เฉินผิงอันพยักหน้ารับ “ข้าได้ยินแล้ว”
เห็นว่าเฉินผิงอันไม่มีท่าทางตกใจ เผยเฉียนก็พูดอย่างเหม่อลอย “ที่นี่ไม่ใช่ในภูเขาเสียหน่อย ยังมีปีศาจได้ด้วยหรือ?”
เฉินผิงอันกลับไปนั่งที่ข้างโต๊ะ พลิกเปิดตำราเทพเซียนที่ซื้อมาจากภูเขาห้อยหัวเล่มนั้นต่ออีกครั้งพลางพยักหน้ากล่าวว่า “ในหมู่ชาวบ้านร้านตลาด มีภูตผีปีศาจอยู่มากมาย ไม่ใช่เรื่องแปลก ส่วนใหญ่แล้วพวกมันจะไม่ออกมารังควานคนบนโลกมนุษย์ ตระกูลใหญ่บางตระกูลยังเลี้ยงภูตที่น่าสนใจไว้หลายชนิด ยกตัวอย่างเช่นสตรีที่มีฐานะร่ำรวยบางคนจะต้องมีเจ้าตัวน้อยหลายชนิดอยู่รวมในสินเจ้าสาว บ้างก็เป็นภูตมีปีกที่สามารถบินอยู่กลางอากาศ คอยช่วยหวีผมแต่งหน้าให้กับเจ้านายเหมือนสาวใช้”
เผยเฉียนนั่งลงฝั่งตรงข้าม ฟุบตัวลงบนโต๊ะ พูดอย่างน้อยใจ “ไม่ทำให้คนตกใจตายหรอกหรือ? เมื่อครู่นี้ข้าเกือบขวัญกระเจิงเลยนะ”
เฉินผิงอันเอ่ยยิ้มๆ “หนึ่งโลกธาตุขนาดใหญ่ เต็มไปด้วยความมหัศจรรย์ รอให้เจ้าเดินทางผ่านแม่น้ำและภูเขามากกว่านี้ก็จะเคยชินไปเอง”
เผยเฉียนพูดอย่างสะท้อนใจ “เป็นอย่างนี้เองหรือ”
เฉินผิงอันชวนคุย “ผู้เฒ่าที่ต้มชาอยู่ตรงน้ำพุบนยอดเขา และยังมีหญิงสาวที่สระผมอยู่ริมลำธารที่พวกเราเห็นก่อนหน้านี้ อันที่จริงก็เป็นภูตเหมือนกัน แต่พวกเขากลับไม่มีความคิดจะทำร้ายผู้คน กลับกันยังอยากใช้ชีวิตเหมือนมนุษย์ทั่วไปบนโลก เจ้าก็พูดคุยกับพวกเขาอย่างถูกคอไม่ใช่หรือ?”
เผยเฉียนเบิกตากว้างอ้าปากค้าง
ไม่เพียงแต่ผู้เฒ่าที่ใจดีน่าใกล้ชิด พี่สาวคนสวยคนนั้นที่พอสระผมเสร็จแล้ว ยังหยิบเอาใบไม้มาเป่าเป็นเพลงให้นางฟังด้วย
เผยเฉียนยู่หน้าด้วยความอกสั่นขวัญผวา
เฉินผิงอันพูดยิ้มๆ “มีแค่พวกเขาที่ไม่ใช่คน คนอื่นๆ ที่เจอล้วนไม่ต่างจากพวกเรา”
ตลอดทางที่ผ่านมานี้ อันที่จริงยังเจอกับขุนนางท้องถิ่นที่คอยควบคุมเร่งรัดให้ชาวบ้านปูถนนสร้างสะพาน ลูกหลานคนรวย นักประพันธ์และปัญญาชนที่เดินทางท่องเที่ยวอยู่ตามภูเขาและแม่น้ำ รวมไปถึงหญิงคณิกาผู้มีชื่อเสียงที่ทำให้เผยเฉียนตาเป็นประกาย อีกฝ่ายแต่งตัวเต็มยศหรูหราราวกับห้อยเงินไว้เต็มร่าง และยังมีจอมยุทธ์ที่ท่องไปในยุทธภพด้วยหนึ่งคนหนึ่งม้า นั่งอยู่บนหลังม้าตัวสูง ถามทางจากพวกเฉินผิงอันด้วยสีหน้าเย่อหยิ่ง ทำเอาเผยเฉียนโมโหไม่น้อย
เผยเฉียนพลันถามขึ้นว่า “เจ้าตัวน้อยนั่นล่ะ?”
ที่นางพูดถึงคือคนจิ๋วดอกบัว
เฉินผิงอันพูดกลั้วหัวเราะ “มันไม่อยากพบเจ้า”
เผยเฉียนลุกขึ้นยืน กลับไปที่ห้องตัวเอง หยิบเอาหนังสือเล่มนั้นออกมาจากในห่อสัมภาระ แล้วกลับมาหาเฉินผิงอัน มาอ่านหนังสืออยู่กับเขา
ตอนนี้นางยังไม่กล้าไปอยู่ที่ห้องตัวเอง กลัวว่าแมวขาวตัวนั้นจะกลับมาแก้แค้น นางยังฝึกวิชากระบี่ไม่ได้เรื่อง คิดจะกำจัดปีศาจปราบมาร ย่อมไม่มีความมั่นใจถึงเพียงนั้น
เฉินผิงอันปิดหนังสือ หยิบม้วนภาพแผ่นนั้นออกมาเงียบๆ ตอนนี้เขาทุ่มเงินฝนธัญพืชไปเก้าเหรียญแล้ว แต่กลับยังไม่สามารถทำให้ฮ่องเต้บุกเบิกแคว้นหนันเยวี่ยนผู้นี้เดินออกมาจากภาพวาดได้ นี่ทำให้เฉินผิงอันรู้สึกจนใจเล็กน้อย
เฉินผิงอันคลี่ม้วนภาพออก ในมือถือเงินฝนธัญพืชไว้หนึ่งเหรียญ
เหรียญสุดท้าย หากยังไม่ได้ผลก็คงต้องตัดใจแล้ว
ใช้เงินฝนธัญพืชไปเติมเต็มถ้ำที่ไร้ก้น เงินของเขาเฉินผิงอันไม่ได้ร่วงลงมาจากฟ้าเสียหน่อย
ทว่าหลังจากที่เฉินผิงอัน ‘โยน’ เงินเข้าไปในภาพวาดแล้ว ก็ยังคงเป็นเหมือนรูปปั้นวัวดินที่จมลงสู่มหาสมุทร มีไอหมอกลอยขึ้นมาก็จริง แต่ก็แค่นี้เท่านั้น
เผยเฉียนวางหนังสือที่ค่อนข้างจะยับย่นและเสียหายแล้วเล่มนั้นลง ขยับมายืนอยู่ข้างกายเฉินผิงอัน สำหรับเรื่องนี้ เขาไม่ได้จงใจจะปิดบัง ดังนั้นเผยเฉียนจึงเห็นภาพที่ม้วนภาพสามารถกินเงินได้มาหลายครั้งแล้ว เห็นว่าเฉินผิงอันต้องผิดหวังอีกครั้ง นางก็หัวเราะคิกคัก “หากข้าเปลี่ยนมาใช้แซ่เจิ้งจะดีกว่าเดิมไหม?”
เผยเฉียน ชดใช้เงิน เจิ้งเฉียน ได้เงิน (เจิ้งที่เป็นแซ่ ออกเสียงใกล้เคียงกับคำว่าเจิง เจิงเฉียนแปลว่าได้เงินที่มาจากการทำงาน)
เฉินผิงอันถอนหายใจ เตรียมจะเก็บม้วนภาพลงไป
แต่แล้วเขาก็หันขวับไปมองทางหน้าต่างที่เปิดอ้าเพื่อให้ลมพัดเข้ามา ตรงนั้นมีแมวขาวตัวหนึ่งยืนอยู่ มันไม่ได้มองเฉินผิงอัน แต่พูดเยาะเย้ยเผยเฉียนว่า “นังเด็กน้อย เจ้ากินขี้ไปซะเถอะ”
หลังจากนั้นมันก็พุ่งตัวไปขี้ทิ้งไว้บนโต๊ะของห้องข้างๆ
เผยเฉียนงงงัน แต่เฉินผิงอันกลับไม่รู้ว่าจะหัวเราะหรือร้องไห้ดี แมวตัวนี้จดจำความแค้นได้ดีจริงๆ นิสัยเหมือนเผยเฉียนเปี๊ยบเลย
ทันใดนั้นเฉินผิงอันก็ต้องตกตะลึงอยู่ในใจ รีบลุกขึ้นยืนแล้วลากเผยเฉียนไปไว้ด้านหลังตัวเอง
นักพรตน้อยคนหนึ่งที่แบกน้ำเต้ายักษ์สีทองนั่งอยู่บนหน้าต่าง ยิ้มตาหยีมองมาทางเฉินผิงอัน แมวขาวกระโดดขึ้นไปบนไหล่เขาแล้วขดตัวนอน
ตอนอยู่เมืองหลวงแคว้นหนันเยวี่ยน เฉินผิงอันเคยมองเห็นนักพรตน้อยอยู่ไกลๆ ภายหลังเมื่อได้พูดคุยกับจ้งชิวจึงพอจะรู้ตัวตนของเจ้าหมอนี่คร่าวๆ นักพรตผู้เฒ่าที่เขาเรียกว่า ‘นายท่านผู้เฒ่าของข้า’ คือคนที่รับผิดชอบการตีกลองบินทะยานของพื้นที่มงคลดอกบัว
นักพรตน้อยชำเลืองมองน้ำเต้าเลี้ยงกระบี่ตรงเอวของเฉินผิงอันแล้วหลุดหัวเราะพรืด “ระดับขั้นธรรมดา ไม่ถือว่าโดดเด่นที่สุด ห่างไกลกับน้ำเต้าเลี้ยงกระบี่ลูกนี้ของข้าหนึ่งแสนแปดพันลี้”
เฉินผิงอันถามสีหน้าไร้อารมณ์ “มาหาข้ามีธุระอะไร?”
นักพรตน้อยยังคงพูดกับตัวเองต่อไป “แจกันสมบัติทวีปของพวกเจ้ามีน้ำเต้าเลี้ยงกระบี่ที่ดีที่สุดแค่สองลูกไม่ใช่หรือ เหตุใดถึงไม่ได้อยู่ในมือเจ้าเล่า?”
ก่อนหน้าที่เทพธิดาซูเจี้ยแห่งภูเขาตะวันเที่ยงจะตกต่ำ นางเคยครอบครองน้ำเต้าเลี้ยงกระบี่ม่วงทองลูกหนึ่ง
เว่ยจิ้นเซียนกระบี่พสุธาแห่งศาลลมหิมะก็มีน้ำเต้าเลี้ยงกระบี่สีเงินอยู่หนึ่งลูก ภายหลังได้ตกไปอยู่ในมือของอาเหลียง แล้วอาเหลียงก็มอบให้หลี่เป่าผิงอีกที
นักพรตน้อยยันฝ่ามือสองข้างไว้บนขอบหน้าต่าง แกว่งเท้าไปมา “บนโลกมีน้ำเต้าเลี้ยงกระบี่เจ็ดลูกที่มาจากเถาน้ำเต้าเส้นหนึ่งที่มรรคาจารย์เต๋าเป็นผู้ปลูกเองกับมือ ล้ำค่ามากที่สุด กระบี่บินที่ฟูมฟักออกมาได้มีจำนวนมากที่สุด เป็นรูปเป็นร่างเร็วที่สุด แข็งแกร่งทนทานมากที่สุด คมกริบไร้เทียมทานมากที่สุด สามารถหล่อเลี้ยงร่างกายและจิตวิญญาณของเจ้าของได้ดีที่สุด กระบี่บินเล็กที่สุด เรียกได้ว่าปลิดชีพคนไม่ทิ้งร่องรอยอย่างแท้จริง ส่วนลูกสุดท้ายก็อยู่บนหลังข้านี่ไง รู้ไหมว่ามันมีความลี้ลับอะไร?”
เฉินผิงอันไม่ตอบ
เผยเฉียนหลบอยู่ด้านหลังเฉินผิงอัน แม้จะสงสัยใคร่รู้ แต่ไม่กล้ายื่นหน้าออกมา
นักพรตน้อยเห็นว่าเฉินผิงอันเงียบเหมือนคนใบ้ก็รู้สึกเบื่อหน่าย เขาที่บนไหล่มีแมวขาวนอนขดตัวอยู่กระโดดลงมาจากหน้าต่างอย่างปราดเปรียว เดินมาหยุดอยู่ข้างโต๊ะ ชี้ภาพที่ม้วนอยู่พลางกล่าวว่า “นายท่านผู้เฒ่าของข้าให้ข้านำความมาบอกเจ้าว่า คนห้าคนที่ช่วยเจ้าเลือก รวมไปถึงเรื่องที่รีบร้อนไล่เจ้าออกมา ทำให้เขารู้สึกผิดเล็กน้อย จึงยอมแหกกฎให้ข้ามาบอกเรื่องบางอย่างกับเจ้า นั่นคือร่มกระดาษน้ำมันคันนั้นจงเก็บไว้ให้ดี อย่าทิ้งส่งเดช มีมันอยู่ข้างกาย เจ้าจะสามารถอำพรางลมปราณบนร่างได้ สองคือภาพแรกที่เจ้าเลือก ข้าจะเตือนเจ้าหนึ่งครั้ง แค่ครั้งเดียวเท่านั้น นั่นคือจะบอกถึงจำนวนเงินฝนธัญพืชที่ต้องใช้กับภาพนั้นแก่เจ้าโดยตรง ยกตัวอย่างเช่นภาพนี้ที่มีเว่ยเซียนอยู่ด้านใน ก็คือ…”
เขายิ้มแล้วยื่นมือออกมาสองมือ
แมวขาวที่อยู่บนไหล่ยื่นกรงเล็บออกมาหนึ่งข้าง นักพรตน้อยจึงยิ้มพูดว่า “ก็คือสิบเอ็ดเหรียญ”
กล่าวมาถึงตรงนี้ นักพรตน้อยรู้สึกเสียดายเล็กน้อย แต่ขณะเดียวกันก็มีความสุขบนความทุกข์ของคนอื่น เกี่ยวกับจำนวนรวมของเงินฝนธัญพืชที่ต้องใช้กับภาพวาดทั้งสี่ นักพรตเฒ่าเป็นคนกำหนด ทว่าแบ่งแยกให้แต่ละภาพต้องใช้กี่เหรียญ กลับเป็นเขาที่เป็นคนจัดการ เรื่องวงในเหล่านี้ เฉินผิงอันย่อมไม่มีทางรู้ เดิมนักพรตน้อยนึกว่าเฉินผิงอันจะต้องเลือกจูเหลี่ยนคนบ้าวรยุทธ์อย่างแน่นอน ถ้าอย่างนั้นเฉินผิงอันก็ต้องเจอกับความยากลำบากแล้ว
นึกไม่ถึงว่าเจ้าคนจิ๋วดอกบัวนั่นจะเป็นจระเข้ขวางคลอง ช่วยเฉินผิงอันเลือกเว่ยเซี่ยนโดยบังเอิญ
เฉินผิงอันถาม “ถ้าอย่างนั้นทำไมเจ้าเพิ่งมาบอกจำนวนข้าตอนนี้?”
นักพรตน้อยหัวเราะคิกคัก “มีเพียงช่วงก่อนที่เจ้าจะโยนเหรียญสุดท้ายเข้าไป ข้ามาบอกคำตอบแก่เจ้าถึงจะไม่ผิดกฎ แล้วนายท่านผู้เฒ่าของข้าก็จะไม่กล่าวโทษ”
นักพรตน้อยเห็นว่าเฉินผิงอันไม่มีสีหน้าอับอายจนพานเป็นความโกรธอะไรก็ยิ่งเบื่อหน่าย จึงโบกมือ “แค่นี้แหละ หวังว่าวันหน้าพวกเราสองคนจะไม่มีโอกาสได้พบกันอีกแล้ว เห็นหน้าเจ้าแล้วหงุดหงิดชะมัด”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา!