สรุปเนื้อหา บทที่ 332.2 ใบไหวเหยา – กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา! โดย Internet
บท บทที่ 332.2 ใบไหวเหยา ของ กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา! ในหมวดนิยายกำลังภายใน เป็นตอนที่โดดเด่นด้วยการพัฒนาเนื้อเรื่อง และเปิดเผยแก่นแท้ของตัวละคร เขียนโดย Internet อย่างมีศิลป์และชั้นเชิง ใครที่อ่านถึงตรงนี้แล้ว รับรองว่าต้องติดตามตอนต่อไปทันที
ฮ่องเต้ไม่อนุญาต แต่ชื่อเสียงของเจ้ากรมผู้เฒ่าในที่ว่าการกรมขุนนางกลับดิ่งลงเหว
เพียงแต่ว่าคราวนี้นอกจากการแข่งขันในราชสำนักที่หยั่งรากลงลึกแล้ว จุดที่เป็นปัญหาอย่างแท้จริงยังเกี่ยวพันไปถึงตำแหน่งรัชทายาท อีกทั้งในเมืองหลวงยังมีคนต่างถิ่นที่ไม่ตามกฎเกณฑ์เพิ่มขึ้นเยอะมาก พวกเขาต้องการตำแหน่งสูงในราชสำนักเพื่อคอยผลักดันคลื่นลม ที่น่าสนใจก็คือ องค์ชายทั้งสามท่านต่างก็โดดเด่นอย่างมาก ต่างคนต่างมีความเชี่ยวชาญเป็นของตัวเอง ไม่ว่าจะเอาไปวางไว้ในรัชสมัยใดๆ ของต้าเฉวียนก็ล้วนเป็นตัวเลือกที่เหมาะกับการเป็นรัชทายาทอย่างไม่ต้องสงสัย
การเปลี่ยนแปลงขึ้นๆ ลงๆ ของขุนนางในเมืองหลวง แม่ทัพชายแดนถูกโยกย้ายไปเหนือใต้ออกตก ทำให้คนมองตาลาย
แม้แต่กองทัพม้าเหล็กตระกูลเหยาที่อยู่ไกลถึงชายแดนใต้ก็ยังไม่สามารถเอาตัวออกมาอยู่นอกสถานการณ์ได้ ความอันตรายที่ซ่อนอยู่ในคลื่นใต้น้ำตลอดระยะเวลาหลายปีมานี้ของราชวงศ์ต้าเฉวียน แค่คิดก็พอจะรู้ได้
การเข่นฆ่าสังหารของผู้ฝึกกระบี่เกิดขึ้นแค่ในชั่วพริบตาเท่านั้น
กระบี่บินแห่งชะตาชีวิตที่หยุดนิ่งอยู่นอกวงล้อมหน้ากองทัพม้าเหล็กตระกูลเหยาพุ่งผ่านใจกลางของกองทัพม้า ยังดีที่เพื่อแสวงหาความเร็วขั้นสูงสุด ผู้ฝึกกระบี่วัยกลางคนจึงเลือกเส้นทางที่เร็วที่สุดซึ่งไม่มีอุปสรรคกีดขวาง หาไม่แล้วกระบี่เล่มเดียวนี้คงตัดหัวคนไปหลายคนแล้ว
เฉินผิงอันผลักกระบี่ออกจากฝัก นิ้วสองข้างประกบกันเป็นท่ามุทรากระบี่ บังคับกระบี่อาคมชือซินที่โต้วจื่อจือต้องทุ่มทรัพย์สินจนหมดตัวกว่าจะซื้อมาได้ให้ต้านทานกระบี่บินของผู้ฝึกกระบี่ที่พุ่งมาถึงจากด้านหลังอย่างรวดเร็ว
ใจของผู้ฝึกกระบี่ร่วงดิ่งทันที แขกไม่ได้รับเชิญที่อายุน้อยคนนี้ไม่เพียงแต่เป็นอาจารย์กระบี่คนหนึ่ง กระบี่ที่เขาพกเล่มนั้นกลับยังสามารถต้านทาน ‘แสงเทียน’ กระบี่บินแห่งชะตาชีวิตของตนได้ด้วย? หรือว่านั่นคือสมบัติอาคมที่อำพรางตัวได้อย่างลึกล้ำชิ้นหนึ่ง? หาไม่แล้วด้วยความคมของแสงเทียน ศาสตราวุธคมกริบที่เรียกขานกันในยุทธภพก็แทบไม่มีชิ้นไหนต้านทานการโจมตีจากกระบี่บินแสงเทียนได้เลย ทว่ากระบี่เล่มนั้นกลับไม่มีความเสียหายแม้สักเสี้ยว
ข้ารับใช้ร่างกำยำกล่าวอย่างมีความสุขบนความทุกข์ของผู้อื่น “อาจารย์ ยังไม่รีบร้อนอีกไหม?”
ผู้ฝึกกระบี่วัยกลางคนไม่ได้โกรธเคือง เพียงยิ้มบางๆ กล่าวว่า “ลองหยั่งเชิงความตื้นลึกของคนผู้นี้ ถือซะว่าเล่นเป็นเพื่อนเขาสักครู่ ข้าย่อมมีปัญญารักษาตัวรอดอยู่แล้ว”
“แบบนั้นย่อมดีที่สุด!”
ผู้ฝึกยุทธ์ที่สวมเสื้อเกราะน้ำค้างหวานหัวเราะเหี้ยมเสียงดัง กระทืบเท้าหนึ่งครั้งก็เกิดเป็นแอ่งใต้ฝ่าเท้า เขาพลันกระโจนออกไปเบื้องหน้า ปล่อยหมัดเข้าใส่คนหนุ่มผู้นั้นขณะอยู่ห่างไปห้าหกจั้ง พายุหมัดรุนแรง ลมพายุขนาดหนาเท่าปากชาม
เฉินผิงอันเอามือหนึ่งไพล่หลัง ซ่อนมือไว้ในชายแขนเสื้อ ในขณะที่บังคับชือซินให้ต้านทานกระบี่บินของผู้ฝึกกระบี่ครั้งแล้วครั้งเล่า เขาก็ยกมือขึ้น ใช้ฝ่ามือรับพายุหมัดที่พุ่งมาหาด้วย
แล้วพลันขยุ้มนิ้วทั้งห้า
พายุหมัดถูกเฉินผิงอันขยี้จนแหลกไปโดยตรง
ข้ารับใช้ร่างกำยำหัวเราะฮ่าๆ ไม่มีสีหน้าลนลานแม้แต่น้อย เดิมทีนี่ก็เป็นหมัดที่เขาใช้หยั่งเชิงอยู่แล้ว ใช้แรงไม่ถึงห้าส่วนด้วยซ้ำ “อาจารย์ ตบะของคนผู้นี้ไม่ถือว่าตื้นเขินแล้ว! ส่วนข้อที่ว่าลึกเท่าไหร่นั้น…”
ชายฉกรรจ์ที่สวมชุดเกราะสีขาวหิมะร้องตวาดเบาๆ หนึ่งที แล้วพลันเพิ่มความเร็วพุ่งตัวไปด้านหน้า พริบตาเดียวก็มาหยุดอยู่ห่างจากเบื้องหน้าเฉินผิงอันไปแค่ไม่กี่ก้าว เขาเหวี่ยงควงมือขวา เนื่องจากออกหมัดไวราวสายฟ้าแลบ ขณะที่ปล่อยหมัดนี้ออกไปตลอดทั้งไหล่ฝั่งขวาของชายฉกรรจ์จึงเกิดเป็นแสงสีขาวโพลนที่ส่องสว่างเจิดจ้า
เสียงปังดังหนึ่งครั้ง
เฉินผิงอันยังคงใช้ฝ่ามือต้านรับหมัดจากชายฉกรรจ์สวมเสื้อเกราะ
ในสายตาของนักฆ่าผู้นี้ฉายแววไม่เข้าใจเสี้ยวหนึ่ง เหตุใดชายหนุ่มที่อยู่เบื้องหน้าถึงไม่ขยับเขยื้อนเลย?
แม้ว่าจะสงสัย แต่ก็ไม่ได้ถ่วงรั้งการยกขาขึ้นตีเข่าอย่างแรงของเขา การเข่นฆ่าของผู้ฝึกยุทธ์ โดยเฉพาะศึกระหว่างยอดฝีมือที่ความคิดต้องแล่นฉับไว ขณะเดียวกันทุกครั้งที่ออกหมัดก็ล้วนต้องอาศัยสัญชาตญาณ ถึงขั้นที่ต้องไวกว่า ‘ความคิดและจิตใจ’ นี่ต่างหากถึงจะเรียกว่าผู้เชี่ยวชาญอย่างแท้จริง
เฉินผิงอันเอามือข้างที่ไพล่อยู่ด้านหลังออกมาจากชายแขนเสื้อ ปัดเข่าของข้ารับใช้เสื้อเกราะขาวที่พุ่งมาตรงหน้าเบาๆ หนึ่งที จากนั้นก็ตีศอกใส่หน้าอกของคนผู้นี้
ผู้ฝึกยุทธ์ร่างกำยำที่สวมเสื้อเกราะน้ำค้างหวานถูกตีศอกจนปลิวกระเด็นออกไปด้านหลัง
เพียงแต่ว่าหมัดนั้นยังคงถูกเฉินผิงอันกุมไว้ในฝ่ามือ ร่างของเขาจึงถูกกระชากกลับมา แล้วเฉินผิงอันก็ปล่อยหมัดต่อยลงไปบนเสื้อเกราะน้ำค้างหวานด้านนอกตรงตำแหน่งหัวใจของคนผู้นั้น
ชายฉกรรจ์ร่างกำยำกระเด็นลิ่วออกไป ตกกระแทกลงบนพื้นที่ห่างไปไกลสิบกว่าลี้
แม้ว่าร่างกายที่สวมเม็ดเสื้อเกราะของสำนักการทหารจะได้รับบาดเจ็บน้อยมาก ทว่าลมปราณในร่างกลับกระเพื่อมแรงไม่น้อย เลือดสดหนึ่งเส้นไหลมาจากมุมปาก
ใช้ฝ่ามือค้ำยันพื้น ชายฉกรรจ์ลุกขึ้นยืนได้ใหม่อีกครั้ง ถ่มน้ำลายที่มีเลือดปนออกมาทิ้ง แสยะปาก บ่นอย่างไม่ใคร่จะพอใจนัก “อาจารย์ ไอ้หมอนี่แม่งเป็นอาจารย์กระบี่ หรือว่าปรมาจารย์วิชาหมัดนอกที่หล่อหลอมเรือนกายและจิตวิญญาณกันแน่?”
ผู้ฝึกกระบี่วัยกลางคนมายืนอยู่ข้างหลังเขา คลี่ยิ้มคลุมเครือ “เจ้าจะไม่ยอมให้คนที่มีพรสวรรค์ด้านการฝึกยุทธ์มีความสามารถควบคู่สองอย่างเลยหรือ?”
ชายฉกรรจ์สูดลมหายใจเข้าลึกหนึ่งที หันหน้าไปมองเว่ยเซี่ยนที่อยู่บนเนินเขา แล้วอารมณ์ของเขาก็ไม่ผ่อนคลายอีกต่อไป หันไปพูดกับผู้ฝึกกระบี่ว่า “ถ้าอย่างนั้นเจ้าเด็กนี่ก็สมควรตายจริงๆ อาจารย์ ท่านเล่นสนุกพอแล้วหรือยัง พวกเราจะปล่อยให้แผนการล้มเหลวในช่วงสุดท้ายไม่ได้นะ ไอ้หมอนี่ไม่ได้มาคนเดียวด้วย”
ผู้ฝึกกระบี่พยักหน้ารับ “ความสัมพันธ์ควันธูประหว่างสกุลหลิวต้าเฉวียนกับผู้เฒ่าเหยาน่าจะมีเพียงแค่นี้ ในเมื่อเป็นเช่นนี้ก็รวบแหได้แล้ว”
ผู้ฝึกกระบี่ผิวปากเสียงแหลมดังอย่างถึงที่สุด
ครู่หนึ่งต่อมา ผู้ฝึกกระบี่ก็ห้อตะบึงไปด้านข้างด้านหนึ่งอย่างว่องไว กวักมือหนึ่งครั้ง กระบี่บินแห่งชะตาชีวิตก็ไม่โรมรันอยู่กับอาจารย์กระบี่หนุ่มผู้นั้นอีก แต่เปลี่ยนจากของจริงเป็นภาพมายาที่ผลุบหายเข้าไปตรงหน้าอกเขา เหมือนปลาที่จมลงไปในบ่อลึก พริบตาเดียวก็หายวับไป กระบี่บินแห่งชะตาชีวิตกลับไปยังช่องโพรงที่หล่อเลี้ยงมันด้วยความอบอุ่นอีกครั้ง
ผู้ฝึกยุทธ์ที่สวมเสื้อเกราะน้ำค้างหวานผู้นั้นอึ้งตะลึงไปชั่วครู่ ก่อนจะเริ่มหนีตามผู้ฝึกกระบี่ไป
แม้เฉินผิงอันจะไม่รู้ว่าเหตุใดนักฆ่าสองคนนี้ถึงได้หนีไปทั้งอย่างนี้ แต่เขาก็ไม่ได้ขัดขวาง
กองทัพม้าเหล็กตระกูลเหยาที่โชคดีรอดพ้นจากความตายมาได้ก็ยิ่งมึนงง หันมามองหน้ากันเอง
แม่ทัพผู้เฒ่าชั่งน้ำหนักอยู่ชั่วครู่ก็พลิกตัวลงจากหลังม้า ออกคำสั่งแก่นายกองหนุ่มข้างกายที่ช่วยประคองเขา “ส่งกองสอดแนมกองหนึ่งออกไปสืบสถานการณ์ คนอื่นให้พักผ่อนอยู่ที่เดิม”
ทหารสอดแนมห้านายกระจายตัวกันออกไป ควบม้าห้อตะบึงไปสี่ด้านแปดทิศเหมือนหว่านแห
เฉินผิงอันเดินช้าๆ เข้าไปหาเว่ยเซี่ยนและเผยเฉียน
แม่ทัพผู้เฒ่าเหยาทำท่าจะพูด แต่สุดท้ายก็ไม่ได้เอ่ยออกมา เขาอยากจะเอ่ยขอบคุณ แต่เพิ่งจะอ้าปากก็เจ็บแปลบที่บาดแผลตรงท้อง จึงได้แต่หุบปาก ทว่ากุมหมัดคารวะทิศทางที่คนหนุ่มนั้นจากไปอยู่ไกลๆ ถือว่าเป็นการขอบคุณอย่างไร้เสียงแล้ว
ดังนั้นมันจึงแบ่งคร่าวๆ ได้สามชนิด ถูกคนบนภูเขาเรียกเล่นๆ ว่าเสื้อเกราะแอ่งน้ำ เสื้อเกราะบ่อน้ำและเสื้อเกราะทะเลสาบใหญ่
เสื้อเกราะเทพรับน้ำค้างอยู่ในอันดับที่สาม แทบจะเป็นระดับของเสื้อเกราะแอ่งน้ำทั้งหมด ทว่าเสื้อเกราะที่หอหลิงจือของภูเขาห้อยหัววางขายชิ้นนี้กลับพิเศษอย่างถึงที่สุด มีความเป็นไปได้มากว่าจะเป็นเสื้อเกราะบรรพบุรุษ เป็นเสื้อเกราะน้ำค้างหวานรุ่นแรกสุด ซึ่งถูกสร้างขึ้นอย่างตั้งใจเพื่อมอบให้แก่ปรมาจารย์ใหญ่สำนักการทหาร เรียกได้ว่าหายากยิ่ง
เว่ยเซี่ยนผลักมือของเฉินผิงอันกลับคืน กล่าวด้วยรอยยิ้มว่า “ไร้คุณความชอบมิอาจรับของรางวัล ค่อยมอบให้ข้าตอนที่ข้าสร้างความชอบครั้งแรกก็ยังไม่สาย”
เฉินผิงอันจึงเก็บลงไปด้วยรอยยิ้ม
เผยเฉียนกล่าวด้วยสีหน้าที่เต็มไปด้วยความรอคอย “เขาไม่ต้องการก็มอบให้ข้าสิ?”
เฉินผิงอันไม่สนใจนางเลยแม้แต่น้อย
หลังจากนั้นเส้นทางของคนทั้งสามก็ไม่ใช่ทางเดียวกับกองทัพม้าเหล็กตระกูลเหยาอีก พวกเขาเดินทางมุ่งหน้าไปยังเมืองเล็กริมชายแดนที่พอจะมองเห็นเค้าโครงได้รางๆ แห่งนั้น
ระหว่างที่เดินกันไป เว่ยเซี่ยนพูดหลายคำอย่างที่หาได้อย่าง
เขาถามคำถามสามข้อในรวดเดียว
“คุณชายอยากเป็นอริยะผู้มีคุณธรรม ยึดมั่นในหลักสามอมตะหรือ?” (สามอมตะได้แก่สร้างคุณธรรม สร้างคุณประโยชน์และรังสรรค์ถ้อยคำ สามอย่างนี้แม้เนิ่นนานก็ไม่เสื่อมสลาย จึงเรียกว่าสามอมตะ)
เฉินผิงอันหลุดหัวเราะอย่างอดไม่อยู่ “ย่อมไม่ใช่อยู่แล้ว”
หากเขามีปณิธานเช่นนี้จริง ตอนนั้นเฉินผิงอันก็คงยอมรับเหวินเซิ่งซิ่วไฉเฒ่าเป็นอาจารย์ไปแล้ว และพอได้เดินทางมาเยือนใบถงทวีปครั้งนี้ก็ยิ่งทำให้เฉินผิงอันยืนกรานในความคิดของตัวเอง
เว่ยเซี่ยนถามอีกว่า “ถ้าอย่างนั้นคุณชายต้องการอำนาจยิ่งใหญ่ ตั้งตนเป็นราชา เป็นผู้พิชิต?”
เฉินผิงอันหลุดหัวเราะพรืด ชี้มาที่ตัวเอง “อย่างข้าเนี่ยนะ?”
เว่ยเซี่ยนถามคำถามข้อสุดท้าย “ถ้าอย่างนั้นก็รักษาผลประโยชน์แห่งตน พิสูจน์มรรคาแห่งความเป็นอมตะ?”
เฉินผิงอันถามกลับ “เจ้าถามคำถามพวกนี้ไปทำไม?”
เว่ยเซี่ยนไม่ตอบ
เฉินผิงอันเองก็ไม่อยากพูดอะไรอีก หลังจากนั้นคนทั้งสามจึงเดินทางกันต่อไปด้วยความเงียบเช่นนี้
—–
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา!