ผู้ฝึกกระบี่ชุดม่วง เจ้าสำนักใบถงที่อาการบาดเจ็บยังไม่หายดีพลิ้วกายลงมาจากท้องฟ้า มาขวางอยู่ตรงหน้าเด็กหนุ่มเด็กสาวคู่นั้น ปกป้องพวกเขาไว้ด้านหลัง แล้วถึงกับเอ่ยขออภัยจั่วโย่ว “คำพูดของเด็กมิอาจถือเป็นจริงเป็นจัง ขอเซียนกระบี่อย่าเก็บไปใส่ใจ”
จั่วโย่วนั่งขัดสมาธิอยู่นอกหน้าผาของยอดเขาแห่งหนึ่ง กล่าวว่า “ได้ยินว่าสำนักใบถงของพวกเจ้า หากพูดจาไม่เข้าหูก็ชอบโยนกระบี่บิน ทุ่มสมบัติอาคมออกไปมากที่สุด หากเอาชนะไม่ได้ก็แค่บอกชื่อแซ่ของตัวเอง กลับมาถึงภูเขาแล้วค่อยฟ้องผู้อาวุโสในสำนัก สุดท้ายก็กรูกันลงเขาไปสังหารผู้อื่น เป็นแบบนี้จริงไหม?”
ผู้ฝึกกระบี่ชุดม่วงได้แต่ยิ้มเจื่อน
จั่วโย่วคลี่ยิ้ม “ในใจเจ้ากำลังพูดว่า ‘จริงแล้วจะทำไม’ อยู่ใช่ไหม?”
ผู้ฝึกกระบี่ชุดม่วงหน้าเปลี่ยนสีไปในทันที หันไปตบหน้าเด็กหนุ่มอย่างแรง พูดอย่างเดือดดาล “คุกเข่าโขกหัวยอมรับผิดกับเซียนกระบี่เดี๋ยวนี้! โขกจนกว่าเซียนกระบี่จะพอใจ!”
มุมปากของเด็กหนุ่มมีเลือดซึมออกมา “ให้ตายข้าก็ไม่ทำ!”
จั่วโย่วยิ้มบางๆ กล่าวว่า “สำหรับตัวอ่อนกระบี่ก่อนกำเนิดที่สายตามองสูงไม่เห็นหัวผู้ใด อันที่จริงข้าไม่คิดจะอธิบายเหตุผลสอนพวกเขาว่าเป็นคนควรวางตัวเช่นไร ไม่สั่งสอนบุตรคือความผิดของบิดา อบรมสั่งสอนไม่เข้มงวดคือความผิดของอาจารย์ เจ้าที่เป็นผู้อาวุโสก็มากินกระบี่ของข้าอีกสักครั้งแล้วกัน”
ผู้ฝึกกระบี่ชุดม่วงถูกกระบี่แทงทะลุหน้าท้อง ร่างกระแทกไปชนกับภูเขาด้านหลังแล้วร่วงดิ่งลงพื้นอย่างน่าอนาถอีกครั้ง
ส่วนเรื่องที่ว่าเขาจงใจสยบขอบเขตของตัวเอง ปล่อยให้จั่วโย่วใช้หนึ่งกระบี่ระบายโทสะหรือไม่ มีเพียงฟ้ารู้ดินรู้และพวกเขาสองคนเท่านั้นที่รู้
จั่วโย่วมองไปทางเด็กหนุ่มผู้นั้น “ไม่ลองพูดจาโอหังอีกสักทีเล่า? ไม่แน่ว่าตู้เม่าอาจจะออกมาปกป้องเจ้าก็เป็นได้”
เด็กหนุ่มหน้าขาวซีด
จั่วโย่วกล่าว “หากไม่พูดเจ้าจะต้องตาย แต่หากพูดจาโอหังอีกสักคำ ไม่แน่ว่าอาจมีคนออกมาช่วยรับกระบี่แทนเจ้า เวลานี้เจ้าจะเลือกอย่างไร?”
ความคิดในหัวของเด็กหนุ่มสะพายกระบี่ตีกันให้วุ่น
เด็กสาวพลันขยับมายืนตรงหน้าเด็กหนุ่ม ร่ำไห้ปานจะขาดใจ ตะโกนพูดเสียงสะอึกสะอื้น “เจ้าเลิกบีบบังคับเขาได้แล้ว จิตแห่งกระบี่ของเขาจะแหลกสลาย! เจ้าร้ายกาจขนาดนี้ เหตุใดยังต้องถือสาเขาด้วย?!”
จั่วโย่วคลี่ยิ้มกล่าว “ไปถามลูกชายของเจ้าดูสิ”
เด็กสาวร้องไห้จนสายตาพร่ามัว
รู้สึกเพียงว่าเหตุใดใต้หล้าถึงมีคนที่ไร้เหตุผลถึงเพียงนี้!
จั่วโย่วลุกขึ้นยืน “ก่อนหน้านี้ไม่ยอมโขกหัวรับผิดเพราะคิดจะรักษาหน้าตา ทำตัวว่านอนสอนง่ายให้ผู้อาวุโสในสำนักได้เห็นเพราะอยากจะสร้างความประทับใจที่ดี ตอนนี้จะตายอยู่แล้วกลับไม่กล้าพูด นั่นก็เป็นเพราะรักชีวิตตัวเองอย่างแท้จริง ตัวอ่อนกระบี่ก่อนกำเนิดอย่างเจ้านี่นะ”
จั่วโย่วมองไปทางทิศเหนือ พูดเย้ยหยันตัวเอง “เหตุใดพอกลับมายังโลกมนุษย์แห่งนี้ถึงเพิ่งจะค้นพบความดีของศิษย์น้องเล็กกันนะ”
ครั้งหนึ่งที่ได้รับโชควาสนา หลังจากที่จั่วโย่วได้กระบี่ประจำกายเล่มนั้นมาครอง เสี่ยวฉีเคยพูดด้วยรอยยิ้มว่า ได้กระบี่สามฉื่อมาโดยบังเอิญ ข้ามทะเลสังหารปลาวาฬ เก็บเข้าฝักห้อยไว้บนผนัง ยังได้ยินเสียงกระบี่ร้องอึงอล
ภายหลังจั่วโย่วออกมาจากทวีปแดนเทพแผ่นดินกลาง ออกห่างจากโลกมนุษย์ เดินทางไกลอยู่บนมหาสมุทร ไม่ได้อ่านตำราเล่าเรียนหนังสืออีกเลย
จั่วโย่วพูดกับเด็กสาวว่า “ไม่พูดถึงตู้เม่าและวาสนาระหว่างเจ้ากับตู้เม่าก่อนหน้านี้ พูดถึงแค่การมาเยือนในครั้งนี้ ทำให้เจ้าเดือดร้อนกลายเป็นตัวตลกของคนอื่น เป็นความผิดของข้า เจ้าสามารถเรียกร้องสิ่งหนึ่งที่สมเหตุสมผลได้”
เด็กสาวเช็ดคราบน้ำตา เชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่ง “จริงหรือ?”
จั่วโย่วพยักหน้ารับ “มีโอกาสแค่ครั้งเดียวเท่านั้น ต้องสมเหตุสมผล”
เด็กสาวรวบรวมความกล้ากล่าวว่า “ถ้าอย่างนั้นก็ขอให้เจ้าปล่อยเขาไป อย่าได้สยบจิตแห่งกระบี่ของเขาไว้อีก”
จั่วโย่วพยักหน้ารับ “ได้”
แล้วเขาก็เก็บเอาปราณกระบี่ที่ไหลทะลักออกไปข้างนอกกลับมาจริงๆ
อันที่จริงเด็กสาวไม่รู้ว่า ไม่ได้เป็นเพราะจั่วโย่วจงใจเล่นงานจิตแห่งกระบี่ของเด็กหนุ่มผู้มีพรสวรรค์คนนี้ แต่เป็นเพราะเดิมทีจิตแห่งกระบี่ของคนผู้นี้ก็ไม่บริสุทธิ์อยู่แล้ว
เด็กสาวยิ้มทั้งน้ำตา แต่คงเพราะรู้สึกว่ายิ้มให้ศัตรูคู่แค้นเป็นการกระทำต่ำช้าที่ทรยศต่อสำนักและอาจารย์ นางจึงรีบตีหน้าเคร่งทันที
จั่วโย่วหันตัวกลับไปเตรียมจะทำลายโชคชะตาแห่งภูเขาและแม่น้ำของสำนักใบถงต่ออีกครั้ง แต่ยังหันหน้ากลับมาเอ่ยว่า “ตู้เม่าเป็นคนที่ล้างผลาญจริงๆ อีกไม่นานพวกเจ้าก็จะได้รู้แล้ว”
เด็กสาวไม่เข้าใจ
เด็กหนุ่มด้านหลังตัวสั่นสะท้าน เรือนกายโอนเอนไม่อยู่นิ่ง จิตแห่งกระบี่ก็ยิ่งไม่มั่นคง
จั่วโย่วพุ่งตัวทะยานออกไปไกล ปราณกระบี่พาดผ่านดุจสายรุ้งยาว
ทางฝั่งของภูเขาบรรพบุรุษ ภาพปรากฎการณ์ประหลาดในถ้ำสวรรค์ใบถงขนาดเล็กยิ่งเด่นชัดมากขึ้นเรื่อยๆ
คิดจะบินทะยาน?
ถ้าอย่างนั้นก็ต้องถามกระบี่ของข้าก่อนว่าเห็นด้วยหรือไม่
……
เรือข้ามฟากลำหนึ่งจากอุตรกุรุทวีปได้เดินทางมาถึงกลางอากาศเหนืออาณาเขตของบุรพแจกันสมบัติทวีป
ความเร็วนั้นมากอย่างถึงที่สุด เงินเทพเซียนถูกเผาผลาญไปนับไม่ถ้วน เหล่าผู้โดยสารย่อมยินดีที่จะให้เป็นเช่นนี้ ใครเล่าจะไม่ยินดีให้ไปถึงเป้าหมายในเร็ววัน
ได้ยินว่ามีก่อกำเนิดผู้เฒ่าที่ใช้เงินมือเติบคนหนึ่งทุ่มเงินก้อนใหญ่ เรือข้ามฝากลำนี้ถึงได้ทำเช่นนี้
บุรุษร่างแข็งแกร่งกำยำตัวไม่สูงคนหนึ่งอาศัยอยู่ในห้องชั้นล่างที่ถูกที่สุด แทบไม่เคยออกมาจากในห้อง
น่าจะเป็นผู้ฝึกยุทธ์เต็มตัวคนหนึ่ง เพียงแต่มองไม่ออกว่าอยู่ขอบเขตไหน
อันที่จริงการที่มองไม่ออกก็มากพอจะทำให้ผู้ฝึกลมปราณที่พอจะมีไหวพริบเกิดใจกริ่งเกรงได้แล้ว
ขอบเขตสิบบนวิถีวรยุทธ์ในตำนาน ขอบเขตปลายทางของผู้ฝึกยุทธ์มีสามระดับ ปราณโชติช่วง คืนความจริง เทพมาเยือน
หลังจากที่หลี่เอ้อร์ออกมาจากยอดเขาราชสีห์ ลมปราณและพลังอำนาจของเขาก็ไต่ทะยานมาตลอดทาง อยู่ดีๆ ก็เข้าสู่ขอบเขตของการกลับคืนสู่ความจริงแล้ว
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา!