กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา! นิยาย บท 342

บทที่ 342.1 สะพานสีทองเหนือแม่น้ำ
ProjectZyphon
การเดินทางขึ้นเหนือเป็นไปด้วยความราบรื่น

ราชวงศ์ต้าเฉวียนมีชะตาบู๊รุ่งโรจน์ ในช่วงหลายสิบปีที่ผ่านมามีแต่กองทัพชายแดนเท่านั้นที่สามารถรังแกคนอื่นได้ เป่ยจิ้นที่อยู่ทางทิศใต้และหนันฉีที่อยู่ทางทิศเหนือต่างก็เคยเจอกับความยากลำบากมามากมาย หากไม่เป็นเพราะองค์ชายทั้งสามงัดข้อกันเอง และการช่วงชิงบัลลังก์มังกรก็ใกล้จะถึงช่วงที่ลงไม้ลงมือกันอย่างโจ่งแจ้งแล้ว ซึ่งนี่พัวพันกับพละกำลังมากมายขององค์ชายใหญ่ จึงเป็นเหตุให้บุตรอนุคนโตของสกุลหลิวที่เฝ้าพิทักษ์พื้นที่แถบเหนือท่านนี้จำต้องหยุดสงครามทางเหนือที่ถูกกำหนดไว้แล้วกลางคัน หลีกเลี่ยงไม่ให้เป็นการทำลายอาณาเขตพันลี้ของหนันฉีโดยไม่ทันระวัง ถ้าตัวเองต้องสูญเสียพลังต้นกำเนิด สูญเสียการควบคุมสถานการณ์ใหญ่ไป แบบนั้นก็ไม่เท่ากับว่าตัดชุดแต่งงานให้กับฮ่องเต้องค์ใหม่ของเมืองเซิ่นจิ่งหรอกหรือ? (ตัดชุดแต่งงานให้คนอื่นเปรียบเปรยถึงการทุ่มเทแรงกายแรงใจทำงาน ให้คนอื่น โดยที่ตนเองไม่ได้ผลประโยชน์อะไรเลย)

และยังมีแคว้นเล็กๆ อีกสี่ห้าแคว้นที่อยู่ติดกับชายแดนตะวันออกและตะวันตก กษัตริย์ของแคว้นหนึ่งในนั้นเรียกตัวเองว่าหลาน เรียกหลิวเจินฮ่องเต้ต้าเฉวียนด้วยความเคารพนับถือว่าเสด็จอา และยังมีอีกแคว้นหนึ่งที่ตกเป็นแคว้นใต้อาณัติของต้าเฉวียนโดยตรง

ทุกๆ ระยะสามสิบลี้ ขบวนเดินทางจะหยุดพักหนึ่งครั้งเพื่อแปรงจมูกทำความสะอาดให้กับม้าศึก เวลานี้เหยาเจิ้นจะออกมาจากรถม้าเพื่อพูดคุยกับเฉินผิงอัน

ไปๆ มาๆ หลานชายสายตรงอย่างเหยาเซียนจือก็สนิทสนมคุ้นเคยกับเฉินผิงอันไปด้วย ทว่าเมื่ออยู่ต่อหน้าเฉินผิงอัน ‘หยกดิบแห่งสกุลเหยา’ ชิ้นนี้กลับระมัดระวังตัวสำรวมตนอย่างยิ่ง

ปีนี้เหยาเซียนจือเพิ่งจะอายุสิบสี่ปี แต่กลับอยู่ในกองทัพมาสามปีแล้ว ปีที่สองก็ได้เป็นทหารสอดแนมอย่างเป็นทางการ หลังจากนั้นก็อาศัยคุณความชอบทางการทหารเลื่อนขั้นเป็นหัวหน้ากอง เรียนรู้กลยุทธการทำสงครามจากอาจารย์ในโรงเรียนมาตั้งแต่เด็ก แต่เขาไม่มีนิสัยชอบพูดโอ้อวดตน อายุยังน้อยแต่กลับสุขุมเหมือนผู้ใหญ่ ได้รับความสำคัญจากเหยาเจิ้นเจ้าประมุขตระกูลอย่างมาก

เหยาเซียนจือไม่ปิดบังความเลื่อมใสที่ตัวเองมีต่อเฉินผิงอันเลยแม้แต่น้อย ตอนนั้นที่อยู่ในหุบเขา ถูกผู้ฝึกตนบนภูเขาสองคนไล่ฆ่าอย่างจนตรอก ก็เป็นเฉินผิงอันที่ปรากฎตัวมาช่วยเหลือลูกหลานในกองทัพซึ่งรวมถึงเหยาเจิ้นปู่ของเขาด้วย หมัดเดียวของเฉินผิงอันก็ต่อยให้ปรมาจารย์น่ากลัวที่สวมเสื้อเกราะน้ำค้างหวานคนนั้นถอยกรูดออกไป เมื่อเผชิญหน้ากับผู้ฝึกกระบี่ที่มีพลังพิฆาตไร้ที่สิ้นสุดจนน่ากริ่งเกรงก็ยิ่งรับมือได้อย่างเป็นธรรมชาติ

ภายหลังเหยาเซียนจือยังได้ยินวีรกรรมยิ่งใหญ่ของเฉินผิงอันตอนอยู่ในโรงเตี๊ยมจากเหยาหลิ่งจือ นางเล่าว่าเขาต่อยบุตรชายของเซินกั๋วกงตายคาที่ด้วยสามหมัด กล้าประมือกับหลี่หลี่ขันทีผู้ควบคุมตรากองทหารม้า เหยาเซียนจือจึงยิ่งเลื่อมใสนับถือเขาอย่างถึงที่สุด ใจถึงขั้นคิดอยากจะช่วยจูงม้าป้อนอาหารม้าให้เฉินผิงอันทุกวันเลยด้วยซ้ำ

ความประทับใจที่เฉินผิงอันมีต่อเหยาเซียนจือก็ไม่เลวเช่นกัน ในศึกนองเลือดกลางหุบเขา สายตาเด็ดเดี่ยวของเด็กหนุ่มที่สวมเสื้อเกราะ จนถึงตอนนี้เฉินผิงอันก็ยังจำได้ติดตา

เพียงแต่คงเป็นเพราะเหยาเซียนจืออยากจะทำตัวสนิทสนมกับเขาจึงพยายามหาเรื่องมาชวนคุย เขามักจะเล่าเรื่องตลกที่ไม่ค่อยตลกให้เฉินผิงอันฟังเป็นประจำ ยกตัวอย่างเช่นเรื่องที่หนันฉีอยู่ทิศเหนือ แต่เป่ยจิ้นกลับอยู่ทิศใต้ (หนันฉี คำว่าหนันแปลว่าใต้ ส่วนเป่ยจิ้น คำว่าเป่ยแปลว่าเหนือ) แถมยังบอกอีกว่านักประพันธ์บางคนที่เชี่ยวชาญการเขียนกลอนให้กับทหารชายแดนเลื่อมใสกองทัพม้าเหล็กของสกุลเหยาอย่างถึงที่สุด มีนักประพันธ์ใหญ่ในวงการกวีท่านหนึ่งคิดอยากจะเอาบทกลอนมาแลกกับม้าศึกระดับหนึ่งหนึ่งตัว แต่ท่านปู่ของเขาปฏิเสธ ก็เลยเจ็บแค้นอยู่ในใจ หลังจากกลับไปเมืองหลวงก็พูดให้ร้ายกองทัพชายแดนตระกูลเหยานานถึงสิบปี เหยาเซียนจือสาบานเป็นมั่นเป็นเหมาะว่าเมื่อไปถึงเมืองเซิ่นจิ่งแล้วจะต้องไปหาคนผู้นั้นให้ได้

เฉินผิงอันไม่ได้พูดตอบโต้อะไร แต่ก็ไม่ได้รู้สึกรำคาญอีกฝ่าย

ในคนรุ่นนี้ของสกุลเหยา ความรู้สึกที่เหยาหลิ่งจือผู้ซึ่งมีพรสวรรค์ด้านการฝึกวรยุทธ์มากที่สุดมีต่อเฉินผิงอันค่อนข้างซับซ้อน นางทั้งรู้สึกซาบซึ้งในบุญคุณและรู้สึกเคารพเลื่อมใส แต่ลึกๆ ในใจยังมีความไม่ยอมแพ้อยู่ส่วนหนึ่ง อีกทั้งนางยังเป็นเด็กสาวที่อยู่ในช่วงวัยที่งดงามที่สุดในชีวิตพอดี ดังนั้นจึงไม่ค่อยเต็มใจเข้าใกล้เฉินผิงอันพร้อมกับเหยาเซียนจือเท่าใดนัก

ก่อนหน้านี้เฉินผิงอันเคยขี่ม้ามาก่อน อีกทั้งตอนที่อยู่ในพื้นที่มงคลดอกบัวก็เคยขี่ลากับนักพรตเฒ่า ดังนั้นเขาจึงรู้ว่าคำกล่าวที่ว่าเดินทางหนึ่งวันพันลี้ที่นักเล่านิทานเล่าให้ฟังหรือที่กล่าวถึงในนิยายล้วนเป็นเรื่องหลอกลวงทั้งสิ้น โดยทั่วไปแล้วราชวงศ์ในโลกมนุษย์ การที่จุดพักม้าส่งข่าวทางการทหารด้วยม้าเร็วแปดร้อยลี้นั้นสามารถทำได้จริง แต่จำเป็นต้องเปลี่ยนทั้งคนและเปลี่ยนทั้งม้า หากชนใครตายบนทางเดินม้าก็ไม่จำเป็นต้องรับผิดชอบ เพียงแต่ว่าการทำเช่นนั้นจะทำให้ม้าได้รับบาดเจ็บสาหัส อีกทั้งต่อให้สวมเกือกเหล็กให้ม้า เกือกม้าก็ยังอาจถูกย่ำจนพังยับอยู่ดี

ขุนนางในจุดพักม้าระหว่างทางที่คอยให้การดูแล รวมไปถึงที่ว่าการแห่งต่างๆ ซึ่งเป็นที่ตั้งของจุดพักม้าต่างก็ให้การดูแลพวกเขาเป็นอย่างดี ถึงอย่างไรเหยาเจิ้นก็เป็นแม่ทัพใหญ่ที่ใช้อักษรขึ้นต้นด้วยตัวเจิง คือเจ้าประมุขผู้เฒ่าของกองทัพม้าเหล็กตระกูลเหยา อีกทั้งเขายังไม่ได้ถอดเสื้อเกราะกลับภูมิลำเนา แต่เดินทางไปรับตำแหน่งเจ้ากรมกลาโหมที่เมืองหลวง ได้รับความสำคัญจากโอรสสวรรค์ จากเสาหลักของชายแดนกลายมาเป็นเสาคานของราชสำนัก แม่ทัพผู้เฒ่าเหยายื่นนิ้วเล็กๆ ออกมานิ้วเดียวก็สามารถบดขยี้นายอำเภอเล็กๆ ให้ตายได้หลายคนแล้ว แล้วใครยังจะกล้าไม่ใส่ใจ?

เหยาเจิ้นได้รับการต้อนรับขับสู้ เหนื่อยอยู่กับการเข้าร่วมงานเลี้ยง แม้จะไม่ได้มีท่าทางกระตือรือร้นต่อขุนนางตามท้องที่ต่างๆ เท่าใดนัก แต่ก็ไม่เคยเผยสีหน้าหยิ่งยโสให้เห็น เขาแทบจะไม่เคยปฏิเสธงานเลี้ยงรับรองจากขุนนางท้องที่คนใดเลย ส่วนการเชื้อเชิญอย่างกระตือรือร้นจากเจ้าเมืองก็มีบ้างที่อ้างเหตุปฏิเสธไป ส่วนนายอำเภอนั้นแน่นอนว่าไม่มีความกล้าที่จะจัดงานเลี้ยงต้อนรับเจ้ากรมท่านหนึ่งโดยพลการ

เฉินผิงอันไม่คิดเข้าร่วมงานเลี้ยงพวกนี้ แต่เผยเฉียนกลับคิดหาทางให้ได้เข้าร่วม มีครั้งหนึ่งแค่ได้ยินเหยาเซียนจือร่ายรายการอาหารให้ฟัง นางก็น้ำลายไหลด้วยความอยากกินแล้ว ที่น่าแปลกก็คือทุกครั้งเหยาเจิ้นจะต้องพาเหยาหลิ่งจือและเหยาเซียนจือไปด้วย แต่กลับละเลยเหยาจิ้นจือที่เห็นห้องโดยสารรถม้าเป็นจวนลึกผู้นั้นไป

ครั้งนี้เดินทางผ่านเขตการปกครองแห่งหนึ่งที่ไม่ค่อยมีชื่อเสียงเท่าใดนัก แต่พวกเขากลับถึงขั้นปัดกวาดถนนหนทางรอต้อนรับจนสะอาดเอี่ยม เฉินผิงอันยังคงไม่เข้าร่วมงานเลี้ยง แค่พาเผยเฉียนและจูเหลี่ยนสองคนออกจากจุดพักม้า คิดว่าจะไปหาซื้อของจุกจิกบางอย่าง ยกตัวอย่างเช่นปิ่นหยกหนึ่งชิ้น แต่เหยาจิ้นจือกลับออกจากห้องพักในจุดพักม้า บอกว่าจะไปเดินเล่นกับพวกเฉินผิงอันอย่างที่ไม่เคยทำมาก่อน

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา!