทำร้ายจิตใจคนอย่างตอนที่เพิ่งรู้จักกันแล้ว ไม่รู้ว่าเป็นเพราะได้เริ่มเรียนหนังสือมาบ้าง หรือเป็นเพราะกลัวว่าเฉินผิงอันจะโมโหแล้วทิ้งนางไปไม่สนใจใยดี ต่อให้จะบ่น เผยเฉียนก็หัดรู้จักพูดอ้อมค้อมบ้างแล้ว
สำหรับคำบ่นของนาง เฉินผิงอันฟังเป็นลมที่พัดผ่านข้างหู นั่นยิ่งทำให้เผยเฉียนไม่พอใจเข้าไปใหญ่
การเดินทางในภายหลังคนทั้งสองได้พบเห็นทัศนียภาพมากมาย ทำให้เผยเฉียนได้เปิดโลกทัศน์ ยกตัวอย่างเช่นมีครั้งหนึ่งได้เห็นหิ่งห้อยจำนวนนับไม่ถ้วนยามกลางดึกของฤดูใบไม้ร่วง คล้ายโคมไฟดวงเล็กๆ ที่แขวนไว้เต็มม่านฟ้า ฉวยโอกาสตอนที่เฉินผิงอันไม่สนใจ นางใช้ไม้เท้าตบพวกมันดังเพี๊ยะๆๆ ศพกลาดเกลื่อนไปทั่ว เฉินผิงอันหันหน้ามามอง นางก็รีบหยุดมือทันที แสร้งทำเป็นก้มหน้าก้มตาเดินทาง
พวกเขายังเคยเดินผ่านผืนป่ารกครึ้มที่แปลกประหลาดอย่างถึงที่สุดแห่งหนึ่ง ผืนป่าแห่งนี้มีดินที่อุดมสมบูรณ์ ทว่ากิ่งก้านต้นไม้ที่แผ่ออกมาด้านนอกกลับเต็มไปด้วยซากแห้งของพวกนกและสัตว์ป่า
เผยเฉียนตกใจรีบดึงชายแขนเสื้อของเฉินผิงอันเอาไว้ ถึงได้กล้าเดินต่อ ก่อนจะเข้าไปในป่า เฉินผิงอันหยิบยันต์ปราณหยางส่องไฟออกมาหนึ่งแผ่น โยนเข้าไปในผืนป่า พบว่ายันต์ที่เขียนบนกระดาษธรรมดาแผ่นนั้นพลันติดไฟ เพียงแต่ว่าเผาไหม้อย่างเชื่องช้า เฉินผิงอันจึงเดินตรงเข้าไปด้านใน เผยเฉียนขอร้องเฉินผิงอันว่าให้มอบยันต์หนึ่งแผ่นให้นางไว้คุ้มกันกาย เฉินผิงอันทำเป็นไม่ได้ยิน บอกนางว่าหากกลัวตัวประหลาดพวกนั้นก็ให้ท่องหนังสือเสียงดังๆ เพราะหลักการของอริยะปราชญ์สามารถขับไล่สิ่งชั่วร้ายได้
เผยเฉียนเชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่ง ยังคงกำชายแขนเสื้อของเฉินผิงอันไว้แน่น ขณะเดียวกันก็พยายามท่องเนื้อหาในตำราไปด้วย
อันที่จริงตำราลัทธิขงจื๊อเล่มนั้นบางมาก นางรู้จักตัวอักษรทั้งหมดที่อยู่บนนั้นแล้ว แล้วก็อ่านจบแล้ว ก่อนหน้านี้เผยเฉียนก็เคยขอเปลี่ยนเล่มใหม่ บอกเฉินผิงอันว่าให้นางเลิกอ่านหนังสือเล่มเดียวซ้ำไปซ้ำมาได้แล้ว น่าเบื่อยิ่งนัก แต่เฉินผิงอันกลับไม่ยอมอนุญาต เขาบอกให้นางอ่านซ้ำหลายๆ รอบ อีกทั้งยังไม่ใช่แค่อ่านเท่านั้น ยังต้องอ่านออกเสียงด้วย ยามเช้าตรู่เมื่อเขาฝึกท่ายืนนิ่งเจี้ยนหลู นางก็จะต้องเริ่มอ่าน ยามสนธยา เขายังคงฝึกยืนนิ่ง นางก็ยังต้องอ่าน ถึงท้ายที่สุดนางจึงท่องทุกบทความที่อยู่ในนั้นจนขึ้นใจได้จริงๆ
รอจนคนทั้งสองเดินออกจากป่าลึกก็ยังไม่มีความเคลื่อนใดๆ
เผยเฉียนเหงื่อแตกเต็มศีรษะ เป็นเพราะท่องหนังสือจนเหนื่อย คอนางแหบแห้งไปหมดแล้ว
จนกระทั่งคนทั้งสองเดินออกไปได้สิบกว่าลี้ ต้นไม้ใหญ่หลายต้นถึงได้เริ่มส่ายสะบัดอย่างบ้าคลั่งคล้ายกำลังระบายความโกรธแค้น
จากนั้นคนทั้งสองยังผ่านหุบเขาแห่งหนึ่ง ข้างแอ่งน้ำใต้น้ำตกมีผีเสื้อหลากสีบินระบำจนคนมองตาพร่าลาย
เผยเฉียนฉวยโอกาสตอนที่เฉินผิงอันกำลังหุงข้าวฆ่าผีเสื้อไปหลายสิบตัวด้วยความเร็วดุจฟ้าร้องฉับพลันจนคนไม่ทันได้ยกมือป้องหู อีกทั้งนางยังเลือกเฉพาะตัวที่สวยที่สุด ตบเพี๊ยะหนึ่งที ผีเสื้อถูกหนีบอยู่ในหน้าหนังสือ ผลคือถูกเฉินผิงอันเขกมะเหงกใส่เน้นๆ หนึ่งที ทำเอานางเจ็บจนทรุดนั่งกุมหัวร้องโหยหวน หน้าผากบวมเป่ง ตอนกินข้าวก็ยังหน้าตาบูดบึ้ง
คนทั้งสองยังเจอคนตัดไม้ที่ตัดฟืนเสร็จแล้วลงมาจากภูเขา ยังกินข้าวของเขาไปหนึ่งมื้อ เฉินผิงอันคิดอยากจะจ่ายเงิน แต่ครอบครัวที่มีนิสัยซื่อๆ ครอบครัวนั้นกลับไม่ยอมรับไว้ ไม่ว่าอย่างไรก็ไม่ยอมตอบรับ เฉินผิงอันจึงได้แต่ถอดใจ ก่อนจะเดินออกมาจากลานบ้านที่ถูกล้อมไว้ด้วยไม้ไผ่แห่งนั้น เขาก็หันมาบอกให้เผยเฉียนเอ่ยขอบคุณครอบครัวนั้น เผยเฉียนที่กินข้าวของคนอื่นไปไม่น้อยกลับไม่ใคร่จะเต็มใจนัก แต่พอเหลือบไปเห็นสายตาของเฉินผิงอันโดยบังเอิญจึงรีบโค้งตัวเอ่ยขอบคุณอย่างว่าง่ายทันที
คนทั้งสองเดินออกมาจากภูเขาใหญ่ที่ทอดตัวยาว แล้วก็เจอเข้ากับแม่น้ำสายใหญ่อีก นี่เป็นครั้งแรกที่เผยเฉียนได้เห็นคนลากจูงเรือที่ลากเรือลำใหญ่ขนาดนี้ ภายใต้แสงแดดแผดเผา บุรุษเหล่านั้นตะโกนร้องส่งสัญญาณอย่างพร้อมเพรียงกัน ทำเอานางที่มองดูอยู่ปากอ้าตาค้าง แล้วก็ให้ชอบใจนัก ดูเหมือนว่าคนที่น่าเวทนาใต้หล้านี้จะมีไม่น้อยเลยจริงๆ เพียงแต่ไม่นานนางก็หุบยิ้ม หากเจ้าหมอนั่นเห็นเข้า นางต้องถูกเล่นงานอีกแน่ คราวก่อนก็แค่ตนเก็บฝืนมาได้น้อยเท่านั้น เขายังอนุญาตให้ตนที่ท้องร้องด้วยความหิวโหยกินข้าวถ้วยเล็กๆ แค่ถ้วยเดียว เฮ้อ เฉินผิงอันผู้นี้ปรนนิบัติยากซะจริง นายท่านใหญ่ที่มีเงินต้องกวนโอ้ยน่าเตะแบบนี้ด้วยหรือไง รอให้นางใช้ไม้เท้าในมือแอบฝึกวิชากระบี่ล้ำโลกได้ก่อนเถอะ นางจะต้องตีให้เขาร้องหาพ่อหาแม่เลยทีเดียว ถึงเวลานั้นคอยดูสิว่าเขาจะยังกล้าถลึงตามองตนอีกไหม
อยู่กับภูเขากินจากภูเขา อยู่กับน้ำกินจากน้ำ
เดินทางอยู่ริมแม่น้ำ จู่ๆ นางก็นึกอยากตกปลา จึงบอกให้เฉินผิงอันช่วยทำคันเบ็ดตกปลาให้นางคันหนึ่ง ทว่าเขาไม่สนใจนาง เผยเฉียนจึงได้แต่หยิบมีดผ่าฟืนไปฟันต้นไผ่ที่ลำต้นหนาใหญ่ด้วยตัวเอง พอฟันต้นไผ่โค่นลงถึงตระหนักได้ว่านี่ใช่คันเบ็ดเสียที่ไหน เอามาทำไม้พายยังพอว่า จากนั้นนางที่หน้าหงอยจึงไปเลือกหาไม้ไผ่ต้นบางๆ ยังดีที่คนขี้งกทาสเฝ้าทรัพย์อย่างเฉินผิงอันผู้นี้ไม่ได้ทำเกินกว่าเหตุนัก เขายอมมอบตะขอและเส้นเอ็นตกปลาให้นาง เพียงแต่ว่าคนทั้งสองตกปลาเหมือนกัน นั่งอยู่ห่างกันไม่ไกล แต่เฉินผิงอันกลับตกปลาได้เป็นระยะ แถมยังตกได้ปลาหลีตัวใหญ่ที่ยาวเท่าแขนของนางตัวหนึ่ง ทว่านางกลับไม่มีแม้แต่กุ้งมากินเหยื่อ หรือว่าเจ้าพวกที่อยู่ในน้ำก็เลือกคนที่จะยอมเป็นอาหารให้ ใช้ตาสุนัขมองคนต่ำด้วย? นางอยากจะกระโดดลงไปในน้ำแล้วใช้คันเบ็ดฟาดให้ปลากุ้งทั้งหมดที่อยู่ในแม่น้ำตายไปซะให้หมด
ทว่าแกงปลาหม้อใหญ่คืนนั้นทำให้เผยเฉียนยิ้มหน้าบานเป็นกระด้ง ขอข้าวถ้วยที่สามจากเฉินผิงอันอย่างกล้าๆ กลัวๆ บอกว่าวันนี้ตกปลาใช้พละกำลังของนางไปสิ้นแล้ว จำต้องชดเชยด้วยข้าวถ้วยใหญ่ ส่วนแกงปลานางจะกินให้น้อยหน่อย จะไม่แย่งเขากินแล้วกัน เดิมทีนางนึกว่าอีกฝ่ายจะไม่ยอม คิดไม่ถึงว่าเจ้าหมอนั่นกลับยอมตักข้าวเพิ่มให้ มื้อนี้มีน้ำแกงปลาราดบนข้าวสวย บนโลกไม่มีอาหารใดที่หอมหวนเอร็ดอร่อยเท่านี้อีกแล้ว นางกินซะพุงกาง
ภายหลังนางก็ตกปลากับเฉินผิงอันอีกครั้งหนึ่ง ยังคงขว้างคันเบ็ดและดึงขึ้นอย่างมั่วซั่วอยู่เหมือนเดิม สรุปก็คือบนคันเบ็ดของนางยังคงไม่มีความเคลื่อนไหวใดๆ
กลับเป็นเจ้าหมอนั่นที่ตกได้ปลาดำตัวใหญ่มากตัวหนึ่ง ลำพังแค่แข่งงัดข้อกับปลาตัวนั้นก็ใช้เวลาอย่างน้อยหนึ่งเค่อ มองดูเฉินผิงอันวิ่งไปวิ่งมาอยู่บนชายฝั่ง นางก็กลอกตามองสูงทันที เจ้าเป็นทั้งวิชากระบี่และวิชาตระกูลเซียน กลับปล่อยให้ตัวเองถูกปลาโง่ๆ ตัวหนึ่งปั่นหัวแบบนี้ ไม่ลดสถานะตัวเองไปหน่อยหรือไง?
มองคันเบ็ดตกปลาของตนที่ ‘มั่นคงดุจภูผา’ บ่นเจ้าพวกที่หลบอยู่ใต้น้ำซึ่งไม่ยอมเห็นแก่หน้านางแม้แต่น้อย แล้ว เผยเฉียนก็ถอนหายใจหนักๆ รู้สึกเสียดายความสามารถที่มีอยู่เต็มตัว จนใจที่สวรรค์ไม่ทำให้คนสมใจปรารถนา นางเลยไม่มีพื้นที่ให้ใช้ความสามารถนั้นเลย
ดังนั้นนางวางแผนว่าชั่วชีวิตนี้จะไม่ตกปลาอีกแล้ว ต้องใช้ความอดทนและเรี่ยวแรงมากมายขนาดนั้น แต่กลับไม่ได้ผลเก็บเกี่ยวมา ยังจะทำมันไปทำไม?
อาหารกลางวันของวันนั้น เฉินผิงอันบอกเคล็ดลับการตกปลาบางข้อแก่นางอย่างที่หาได้ยาก
หลักการนั้นนางฟังเข้าใจ แต่เผยเฉียนก็ยังไม่เต็มใจจะเรียนตกปลากับเฉินผิงอัน ทว่าพอเขาบอกว่าตกปลาคราวหน้า เขาจะสอนนางด้วยตัวเอง นางถึงยังไม่โยนคันเบ็ดตกปลานั่นทิ้ง
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา!