จอมยุทธ์พเนจรหรือพวกคนที่เก็บตัวสันโดษในโลกมนุษย์ ส่วนใหญ่มักมีนิสัยแปลกประหลาด ไม่อาจใช้หลักการของคนทั่วไปไปประเมินได้
เฉินผิงอันจึงไม่ได้รู้สึกสงสัยใคร่รู้ในตัวของชายชุดเขียวที่เก็บงำอำพรางตนอย่างลึกล้ำคนนั้น
ก็เหมือนกับที่หลิวจงคนลับมีดเคยพูดก่อนหน้านี้ เส้นทางใต้ฝ่าเท้าของทุกคนกว้างใหญ่ถึงขนาดนี้ ไม่ใช่แค่ทางแคบๆ เหมือนไส้แกะสักหน่อย ยิ่งไม่ใช่สะพานไม้ท่อนเดียว ทุกคนล้วนสามารถเดินไปทางใครทางมันได้อย่างไม่มีปัญหา
นอกโรงเตี๊ยม บุรุษสวมชุดเขียวท่าทางมอซอตกอับไม่ได้เดินจากไปไกลนัก อันที่จริงเขาไปนั่งอยู่หน้าประตูนอกโรงเตี๊ยมนั่นเอง ข้างกายคือสุนัขผอมแห้งที่นอนหมอบ บุรุษหันไปมองหมาตัวนั้นแล้วรู้สึกว่าชีวิตของตนสู้มันไม่ได้เลยด้วยซ้ำ ฉับพลันเขาก็นึกอยากร่ายบทกลอนสักบทหนึ่ง เพียงแต่ว่าค้นหาถ้อยคำในท้องอยู่นานก็ยังไม่สามารถแต่งผลงานดีๆ ที่ถูกเด็กหนุ่มขาเป๋เหน็บแนมว่าเป็น ‘กลอนเลี่ยนๆ’ ออกมาได้ บุรุษปลอบใจตัวเองอยู่ในใจว่า ไม่เป็นไร บทประพันธ์เกิดขึ้นตามธรรมชาติ ความเลิศล้ำเกิดขึ้นโดยบังเอิญ จะบังคับฝืนใจกันไม่ได้
ชั้นที่สองของโรงเตี๊ยม
เฉินผิงอันลังเลว่าควรจะเชิญจูเหลี่ยนออกมาดีหรือไม่
สาเหตุเป็นเพราะเขาอยากอยู่ในราชวงศ์ต้าเฉวียนแห่งนี้ให้นานอีกสักหน่อย ข้างกายมีแค่เว่ยเซี่ยนคนเดียว อย่างมากที่สุดก็ได้แค่ปกป้องเผยเฉียน ยากที่จะให้ความช่วยเหลือเขาได้ หากต้องตกอยู่ท่ามกลางอันตรายเหมือนตอนอยู่ในพื้นที่มงคลดอกบัว รอบกายมีแต่ศัตรูรายล้อม เฉินผิงอันกังวลว่าตนที่ต้องวุ่นวายรับมืออยู่คนเดียวอาจก่อให้เกิดข้อผิดพลาด
หลังจากที่เฉินผิงอันเชิญเว่ยเซี่ยนออกมาจากภาพวาดหนึ่งได้สำเร็จแล้ว ก็ไม่ได้ไปยุ่งกับภาพที่สอง นี่ไม่ใช่เพราะเขาเสียดายเงินฝนธัญพืช เงินฝนธัญพืชสิบเอ็ดเหรียญแลกมาด้วยฮ่องเต้บุกเบิกแคว้นหนันเยวี่ยนคนหนึ่ง บุคคลที่เคยเป็นอันดับหนึ่งในใต้หล้าซึ่งศัตรูนับหมื่นก็มิอาจต่อกร ถือว่าคุ้มค่า แต่เฉินผิงอันก็ไม่ได้ดีอกดีใจว่าตัวเองควบคุมอีกฝ่ายได้แล้ว
ตอนนั้นการที่เขาตั้งเงินฝนธัญพืชสิบเหรียญไว้เป็นเกณฑ์สูงสุด ไม่ใช่เพราะเฉินผิงอันรู้สึกว่าคนอย่างเว่ยเซี่ยนมีค่าแค่นี้ แต่เป็นเพราะตอนนั้นเขากลัวว่าภาพที่นักพรตเฒ่าซึ่งตอนพบหน้ากันครั้งสุดท้ายคล้ายจะอารมณ์ไม่ดีผู้นั้นมอบให้ ตนจะไม่มีปัญญาเลี้ยงได้ไหว ส่วนฝ่ายนักพรตเฒ่าก็ทั้งไม่ทำผิดกฎ ทั้งยังทำให้คนสะอิดสะเอียนได้ แล้วจะให้เฉินผิงอันทุ่มเงินเดิมพันต่อไปเรื่อยๆ ได้อย่างไร
ถึงอย่างไรเงินฝนธัญพืชก็เป็นเงินที่มีค่ามากที่สุดในบรรดาเงินสามชนิดของเทพเซียน หนึ่งเหรียญก็เท่ากับหนึ่งล้านตำลึงเงิน คือภูเขาเงินลูกย่อมๆ แล้ว ราชวงศ์ต้าหลีที่หลังจากฮุบกลืนราชวงศ์สกุลหลูเคยบอกว่าพลังแห่งแคว้นของตัวเองเป็นอันดับหนึ่งทางภาคเหนือของแจกันสมบัติทวีป ปีหนึ่งมีรายรับเท่าไหร่? แค่หกสิบล้านตำลึงเงินเท่านั้น แน่นอนว่านี่ยังเป็นแค่เงินที่สกุลซ่งต้าหลีเอาออกมาวางให้เห็นภายนอกเท่านั้น
การที่เขาอยู่นิ่งๆ มาตลอดหลายวันนี้ก็เพราะเฉินผิงอันยังขบคิดความหมายที่ผิดปกติจากถ้อยคำของนักพรตน้อยผู้แบกน้ำเต้าเลี้ยงกระบี่สีทองไม่ออก เห็นชัดๆ ว่าไอ้หมอนั่นคิดจะขุดหลุมฝังตน อีกทั้งหลุมที่ว่านี้ยังอยู่ในภาพวาดของจูเหลี่ยนผู้บ้าคลั่งวรยุทธ์นี่ด้วย การที่นักพรตเฒ่าแค่ขุดหลุมเล็กๆ ให้เฉินผิงอันก็คงเพราะไม่อยากลดเกียรติของตัวเอง แต่เจ้านักพรตน้อยนั่นกลับทุ่มแรงเต็มที่เพื่อขุดหลุมใหญ่
เฉินผิงอันวางเงินฝนธัญพืชที่เหลืออยู่ไว้ข้างฝ่ามือ ก่อนจะหยิบเหรียญหนึ่งโยนใส่ภาพวาดเบาๆ
ภาพที่ไอหมอกลอยขึ้นมา มองเท่าไหร่ก็ไม่เบื่อ
ในห้องโถงใหญ่ของชั้นหนึ่ง ผู้เฒ่าที่นั่งอยู่ตรงผ้าม่านเคาะกระบอกยาสูบ ลุกขึ้นยืนแล้วเดินมาทางโต๊ะคิดเงิน ชำเลืองตามองไปทางนอกประตู “บัณฑิตตกอับคนนั้นไม่ธรรมดา”
สตรีแต่งงานแล้วดีดลูกคิดอย่างใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัว “ท่านปู่สาม ท่านบ่นมากี่รอบแล้ว ข้ารู้ดีว่าควรทำอย่างไร ไม่มีทางทำให้เขาโมโหจริงๆ หรอก”
ผู้เฒ่าใช้ข้อศอกยันไว้บนโต๊ะคิดเงิน พ่นควันโขมง เอ่ยเสียงหนัก “หากชอบจริงๆ ก็แต่งให้เขาไปซะ ถ้าพ่อเจ้าไม่เห็นด้วย วันหน้าข้าจะช่วยสนับสนุนเจ้าเอง”
สตรีแต่งงานแล้วกระทืบเท้า อับอายจนพานเป็นความโกรธ “ท่านปู่สาม ท่านพูดเหลวไหลอะไรน่ะ ข้าจะชอบเขาได้อย่างไร?!”
ผู้เฒ่าเอ่ยเสียงเรียบเรื่อย “เขาก็ดูดีนี่นา แม้จะไม่รู้ภูมิหลัง แต่คนหนุ่มที่แม้แต่ข้ายังมองตื้นลึกหนาบางไม่ออก ในชายแดนต้าเฉวียนแห่งนี้จะมีได้สักกี่คน? โกนหนวดเคราให้สะอาด ไม่แน่ว่าหน้าตาอาจจะพอใช้ได้”
สตรีแต่งงานแล้วเมินคำพูดประโยคหลังของเขาไปอย่างสิ้นเชิง ใช้ปลายคางชี้ไปทางห้องด้านบนที่เฉินผิงอันพักอยู่ “จะมีได้สักกี่คน? ท่านปู่สาม แขกหนุ่มต่างถิ่นที่สวมชุดขาว ห้อยน้ำเต้าสีแดงผู้นี้ รวมไปถึงข้ารับใช้ที่ติดตามเขามา ท่านมองออกหรือไม่ว่าตบะของเขาสูงต่ำตื้นลึกเท่าไหร่? มองไม่ออกสินะ ในร้านนอกร้าน แปบเดียวก็มีเพิ่มมาตั้งสามคนแล้วไม่ใช่หรือ?”
ผู้เฒ่าทิ้งประโยคหนึ่งไว้ด้วยสีหน้าเคร่งขรึมแล้วกลับไปที่ห้องครัว หมายจะหาอะไรให้ตัวเองกินอิ่มท้อง “ความหวังดีถูกมองเป็นประสงค์ร้าย สมแล้วที่ต้องเป็นหม้ายมานานหลายปีขนาดนี้”
สตรีแต่งงานแล้วเคยชินกับนิสัยของผู้เฒ่ามานาน จึงตะโกนตามหลังผู้เฒ่าไปเบาๆ “ไม่ว่าจะอย่างไร คนสามคนที่พักอยู่ด้านบนล้วนถือเป็นผู้มีพระคุณ ท่านห้ามวางยาพวกเขาโดยพลการเด็ดขาด จอมยุทธ์สองคนคราวก่อนนั้นถูกท่านถอดเสื้อผ้าจนเกลี้ยงแล้วเอาไปโยนไว้หน้าประตูใหญ่เมืองหูเอ๋อร์ ชายชาตรีดีๆ สองคนถูกท่านทำร้ายจนเกือบจะแขวนคอตายเหมือนสตรีในห้องหอเสียได้”
ผู้เฒ่ากระตุกมุมปาก “ข้าไม่ใช่พวกเลวทรามต่ำช้าสักหน่อย จะวางยาคนอื่นไปทำไม ข้าต่างหากที่กลัวว่าเจ้าจะวางยาเด็กนั่นให้สลบ จะได้สมใจปรารถนา”
สตรีแต่งงานแล้วยกมือขึ้นทำท่าตบ “ปากสุนัขไม่มีงาช้างงอกจริงๆ”
ผู้เฒ่าชอบต่อล้อต่อเถียงกับนาง จึงกล่าวว่า “เจ้าลองไปถามเจ้าวั่งไฉด้านนอกดูสิว่าในปากมันมีงาช้างงอกออกมาได้ไหม?”
สตรีแต่งงานแล้วสวนกลับ “ข้าไม่ใช่หมาสักหน่อยจะได้คุยกับวั่งไฉรู้เรื่อง ไม่เหมือนท่าน”
ผู้เฒ่าใช้กระบอกสูบยาชี้สตรีแต่งงานแล้ว “วันหน้าใครที่มาถูกใจเจ้า ฝาโลงบรรพบุรุษของเขาคงปิดไว้ไม่อยู่เป็นแน่”
สตรีแต่งงานแล้วไม่ถือสาคำพูดเหล่านี้ เปิดโรงเตี๊ยมอยู่ในหมู่ชาวบ้านมานานหลายปี เคยเจอลูกค้าทุกประเภท พวกที่พูดจาสัปดน พวกที่พูดจาทิ่มแทงใจ หรือพวกที่พูดด้วยความริษยา มีอะไรบ้างที่นางไม่เคยพบเจอมาก่อน นางเพียงกดเสียงเบาถามไปเรื่องอื่นว่า “ปีศาจใหญ่ตนนั้นคงไม่ได้ถูกคนผู้นี้สังหารหรอกกระมัง?”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา!