กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา! นิยาย บท 356

กระบี่จงมา – บทที่ 356.1 ภูเขาไท่ผิงไม่สงบสุข
บนภูเขาซึ่งเป็นที่ตั้งของวัดร้าง ยิ่งนานฝนก็ยิ่งตกหนัก สาดกระทบลงบนเสื้อเกราะของเหล่าทหารชายแดนต้าเฉวียนเสียงดังเป๊าะแป๊ะอย่างถี่กระชั้น

เสื้อเกราะเหล็กที่เหล่าทหารชายแดนสวมใส่กันนี้ ส่วนใหญ่ล้วนมีความเสียหาย เต็มไปด้วยร่องรอยขูดขีดกรีดแทงของทั้งดาบ ทวนและลูกธนู

ฝนใหม่สาดตีลงบนเกราะตัวเก่า

คนจากตระกูลสูงศักดิ์มักไม่พาตัวเองไปเสี่ยงอันตราย เพื่อให้สวี่ชิงโจวและสวีถงสองคนสามารถลงมือได้อย่างเต็มที่ คว้าโอกาสที่ผุดขึ้นแวบเดียวแล้วหายไปในการสังหารข้ารับใช้สี่คนของเฉินผิงอัน องค์ชายใหญ่หลิวจงจึงถอยไปอยู่กึ่งกลางภูเขาอย่างเงียบเชียบ ข้างกายนอกจากคนรู้ใจหลายสิบคนที่ติดตามเขามาตั้งแต่อยู่บนสนามรบซึ่งให้การคุ้มกันอย่างแน่นหนาแล้ว เสื้อเกราะที่นักรบเดนตายเหล่านี้สวมใส่ยังหนักกว่าของทหารชายแดนที่เปิดฉากสังหารอยู่ตรงวัดร้าง ถือเป็นเสื้อเกราะเหล็กซึ่งทำขึ้นพิเศษสำหรับพลทหารราบ และยังมีผู้ฝึกตนติดตามกองทัพที่ศักยภาพโดดเด่นเหนือคนอื่นอีกสามคน คนหนึ่งในนั้นคือผู้ฝึกกระบี่ขอบเขตชมมหาสมุทรซึ่งสามารถใช้ความอบอุ่นหล่อเลี้ยงกระบี่บินแห่งชะตาชีวิตที่คมกริบออกมาได้ คนหนึ่งคือนักพรตที่ถนัดด้านการเขียนยันต์สร้างค่ายกล ส่วนอีกคนคือผู้ฝึกตนสำนักการหทารที่สวมเสื้อเกราะน้ำค้างหวาน

หลิวจงหมายมั่นปั้นมือว่าต้องเด็ดหัวเฉินผิงอันมาให้จงได้ ทว่าเรื่องไม่คาดฝันเกิดขึ้นได้เสมอ เขาจึงไม่คิดจะพาตัวมาเสียท่าอยู่ในภูเขาเล็กๆ ไร้ชื่อแห่งนี้

ในเมื่อหวังฉีวิญญูชนแห่งสำนักศึกษาที่ไม่รู้ว่าซ่อนตัวอยู่ที่ไหนคนนั้นเต็มใจพาตัวเองเข้ามาเกี่ยวข้องกับแผนการร้ายครั้งนี้ ถ้าอย่างนั้นหลิวจงก็ไม่ค่อยเชื่อใจในตัวของผู้นำเหล่าปัญญาชนในต้าเฉวียนที่มีคุณธรรมและบารมีสูงส่งผู้นี้เท่าใดนัก หากไม่เป็นเพราะเงื่อนไขที่เกาซื่อเจินเสนอมาดึงดูดใจมากเกินไป อีกทั้งยังลากเอาแม่ทัพสกุลสวี่และอารามฉ่าวมู่มาด้วย หลิวจงก็คงไม่กล้าเสี่ยงอันตรายใหญ่หลวงครั้งนี้ เขาอยากรู้จริงๆ ว่าสมบัติของจวนปี้โหยวนั้นมีมูลค่าควรเมืองมากแค่ไหนกันแน่ ถึงได้ทำให้วิญญูชนแห่งสำนักศึกษายอมผิดต่อจิตสำนึกดีชั่วของตัวเองมาเป็นคนวางแผนการล้อมสังหารในครั้งนี้

แม้จะบอกว่าหลังจากจบเรื่องหวังฉีย่อมต้องมีเหตุผลไปอธิบายกับเจ้าขุนเขาสำนักศึกษาต้าฝู บอกว่าต้องการจับตัว ‘คนจากลัทธิมารนอกรีต’ ที่สวมรอยเป็นลูกศิษย์ผู้สืบทอดศาลบรรพจารย์ของภูเขาไท่ผิง และยังสามารถสาดน้ำโคลนใส่หัวเฉินผิงอันได้อีก ยกตัวอย่างเช่นบอกว่าสงสัยว่าคนต่างถิ่นผู้นี้คือปีศาจใหญ่ที่หนีออกมาจากบ่ออเวจี แล้วเปลี่ยนแปลงรูปโฉมตัวตน ถึงได้จำเป็นต้องระดมทหารเกราะเหล็กห้าพันนายของทางทิศเหนือให้มาโอบล้อมภูเขาลูกนี้ แต่หลิวจงกลับไม่รู้สึกว่าการอธิบายเช่นนี้สมบูรณ์แบบไร้ช่องโหว่

แต่เรื่องนี้ไม่เกี่ยวข้องอะไรกับเขาแล้ว ตอนนี้หวังฉียังคงเป็นวิญญูชนตัวจริงของสำนักศึกษาต้าฝู คำพูดของวิญญูชน ขนาดฮ่องเต้ของราชวงศ์ในโลกมนุษย์ยังต้องเชื่อฟังคำสั่งของเขา แล้วนับประสาอะไรกับที่เขาหลิวจงเป็นแค่องค์ชายคนหนึ่ง การพาทหารขึ้นเขาครั้งนี้สอดคล้องกับกฎเกณฑ์ที่สำนักศึกษาลัทธิขงจื๊อตั้งไว้ หลังจากที่สังหารเฉินผิงอันผู้นั้นไปแล้ว หวังฉีจะอธิบายกับทางสำนักศึกษาอย่างไร ไม่ใช่เรื่องที่เขาหลิวจงจะเข้าไปยุ่งด้วยได้แล้ว

แต่ตอนที่หวังฉีออกจากเมืองเซิ่นจิ่งมาอย่างลับๆ แล้วมาหาเขาที่ชายแดน ได้บอกให้เขาหลิวจงรู้ถึงสายลับที่หลี่หลี่ขันทีผู้คุมตรากองทัพม้าซ่อนไว้อย่างหมดเปลือก บอกตามตรง ตอนนั้นหลังจากรู้คดีของนักรบเดนตายที่กระจายตัวไปตามจวนใหญ่แห่งต่างๆ ในเมืองหลวง ในยุทธภพของต้าเฉวียน และในสำนักบนภูเขาแล้ว หลิวจงตกตะลึงอย่างหนัก ขันทีหลี่หลี่ถูกขนานนามให้เป็นโซ่วกงไหวแห่งต้าเฉวียน ทว่าอำนาจของเขากระจายไปไกล เส้นสายเชื่อมโยงพัวพันอยู่ทั่วต้าเฉวียนตั้งแต่เมื่อไหร่?

ในฐานะวิญญูชนที่มีคุณวุฒิสูง มีชื่อเสียงเลื่องลือไปทั้งภาคกลางของใบถงทวีป หวังฉีไปผูกสัมพันธ์กับขันทีในวังหลวงคนหนึ่งได้อย่างไร?

ต่อให้ชื่อเสียงของหลี่หลี่ในราชสำนักจะดีแค่ไหน ถึงอย่างไรก็เป็นแค่ตาแก่หนังเหนียวที่ไม่มีนกเขาอยู่ในกางเกงเท่านั้น เมื่อเทียบกับเจ้าวิญญูชนหวังฉีแล้วแตกต่างกันราวฟ้ากับดิน

แต่หลี่หลี่ตายไปก็ดีเหมือนกัน ขันทีเฒ่าผู้นี้ชื่นชอบองค์ชายสามที่เป็นดั่งสำลีซ่อนเข็มมานานมากแล้ว น่าสงสารก็แต่เหล่าซานที่วางแผนอย่างยากลำบากมาสิบกว่าปี ยอมพาตัวไปเสี่ยงอันตราย แทรกซึมเข้าไปใจกลางของเป่ยจิ้นอย่างไม่กลัวตาย กว่าจะทำลายศาลเทพวารีทะเลสาบซงเจินและจวนเทพภูเขาหวงจินติดต่อกันได้ไม่ใช่เรื่องง่าย แต่กลับพาเกาซู่อี้ไปให้คนฆ่าตายในถิ่นของตระกูลเหยา แม้แต่หลี่หลี่ผู้ไร้ศัตรูเทียมทานในหนึ่งแคว้นก็ยังล้มเหลวในช่วงเวลาสุดท้าย ไม่ระวังเพียงก้าวเดียวก็แพ้ทั้งกระดาน คนคำนวณมิสู้ฟ้าลิขิต สวรรค์อยู่ข้างข้าหลิวจงจริงๆ!

ทว่าหลิวจงกรีฑาทัพอยู่ทางชายแดนเหนือมานานหลายปี บัญชาการณ์ทหารชายแดนฝีมือดีหลายแสนนาย ตกอยู่ในวงล้อมของศัตรูบนสนามรบอยู่หลายครั้งยังไม่เคยหวาดกลัว แต่เขากลับค้นพบว่าวันนี้ตนตึงเครียดอย่างที่ไม่อาจควบคุมตัวเองได้

……

หน้าวัดร้าง เว่ยเซี่ยนยังคงทำเหมือนศึกในโรงเตี๊ยม หนึ่งคนเป็นหน้าด่าน แค่เฝ้าหน้าประตูใหญ่ไว้ให้ได้ก็พอ หากทหารเสื้อเกราะของต้าเฉวียนรุดหน้ามารนหาที่ตาย เว่ยเซี่ยนย่อมไม่เกรงใจ

สวมใส่เสื้อเกราะน้ำค้างหวานซีเยว่ เดิมทีก็ไม่ต้องหวาดกลัวดาบและธนูธรรมดาอยู่แล้ว แค่ปล่อยให้มันฟันผ่า สาดยิงมาโดนเสื้อเกราะก็เท่านั้น จากนั้นแค่ปล่อยหมัดหมัดเดียว ทหารชุดเกราะที่กล้าพาตัวเขามาใกล้ก็ล้วนปลิวหวือออกไปไกล ส่วนศพบางส่วนที่อยู่ใกล้กับประตูวัดก็จะถูกเว่ยเซี่ยนใช้ปลายเท้าเตะให้กระเด็นออกไป ความคิดของฮ่องเต้คือ ข้างเตียงตนจะปล่อยให้คนอื่นมานอนกรนได้อย่างไร แต่ความคิดของเว่ยเซี่ยนในเวลานี้คือ จุดที่ตนยืนอยู่จะปล่อยให้ศพนอนเกะกะสายตาได้อย่างไร

มีเพียงแค่บางครั้งที่ลูกธนูทำขึ้นพิเศษซึ่งซุกซ่อนความลี้ลับสาดยิงเข้ามา เว่ยเซี่ยนถึงจะเบี่ยงตัวหลบ ลูกธนูเหล่านั้นทุกดอกล้วนเป็นลูกธนูเทพที่มือธนูซึ่งมีพละกำลังแข็งแกร่งง้างสุดสายยิงออกมา

เมื่อเปรียบเทียบกับการเข่นฆ่าทางฝั่งของจูเหลี่ยนคนคลั่งวรยุทธ์แล้ว การลงมือของเว่ยเซี่ยนสามารถใช้คำว่า ‘นุ่มนวลดุจปุยฝ้าย’ มาบรรยายได้จริงๆ

เบี่ยงหลบและขยับประชิดตัว เป็นอย่างนี้ต่อเนื่องกันไป ขอแค่ปล่อยให้จูเหลี่ยนขยับเข้ามาประชิดหรืออยู่ห่างแค่หนึ่งช่วงแขน ทหารชุดเกราะที่อยู่ในบริเวณนั้นล้วนมีจุดจบที่น่าสังเวชจนแทบทนมองไม่ได้ทั้งสิ้น เสื้อเกราะแตกยับ ฝังเข้าไปในร่าง เลือดเนื้อปนกันเละเทะ ไม่เพียงแต่ตายคาที่ ยังตายด้วยสภาพอเนจอนาถอย่างถึงที่สุด

สนามรบที่สุยโย่วเปียนอยู่มีแสงกระบี่สาดประกายครั้งแล้วครั้งเล่า หนึ่งกระบี่ปาดขวางออกไป ทหารชุดเกราะหลายคนรวมถึงต้นไม้ต่างก็ถูกฟันขาดครึ่งท่อน การเข่นฆ่าสังหารดำเนินไปถึงท้ายที่สุด รอบกายของสุยโย่วเปียนห่างออกไปไม่กี่ก้าวกลับไม่มีต้นไม้สูงเหลืออยู่เลยแม้แต่ต้นเดียว

ทางฝ่ายของหลูป๋ายเซี่ยง ในมือมีเพียงหยุดหิมะสมบัติอาคมสืบทอดของสกุลหวนแห่งป้อมอินทรีบิน เดินๆ หยุดๆ บ้างก็เหยียบลงบนกิ่งไม้เหมือนกบกระโดดแตะผิวน้ำ เรือนกายพุ่งวูบหายอยู่เป็นระยะ มีเพียงคมดาบของหยุดหิมะที่มีพายุลมกรดไหลรินเท่านั้นที่ปลดปล่อยเส้นแสงสีขาวหิมะค้างไว้อย่างยาวนานท่ามกลางม่านฝนมืดดำนี้

เวลาสั้นๆ เพียงแค่หนึ่งก้านธูป ทหารยอดฝีมือของชายแดนต้าเฉวียนก็ตายไปแล้วถึงหกร้อยศพ นี่ยังเป็นเพราะสาเหตุที่ว่าในผืนป่าบนภูเขาไม่สะดวกให้ทหารเหล่านั้นกรูกันเข้ามารวดเดียวด้วย

เฉินผิงอันที่ยืนอยู่ตรงหน้าประตูวัดมาโดยตลอดก้มหน้าลงแล้วคลี่ยิ้ม

คนจิ๋วดอกบัวกระโดดออกมาปรากฏตัวอยู่บนพื้นดิน มันโบกแขนเล็กๆ ที่เหลืออยู่เพียงข้างเดียวให้เขา ทำเสียงอือๆ อาๆ จากนั้นก็ชี้ไปยังทิศทางหนึ่งให้เฉินผิงอันดู

เฉินผิงอันมองตามทิศทางที่เจ้าตัวน้อยชี้ไป นั่นคือจุดที่สูงที่สุดของยอดเขาแห่งหนึ่ง ความหมายของคนจิ๋วดอกบัวก็คือมีคนสองคนยืนชมศึกอยู่ตรงนั้น ร้ายกาจอย่างมาก ขนาดมันยังไม่กล้าเข้าใกล้ภูเขาลูกนั้นมากนัก

เฉินผิงอันถามเบาๆ “ถ้าอย่างนั้นเจ้าเห็นคนหนุ่มคนหนึ่งที่สวมกวานดอกบัว สวมชุดนักพรตเต๋าหรือไม่?”

คนจิ๋วดอกบัวส่ายหน้าโบกมืออย่างแรง

เฉินผิงอันยกนิ้วโป้งให้มันแล้วพูดกลั้วหัวเราะเบาๆ “เข้าไปหลบในวัดเถอะ”

คนจิ๋วดอกบัวพยักหน้ารับแรงๆ ฝีเท้าก้าวว่องไวราวกับบิน กระโดดหนึ่งครั้งก็ข้ามธรณีประตูสูงเข้าไป เห็นเผยเฉียนที่กำลังเรอเสียงดัง มันก็ไม่ค่อยเต็มใจขยับเข้าไปใกล้อีกฝ่ายนัก ครั้งแรกที่เห็นนาง มันไม่ชอบนางสักเท่าไหร่ แต่ตอนหลังคงเป็นเพราะไม่ได้รู้สึกรังเกียจเท่าเดิม บางครั้งจึงมาโผล่อยู่ข้างกายเฉินผิงอันบ้าง มีครั้งหนึ่งมันเพิ่งจะโผล่ออกมาจากดินก็ถูกเผยเฉียนที่ถือไม้เท้าเดินป่าไว้ในมือเขกหัวกลับลงไป มันหลบได้ไวมาก แล้วไปโผล่หัวตรงตำแหน่งอื่น เผยเฉียนถือไม้เท้าเดินป่าไล่กวดไปรอบด้าน ผลกลับถูกมันหยอกเล่นจนนางหมดเรี่ยวหมดแรง แต่ก็ไม่สามารถตีโดนมันเลยสักครั้ง สุดท้ายยังถูกเฉินผิงอันดึงหูเดินไปหนึ่งลี้ เจ็บจนนางร้องไห้จ้าเสียงดัง

เห็นเผยเฉียนทำท่าลับๆ ล่อๆ คล้ายคิดจะไปหยิบไม้เท้าเดินป่ามา คนจิ๋วดอกบัวก็เริ่มโมโหขึ้นมาบ้างแล้ว ครั้งนี้มันกลับไม่กลัวนางแม้แต่น้อย จึงเดินตรงไปหยุดอยู่ข้างเท้าเผยเฉียนแล้วนอนเหยียดตัวตรงลงบนพื้น

เผยเฉียนหยิบไม้เท้าเดินป่าขึ้นมา ลังเลอยู่พักใหญ่ ชำเลืองตามองแผ่นหลังของเฉินผิงอันที่อยู่หน้าประตูวัด สุดท้ายก็โยนไม้เท้าเดินป่าทิ้ง ทรุดตัวลงนั่งยอง ยิ้มตาหยีพูดว่า “เจ้าต่างหากที่เป็นตัวขาดทุน ไม่มีประโยชน์เลยแม้แต่น้อย วันหน้าพ่อข้าต้องเอาเจ้าไปขายแลกเงินแน่ๆ ถึงเวลานั้นข้าก็จะได้ซื้อถังหูลู่หอบใหญ่ จุ๊ๆๆ อร่อยจริงๆ”

คนจิ๋วดอกบัวโมโหเลยพลิกตัวนอนตะแคง ไม่มองหน้าเด็กหญิงผอมดำอีก

เผยเฉียนยื่นนิ้วข้างหนึ่งมาจิ้มรอยบุ๋มตรงแขนของเจ้าตัวน้อย “เจ้าตัวขาดทุนน้อย วันหน้าหากเจ้ามาเป็นลูกสมุนของข้า ข้าก็จะไม่บอกให้พ่อข้าขายเจ้าแลกเงิน ดีไหม?”

คนจิ๋วดอกบัวกลิ้งตัวออกไปนั่งขัดสมาธิอยู่ห่างไปไกล ท่าทางเหมือนตอนที่เฉินผิงอันนั่งอ่านหนังสืออย่างมาก

เผยเฉียนเหลือกตามองบน พูดสั่งสอนอย่างจริงใจ “เจ้ารู้หรือไม่ว่าตอนนี้ข้ามีเงินมากแค่ไหน? ข้ามีกล่องใบหนึ่งที่เรียกกันว่ากล่องเก็บสมบัติ ด้านในใส่สมบัติเอาไว้มากมาย วันหน้าเจ้าต้องหัดเคารพข้าให้มากกว่านี้หน่อย เข้าใจไหม? หากเจ้าเป็นเด็กดี ยอมเป็นลูกสมุนของข้า ไม่แน่ว่าวันไหนข้าอาจแสดงความเมตตา หยิบเหรียญทองแดงสวยๆ เหรียญหนึ่งออกมาจากด้านใน โบกมือแล้วพูดเลียนแบบเหล่าเว่ยว่า ตบรางวัล!”

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา!