กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา! นิยาย บท 356

กระบี่จงมา – บทที่ 356.2 ภูเขาไท่ผิงไม่สงบสุข
เฉินผิงอันปลดป้ายหยกที่หลิวจงบอกว่าเป็น ‘ของจริงแท้แน่นอน’ ชิ้นนั้นลงมา วัสดุที่ทำแผ่นหยกชิ้นนี้ดีเยี่ยมอย่างถึงที่สุด ในเวลาสั้นๆ นี้คงยากที่จะหล่อหลอมให้เป็นภาพมายาหรือทำลายไปโดยตรง จึงหมุนตัวกลับ โยนมันไปให้เผยเฉียน “เอาป้ายหยกอันนี้ใส่ไว้ในร่มกระดาษน้ำมัน จำไว้ว่าเมื่อหุบร่มแล้วอย่าเปิดออกอีก”

เผยเฉียนรับแผ่นหยกงดงามที่นางอยากครอบครองมานานเอาไว้ แล้วทำตามคำสั่งแต่โดยดี มือไม้ของนางคล่องแคล่วว่องไวไม่มีอืดอาดแม้แต่น้อย

เรื่องใหญ่จะเลอะเลือนไม่ได้

เผยเฉียนไม่กล้า กลัวว่าเฉินผิงอันจะโกรธนาง

มีแค่ครั้งเดียวที่เฉินผิงอันโกรธนาง หากไม่เป็นเพราะจงขุยช่วยขอร้องให้ เวลานี้ก็คงมีความเป็นไปได้แปดเก้าในสิบส่วนว่านางจะต้องถูกทิ้งให้อยู่ในโรงเตี๊ยมเก่าโทรมเมืองหูเอ๋อร์ ทุกวันต้องคอยกวาดพื้นยกน้ำเป็นวัวเป็นม้าให้สตรีที่หน้าอกแกว่งส่ายไปทั่วผู้นั้นใช้งาน

……

ลูกศิษย์เฒ่าลัทธิขงจื๊อที่อยู่บนยอดเขาเอ่ยด้วยรอยยิ้ม “เฉินผิงอันพบร่องรอยของพวกเราแล้ว”

ชายฉกรรจ์ร่างกำยำไม่ยี่หระแม้แต่น้อย “เดิมทีไอ้หมอนี่ก็ไม่ธรรมดาอยู่แล้ว ที่จวนปี้โหยวเกิดความเคลื่อนไหวใหญ่ขนาดนั้นก็ไม่ใช่เพราะฝีมือของเขาหรือไร ไม่อย่างนั้นนายท่านของข้าก็ไม่ต้องมารับมือกับผู้ฝึกยุทธ์เต็มตัวที่ยังไม่ประสบความสำเร็จผู้นี้หรอก ก่อนจะจากไปนายท่านเอ่ยกับข้าด้วยรอยยิ้มว่า น้ำเต้าเลี้ยงกระบี่ตรงเอวของเฉินผิงอันเป็นเพียงแค่ของรางวัลเล็กๆ สิ่งที่นายท่านให้ความสำคัญอย่างแท้จริงคือเป็นเทพจากฝ่ายใดกันแน่ที่ยอมตัดใจมอบสมบัติซึ่งสามารถอำพรางเจตนารมณ์สวรรค์ชิ้นนี้ให้เขาได้ หากไม่เป็นเพราะร้อนลวกมือเกินไป นายท่านก็เต็มใจลองไปยืมมาใช้ดูสักครั้ง แต่นายท่านกลัวว่าหากเขาลงมือ ตลอดทั้งใบถงทวีปจะสั่นสะเทือนตามไปด้วย ดังนั้นจึงอยากให้พวกเรามาลองหยั่งเชิงดูก่อน จะได้อนุมานถึงตัวตนของคนที่อยู่เบื้องหลัง หากเป็นฝีมือของอริยะลัทธิขงจื๊อท่านใดจริงๆ หรืออาจถึงขั้นเป็นฝีมือของเทพเซียนที่เอามาใช้รับมือกับความวุ่นวายในใบถงทวีปโดยเฉพาะ…”

เพียงไม่นานชายฉกรรจ์ก็หยุดพูด เขาไม่กล้าพูดมากอีกแม้แต่คำเดียว

หวังฉีวิญญูชนแห่งสำนักศึกษาเอ่ยถาม “จะเป็นอย่างไรต่อ?”

ชายฉกรรจ์หัวเราะฮ่าๆ “ข้าลืมไปแล้ว”

แม้หวังฉีจะไม่ซักไซ้ถามต่อ แต่อารมณ์กลับเริ่มดีขึ้น

ชายฉกรรจ์ร่างกำยำผู้นี้มองว่าตัวเองเป็นแค่ปีศาจน้อยตัวหนึ่ง เป็นแค่มดตัวเล็กที่ยังไม่เลื่อนเป็นโอสถทองเท่านั้น

แต่หากปล่อยให้เขาลงน้ำ พลังการต่อสู้จะเทียบเคียงได้กับโอสถทองที่ตบะค่อนข้างอ่อนด้อยบนภูเขาเลยทีเดียว

ฝนที่เทกระหน่ำในค่ำคืนนี้คือฝนที่ตกได้ถูกเวลาอย่างยิ่ง

ก่อนหน้าจะเจอกับนายท่านก็รู้สึกว่าตัวเองคือผู้พิชิตของพื้นที่แห่งหนึ่งแล้ว ยึดทะเลสาบตั้งตนเป็นราชา บัญชาพวกทหารกุ้งหอยปูปลาที่มีนิสัยดุร้ายกระหายเลือด เป็นเจ้าพ่อในท้องที่ มากไปด้วยอำนาจบารมี ภายหลังนายท่านชี้แนะไม่กี่คำ เขาถึงได้รับโชควาสนา ใช้ลำคลองหมายเหอที่ในยุคบรรพกาลเคยเป็นช่วงตอนหนึ่งของแม่น้ำสายใหญ่ที่ไหลลงสู่มหาสมุทรเป็นเส้นทางเจียวหลงลงน้ำ แล้วตบะก็เพิ่มพรวดพราดขึ้นจริงๆ หากไม่เป็นเพราะถูกนังสตรีหน้าเหม็นของลำคลองหมายเหอสกัดขวางไว้ที่ตอนบนของจวนปี้โหยวและศาลเทพวารี สาเหตุเพียงแค่เพราะชีวิตต่ำต้อยของมนุษย์ธรรมดาไม่กี่คน ให้ตายอย่างไรก็ไม่ยอมให้เขาผ่านทางไป ป่านนี้เขาคงเป็นขอบเขตโอสถทองไปนานแล้ว หากได้ลงสู่มหาสมุทรก็มีหวังว่าจะได้เลื่อนขั้นเป็นก่อกำเนิด!

เดิมทีหากสตรีผู้นั้นยินดีให้เขาเดินผ่านลำคลองหมายเหอทั้งเส้นไปได้อย่างราบรื่น นี่จะเท่ากับว่าสองฝ่ายผูกบุญสัมพันธ์ครั้งใหญ่ต่อกัน ในอนาคตเมื่อเขาได้บรรลุมหามรรคา ไม่ว่าเขาจะมีนิสัยดุร้ายกระหายเลือดหรืออำมหิตมากแค่ไหน แต่ควันธูปครั้งนี้ย่อมต้องหาโอกาสตอบแทนคืนให้ ไม่อย่างนั้นเมื่อวิถีสวรรค์เคลื่อนโคจร บนเส้นทางการฝึกตนของเขาหลังจากนั้นก็จะปรากฎอุปสรรคอีกหลากหลายรูปแบบ เขาคิดจนหัวแทบแตกก็คิดไม่ตกว่าทำไมสตรีผู้นั้นถึงตัดสินใจเด็ดขาดว่าจะขวางมหามรรคาของเขา เป็นเพราะว่าตนคร่าชีวิตของมนุษย์ธรรมดาแค่ไม่กี่คนนั่นจริงๆ หรือ จะตลกไปหน่อยไหม? เขาเชื่อว่าเรื่องนี้ยังต้องมีเบื้องลึกเบื้องหลังที่เป็นความลับอยู่อย่างแน่นอน ไม่แน่ว่าชายหญิงที่ตกลงท้องเป็นอาหารของเขาอาจเคยมีความสัมพันธ์กับศาลเทพวารีมาก่อน นางถึงได้เกรี้ยวกราดดุจสายฟ้าฟาด ยอมให้ตัวเองขาดทุนครั้งแล้วครั้งเล่า แต่หากไม่มีใครตายไปข้างก็ไม่ยอมเลิกรา

หลายปีมานี้ทั้งสองฝ่ายต่อสู้กันเอาเป็นเอาตาย เขารู้ดีว่าตบะของเจ้าแม่เทพวารีลำคลองหมายเหอนั้นไม่สูง เพียงแต่ว่านางหลอมอาวุธไว้มาก ระดับขั้นของอาวุธก็ดีเยี่ยม จึงอาศัยอาวุธที่มีให้เลือกใช้ไม่ขาดมือมากดหัวเขาเอาไว้ ภายหลังอยู่ดีๆ นางก็ได้รับโชควาสนาครั้งใหญ่ ตอนแรกร่างทองที่เสียหายไม่เพียงแต่ได้รับการซ่อมแซม อีกทั้งระดับขั้นของร่างทองยังเลื่อนไปอีกขั้นใหญ่ ภายหลังจวนปี้โหยวก็ยิ่งมีชะตาน้ำท่วมท้นสมบูรณ์ภายในค่ำคืนเดียว กลายเป็นถ้ำสถิตแห่งเทพเซียนที่ปราณวิญญาณเปี่ยมล้นแห่งหนึ่ง!

สิ่งที่หวังฉีต้องการก็คือคาถาหลอมวัตถุที่ ‘ชี้ตรงไปยังมหามรรคา’ บทนั้น

ในอดีตนายท่านเคยพูดกับหนึ่งวิญญูชนหนึ่งปีศาจน้ำอย่างพวกเขาว่า นั่นคือรากฐานมหามรรคาของเซียนยุคบรรพกาลท่านหนึ่ง อีกทั้งยังเปี่ยมไปด้วยความเที่ยงตรงยิ่งใหญ่ เหมาะแก่การบำเพ็ญตนของชาวลัทธิขงจื๊อเช่นกัน

เมื่อเป็นเช่นนี้ก็หมายความว่าหากหวังฉีที่อายุขัยบนโลกมนุษย์ใกล้จะหมดลงได้มันมาครอบครอง ฝึกตนได้สำเร็จ ไม่เพียงแต่จะมีชีวิตอยู่ได้อีกยาวนาน ไม่แน่ว่าอาจมีหวังได้ช่วงชิงตำแหน่งเจ้าขุนเขาของสำนักศึกษาแห่งหนึ่งด้วยก็เป็นได้

ตลอดหลายปีที่ผ่านมานี้ หวังฉีใช้ทั้งไม้แข็งและไม้อ่อนกับจวนปี้โหยว การที่ปีศาจลำคลองอย่างเขาสร้างความวุ่นวายให้แก่ลำคลองหมายเหอ ถึงขั้นทำให้น้ำท่วมจวนปี้โหยว อีกทั้งยังทำลายร่างทองในศาลเทพวารี ก็เพราะหวังฉีหวังว่าเจ้าแม่เทพวารีจะรู้ดีชั่ว ไปขอความช่วยเหลือจากราชสำนักต้าเฉวียน เคยมีครั้งหนึ่งที่หวังฉีถึงขั้นออกจากเมืองหลวงมา ‘เที่ยวเยือน’ ศาลเทพวารีลำคลองหมายเหอโดยเฉพาะ จงใจเปิดเผยวิชาอภินิหารบางอย่างของวิญญูชน ทว่าเจ้าแม่เทพวารีคนนั้นกลับทำเป็นมองไม่เห็น! ยิ่งไม่เคยร้องทุกข์ให้วิญญูชนอย่างเขาฟังแม้แต่ครึ่งคำ

หลังจากนั้นหวังฉีก็ประทานความเมตตาครั้งใหญ่ พยายามขอให้ฮ่องเต้สกุลหลิวต้าเฉวียนเลื่อนขั้นจวนปี้โหยวเป็นตำหนัก นั่นก็เพราะหวังว่าเจ้าแม่เทพวารีจะซาบซึ้งในบุญคุณครั้งนี้ เป็นฝ่ายมอบคาถาเซียนบนป้ายศิลาขอฝนซึ่งมีแต่นางเท่านั้นที่บรรลุสัจธรรมแท้จริงของมันมาให้เขา

ทว่าเทพวารีลำคลองหมายเหอกลับยังเฉยเมย ถึงขั้นป่าวประกาศว่าต้องเอาตำราของอริยะปราชญ์เหวินเซิ่งมาบูชาไว้ในศาล ร่วมกันรับควันธูปเท่านั้น ไม่อย่างนั้นนางก็ยอมเก็บป้ายผุๆ คำว่าจวนปี้โหยวไว้ต่อไป

เจ้าแม่เทพวารีผู้นี้เกลือกับน้ำมันดันไม่เข้า กลายเป็นน้ำที่เข้าสมองซะอย่างนั้น (คำว่าน้ำเข้าสมองเป็นคำด่าว่าสมองมีปัญหา แต่คำว่าเกลือและน้ำมันเข้าสมองเป็นคำชม เพราะเกลือกับน้ำมันเป็นสิ่งที่มีค่ามากในสมัยโบราณ)

……

ภูเขาที่ตั้งวัดร้างไม่สงบสุข

ภูเขาไท่ผิงก็ไม่สงบสุขเช่นกัน

ริมลำคลองใหญ่สายหนึ่งที่มีชื่อเสียงที่สุดในทวีปแดนเทพแผ่นดินกลาง วันนี้ก็ไม่ค่อยสงบสุขเท่าใดนัก

มีชายหญิงสองคนที่เดินทางไกลมาถึงที่นี่ สตรีสวมชุดผ้าแพรของชาววัง แม้จะมีหมวกคลุมปิดบังโฉมหน้า แต่แค่มองเรือนร่างและลักษณะท่าทางของนางก็รู้แล้วว่าต้องเป็นสาวงามที่เป็นภัยอย่างแน่นอน

บุรุษร่างสูงเพรียว ใบหน้าผอมตอบ บนร่างสวมเสื้อคลุมหนังจิ้งจอกสีขาวหิมะ ตรงเอวห้อยน้ำเต้าบรรจุเหล้าสีแดงใบหนึ่ง

หากเฉินผิงอันและเด็กชายชุดเขียวกับเด็กหญิงชุดกระโปรงสีชมพูมาอยู่ที่นี่ก็จะพบว่า นี่คือคู่นายบ่าวที่พบเจอกับพวกเขาบนสะพานเลียบริมหน้าผาท่ามกลางค่ำคืนที่พายุหิมะพัดแรงบนชายแดนเชื่อมต่อระหว่างแคว้นหวงถิงกับต้าหลีในปีนั้น

สตรีสวมชุดชาววังมีชื่อว่าชิงอิง

ครั้งก่อนหลังจากที่จากลากับพวกเฉินผิงอันสามคน ในหุบเขาแห่งหนึ่ง หญิงสาวเผยร่างจริงที่เป็นจิ้งจอกขาว เรือนกายของนางใหญ่โตดุจขุนเขา บุรุษที่เมื่ออยู่ต่อหน้านางร่างก็เล็กจ้อยเท่าเมล็ดข้าวสารเพียงแค่เอ่ยชื่อนางเรียบๆ หางจิ้งจอกของหญิงสาวที่งอกมาแปดหางแล้วก็หายไปหางหนึ่ง

นางเรียกบุรุษว่า “นายท่านป๋าย”

เวลานี้บุรุษผู้นี้เงยหน้ามองไป ท่ามกลางก้อนเมฆหลากสีมีนครจักรพรรดิขาวอยู่แห่งหนึ่ง ผู้นำแห่งลัทธิมาร เจ้านครจักรพรรดิขาวผู้นั้นได้รับการยอมรับจากผู้คนว่าเป็นนักเล่นหมากล้อมอันดับหนึ่งในใต้หล้า ธงผืนหนึ่งที่ปักตระหง่านเขียนคำว่า ‘ถ่อมตนแด่บรรพชนหมากล้อมทั่วหล้า’ จนถึงวันนี้ก็ยังไม่มีใครสามารถทำให้เจ้านครท่านนั้นลดธงลงได้ ช่างมากบารมีเสียเหลือเกิน

บุรุษเอ่ยด้วยรอยยิ้มบางๆ “น่าเสียดายที่ไม่มีหอแก้วแห่งนั้นแล้ว”

หญิงสาวสวมชุดชาววังเอ่ยด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน “นายท่าน ได้ยินว่าคนที่ชอบสวมชุดคลุมเต๋าสีชมพูผู้นั้นเลื่อมใสนายท่านมานานมากแล้ว”

บุรุษแสร้งทำเป็นไม่ได้ยิน ก่อนจะดึงสายตากลับมาก็เอ่ยด้วยรอยยิ้มบางๆ ดุจเดิมว่า “เจ้านครไม่ต้องออกมา ข้าแค่ผ่านทางมาเท่านั้น”

จิตใจของสตรีสวมชุดชาววังเริ่มฮึกเหิม รู้สึกเป็นเกียรติอย่างยิ่ง!

คนที่สามารถทำให้เจ้านครจักรพรรดิขาวออกจากนครได้ ตลอดพันปีที่ผ่านมานี้มีเพียงคนเดียว!

มีเพียงลูกศิษย์คนนั้นของเหวินเซิ่งเท่านั้น

แต่นายท่านป๋ายของนางกลับปฏิเสธไปอย่างเรียบง่ายเช่นนี้!

บุรุษเดินเลียบริมลำคลองสายใหญ่ที่เป็นดั่งแม่น้ำหวงเหอไหลบ่าลงมาจากสวรรค์อย่างเนิบช้า เขาถอนหายใจเบาๆ พูดกับนางว่า “เจ้าไปที่อื่นสักครู่”

สตรีสวมชุดชาววังใจเต้นรัว แต่ไม่กล้าถามมาก รีบทะยานจากไปทันที

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา!