ผู้ฝึกตนโอสถทองพลันพูดด้วยรอยยิ้ม “ที่แท้คุณชายคือลูกศิษย์ของสำนักนิติธรรม มิน่าเล่า”
เฉินผิงอันไม่รู้ว่าเหตุใดอีกฝ่ายถึงเข้าใจผิดเช่นนี้
เซียนดินที่น่าจะคุ้นเคยกับขนบธรรมประเพณีในแคว้นชิงหลวนเป็นอย่างดียิ้มตาหยีกล่าวว่า “ถ้าอย่างนั้นก็ควรประชันฝีมือกันสักหน่อย”
แสงกระบี่พลันสาดประกายเจิดจ้าอยู่ในเทือกเขา
ผู้ฝึกตนอิสระเคยชินกับเหตุการณ์ที่คุยกันอยู่ดีๆ ก็ฉีกหน้าแตกหักกันมานานแล้ว คนตายเพราะทรัพย์สิน นกตายเพราะอาหาร ใครบ้างไม่ยินดีที่จะได้เงินร้อนน้อยเพิ่มมาอีกห้าสิบเหรียญ? เงินบริสุทธิ์ได้มาย่อมดี แต่เงินสกปรกที่หามาได้น้อยจะไม่ดีงั้นหรือ? ผู้ฝึกตนอิสระที่ถูกที่ว่าการของราชสำนักรับสมัครตัวมา หรือไม่ก็พวกที่ต้องการได้ตำแหน่งผู้ถวายงานของตระกูลเซียนจึงใช้เส้นสายช่วยให้พวกเขาได้ยันต์คุ้มกันกายมาครอง ส่วนใหญ่ล้วนเป็นพวกที่ทำเรื่องเลวร้ายบางอย่างมาก่อน ยกตัวอย่างเช่นช่วยราชสำนักสังหารแม่ทัพใหญ่หรือขุนนางบุ๋นของแคว้นศัตรู แก้แค้นให้กับพวกเซียนซือในทำเนียบวงศ์ตระกูลที่ไม่เหมาะให้ทำเรื่องเช่นนั้นด้วยตัวเอง
เซียนดินโอสถทองกวาดตามองไปรอบด้านอย่างเนิบช้าคล้ายกำลังตรวจสอบดูสนามรบ
เฉินผิงอันเอ่ยถาม “เจ้ารู้หรือไม่ว่าหากวัวดินเลือกที่จะพลิกตัว ชักนำเส้นทางใต้ดินให้สั่นสะเทือนจะมีชาวบ้านที่เดือดร้อนกี่หมื่นคน?”
เซียนดินลังเลอยู่ครู่หนึ่ง แต่สุดท้ายก็ยังพยักหน้ารับอย่างจริงใจ “เมื่อมีขอบเขตเช่นข้า ย่อมต้องรู้เรื่องนี้อยู่แล้ว”
สำหรับเรื่องนี้พวกผู้ฝึกตนอิสระกลุ่มนี้ไม่ได้รู้สึกประหลาดใจเท่าใดนัก
มีเพียงลวี่หยางเจินอาจารย์แห่งค่ายกลเท่านั้นที่ขมวดคิ้ว แต่กลับซุกซ่อนอารมณ์ไว้อย่างดีเยี่ยม
เฉินผิงอันถามอีก “ถ้าอย่างนั้นเจ้าสามารถควบคุมแผ่นดินไหวได้หรือไม่?”
เซียนดินไม่ได้ตอบคำถามโดยตรง แต่ยิ้มกล่าวว่า “เรื่องนี้ไม่ง่ายหรอก หากไม่ทำตามที่เพื่อนเจ้าบอก นั่นคืออาศัยการเผาผลาญเงินจัดวางค่ายกลเป็นวงกว้าง สร้างความมั่นคงให้กับเส้นทางใต้ดิน ลดทอนระดับสั่นของแผ่นดินไหวให้น้อยลง ก็ต้องให้ผู้ฝึกลมปราณที่ได้ครอบครองสมบัติก่อนกำเนิดจำพวกไข่มุก ให้นำสมบัติประเภทนั้นมาหลอมเป็นวัตถุแห่งชะตาชีวิต เพื่อที่จะ ‘ตั้งภูเขาซ่อนเส้นทางใต้ดิน’”
เห็นว่าเฉินผิงอันไม่ถามอะไรอีก เซียนดินท่านนี้ก็มองประเมินเฉินผิงอันอย่างละเอียดอีกรอบ “ไว้เจอกันใหม่คราวหน้า”
ดูเหมือนผู้ฝึกตนโอสถทองจะล้มเลิกความคิดที่จะ ‘ประชันฝีมือ’ เขามองไปยังคนสำคัญของภูเขาลูกต่างๆ ในกลุ่มผู้ฝึกตนอิสระ ยกตัวอย่างเช่นผู้เฒ่าชุดดำที่นั่งอยู่บนจิ้งจอกสีดำห้าหาง ลวี่หยางเจินอาจารย์ค่ายกล ใช้เสียงในใจไล่บอกถึง ‘สถานที่แบ่งทรัพย์สิน’ ซึ่งจะต้องมอบค่าตอบแทนที่เหลืออยู่นอกเหนือจากค่ามัดจำให้พวกเขาไปทีละคน จากนั้นก็ทะยานลมจากไป
ผู้ฝึกตนอิสระทุกคนติดตามเซียนดินจากไป เพียงแต่ว่าไปยังทิศทางที่แตกต่างกัน คิดดูแล้วผู้ฝึกตนโอสถทองคนนั้นคงจะนัดหมายวันเวลาและสถานที่ที่ต่างกันในการจ่ายเงินเทพเซียนให้กับคนทั้งสี่กลุ่ม หลีกเลี่ยงไม่ให้ผู้ฝึกตนอิสระไม่บ่นว่าน้อยไป แต่บ่นว่าไม่เท่าเทียมกัน
จางซานเฟิงกำหมัดทุบเฉินผิงอันเบาๆ หนึ่งที เอ่ยสัพยอกว่า “ใช้ได้นี่นา เอาเงินร้อนน้อยมาใช้เป็นเงินเกล็ดหิมะแล้ว”
สวีหย่วนเสียลุกขึ้นยืนนานแล้ว เก็บดาบเข้าฝัก ใช้นิ้วลูบหนวดที่เกาะกันเป็นกระจุกเพราะคราบเลือดจากบนลงล่าง “ตอนนี้ถือว่าปลอดภัยชั่วคราว กลัวก็แต่ว่าเซียนดินโอสถทองคนนี้จะเป็นงูเจ้าถิ่นที่มีเจตนาชั่วร้าย หากไม่ได้จริงๆ พวกเราก็อย่ารอเข้าร่วมงานโต้วาทีพุทธและเต๋าที่เมืองหลวงแคว้นชิงหลวนเลย รีบจากไปโดยเร็วจะดีกว่า”
จางซานเฟิงลังเลเล็กน้อย “กระบี่เจินอู่ที่เฉินผิงอันให้ข้ายืมและมีดสั้นเล่มนั้นของเจ้าจะต้องทิ้งไว้ในกองบัญชาการณ์ทหารสูงสุดจริงๆ หรือ?”
เฉินผิงอันแก้ไขให้ใหม่ “ไม่ได้ให้ยืม”
แม้ว่าสวีหย่วนเสียจะเสียดาย แต่ก็ยังพูดด้วยสีหน้าเด็ดเดี่ยว “กองบัญชาการทหารที่ใหญ่ขนาดนั้น มันไม่ได้มีขาเดินได้สักหน่อย วันหน้าย่อมต้องมีโอกาสมาเอากลับคืน หากกองบัญชาการทหารเป็นตัวการใหญ่ที่อยู่เบื้องหลังการล้อมสังหารครั้งนี้ ก็เท่ากับพวกเราพาตัวไปติดร่างแห ฮ่องเต้สกุลถังแคว้นชิงหลวนเป็นพวกหัวแข็งและยโสโอหัง อีกทั้งผู้บัญชาการทหารคนนั้นยังเป็นคนรู้ใจของลูกหลานสายตรงฮ่องเต้สกุลถัง จึงง่ายที่พวกเราจะตกเป็นเป้าให้ทุกคนหมายหัว อีกทั้งต่อให้มีเหตุผลก็ไม่อาจอธิบายได้อย่างชัดเจน คนอื่นแค่สาดน้ำโคลนสกปรกมาใส่ พวกเราหลบอย่างไรก็หลบไม่พ้น”
จางซานเฟิงเคยมีนิสัยไม่ชนกำแพงทิศใต้ไม่หันหลังกลับ ไม่อย่างนั้นก็ไม่มีทางละทิ้งการเรียนรู้หลักการของลัทธิขงจื๊อ หันไปเป็นนักพรตเต๋า การเดินทางไกลลงใต้จากอุตรกุรุทวีปมาถึงแจกันสมบัติทวีป เขาได้พบได้เห็นอะไรมามากมาย มีทั้งอุปสรรคและมีทั้งผลเก็บเกี่ยว ทำให้เติบโตขึ้นไม่น้อย ได้ยินคำอธิบายของสวีหย่วนเสียก็ไม่ยืนกรานในความคิดของตัวเองอีก
เฉินผิงอันใคร่ครวญอยู่นานถึงจะคิดหาคำพูดที่สมเหตุสมผลได้ ทั้งไม่ดึงจางซานเฟิงและสวีหย่วนเสียเข้ามาในปัญหาของตน ทั้งทำให้คนทั้งสองไปยังกองบัญชาการณ์ทหารได้อย่างวางใจ “ข้าได้ของดีชิ้นหนึ่งมาจากสำนักศึกษาของใบถงทวีป เป็นแผ่นหยกแผ่นหนึ่ง สามารถเอามาใช้ปกป้องชีวิตในช่วงเวลาสำคัญ แม้จะบอกว่าตอนนี้ในแคว้นชิงหลวนมีทั้งปลาและมังกรปะปนกัน พวกเราไม่ควรประมาท แต่เมื่อมี…แผ่นหยกที่เท่ากับวิญญูชนของสำนักศึกษามาเยือนเองแผ่นนี้ โอสถทองและก่อกำเนิดทั่วไปก็ล้วนไม่กล้าลงมือเข่นฆ่าสังหาร ดังนั้นหากพวกเราคิดจะไปเอากระบี่เจินอู่และมีดสั้นเล่มนั้นกลับคืนมาคงไม่เป็นปัญหามากนัก”
การจัดการกับเรื่องราวใดๆ ควรจะพิถีพิถันในเรื่องปฏิบัติต่อคนอื่นด้วยความจริงใจก็จริง แต่หากทำให้ตัวเองต้องตกอยู่ในอันตราย ทำให้ต้องเผชิญกับหายนะดับชีพอย่างเมื่อครั้งที่เฉินผิงอันเจอกับตู้เม่า ถ้าอย่างนั้นก็ไม่เรียกว่าจริงใจแล้ว แต่เรียกว่าไร้หัวจิตหัวใจ ไม่ชำนาญเรื่องทางโลก
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา!