สวีหย่วนเสียมองเฉินผิงอันแวบหนึ่ง “เหล้าดองระดับนี้ ดื่มแล้วช่วยให้ตบะรุดหน้า อีกทั้งยังไม่เหลือโรคร้ายทิ้งไว้ภายหลัง แน่นอนว่าเป็นของดีอันดับหนึ่ง ทว่าสำหรับการขัดเกลาสภาพจิตใจของผู้ฝึกยุทธ์ที่ต้องการฝ่าทะลุขอบเขตแล้วกลับไม่ใช่เรื่องดีเสมอไป มีเหล้าดองยาก็อาจจะทำให้ในใจอดคาดหวังว่าตัวเองจะโชคดีไม่ได้ วันหน้าเมื่อฝึกวิชาหมัด มืออาจจะไม่มีความเกียจคร้าน แต่สภาพจิตใจกลับหละหลวมแล้ว สัจธรรมแห่งหมัดก็ต้องหย่อนคล้อยตามไปด้วย เฉินผิงอัน เจ้าคิดว่าผู้ฝึกยุทธ์ใต้หล้านี้ เมื่อตบะและขอบเขตอยู่ใกล้เพียงเอื้อมมือคว้า แค่ดื่มเหล้าอึกเดียวตบะและขอบเขตก็เพิ่มขึ้นอีกนิด จะสามารถข่มใจไม่แตะต้องได้ไหวหรือ?”
สวีหย่วนเสียมองไปยังทิศไกล พูดอย่างสะท้อนใจ “ต่อให้รู้ดีว่าสุดท้ายจะเป็นอุปสรรคต่อโอกาสในการฝ่าทะลุขอบเขต แต่ข้าสวีหย่วนเสียรู้ดีว่าเวลาปกติย่อมต้องทนไม่ไหว อีกอย่างผีขี้เหล้านี่นะ พอติดเหล้าแล้วยังจะสนคอขวดไม่คอขวดอะไรอีก ดื่มไปแล้วก็ค่อยว่ากันอีกที”
เกี่ยวกับสภาพจิตใจที่แน่วแน่มั่นคงบนเส้นทางของการฝึกตน สวีหย่วนเสียคิดว่าตัวเองสู้จางซานเฟิงไม่ได้ ยิ่งเทียบเฉินผิงอันไม่ติด
เฉินผิงอันพยักหน้ารับ “ถ้าอย่างนั้นก็รอให้พี่ใหญ่สวีเลื่อนสู่ขอบเขตหก ข้าค่อยมอบเหล้าให้ท่าน ถือเป็นเหล้าที่ดื่มเพื่อการเฉลิมฉลอง”
สวีหย่วนเสียพลันเอ่ยขึ้นว่า “เจ้าเดินทางขึ้นเหนือครั้งนี้ หากมีโอกาสผ่านแคว้นไฉ่อี แคว้นซูสุ่ย อย่าลืมแวะไปหาอริยะกระบี่ผู้เฒ่าเซิ่ง เด็กคู่นั้นของเมืองแยนจือ แน่นอนว่ายังมีคู่สามีภรรยาเรือนผีแห่งนั้นด้วย”
เฉินผิงอันยิ้มกล่าวว่า “นั่นมันแน่นอนอยู่แล้ว ข้ายังต้องเลี้ยงหม้อไฟผู้อาวุโสซ่งมื้อหนึ่ง แล้วค่อยไปดูว่าเด็กคู่นั้นฝึกตนได้ราบรื่นหรือไม่ สุดท้ายยังต้องไปเยือนเรือนเก่าแก่หลังนั้น ลองชิมเนื้อตุ๋นหน่อไม้แห้งฝีมือท่านยาย”
สวีหย่วนเสียหัวเราะฮ่าๆ เสียงดัง ถูกแล้ว เฉินผิงอันยังคงเป็นเฉินผิงอันในปีนั้น ตอนที่ตบไหล่เจ้าหมอนี่อีกครั้ง ชายฉกรรจ์เคราดกเพิ่มแรงบนฝ่ามือค่อนข้างมาก พูดอย่างฮึกเหิมว่า “เฉินผิงอัน เจ้ากับจางซานเฟิงล้วนต้องมีชีวิตที่ดี วันหน้าหากได้ดิบได้ดีและมีชื่อเสียงจนข้าที่อยู่บ้านเกิดยังได้ยิน ถึงเวลานั้นข้าจะได้เอาไปโอ้อวดกับคนอื่น ทำให้คนจำนวนนับไม่ถ้วนร่ำร้องว่าจะเลี้ยงเหล้าข้าสวีหย่วนเสีย ขอให้ข้าเล่าเรื่องของพวกเจ้าสองคนให้พวกเขาฟัง”
เฉินผิงอันกุมหมัดพูดสัพยอก “พี่ใหญ่สวี ขอให้สมพรปากของท่าน”
สวีหย่วนเสียลุกขึ้นยืน “เอาล่ะ ก่อนหน้านี้ยังดี เดินทางเตร็ดเตร่ไปเรื่อยยังไม่รู้สึกว่ามีอะไร แต่พอนึกถึงบ้านเกิดขึ้นมาก็ราวกับว่าหนอนขี้เหล้าในท้องก่อกบฏ ไม่ดื่มเหล้าอึกหนึ่งก็รู้สึกเหมือนจะเป็นจะตาย ฮ่าๆ บ้านเกิดก็มีแต่เหล้าเก่าแก่ไหนั้นแล้ว ต้องกลับไปดื่มสักหน่อย!”
เฉินผิงอันลุกขึ้นตาม “ถ้าอย่างนั้นข้าจะไปเก็บสัมภาระเป็นเพื่อนท่านในที่พัก เดินไปด้วยกันอีกสักระยะทางหนึ่ง”
สวีหย่วนเสียถลึงตาใส่ “จู้จี้เป็นหญิงแก่ ข้อนี้เจ้าต้องเรียนรู้จากจางซานเฟิงซะบ้าง คิดจะไปก็ไป เด็ดขาดฉับไว”
เฉินผิงอันกลอกตามองบน “เขาเนี่ยนะ? ตอนนี้ไม่ร้องไห้ก็ถือว่าจางซานเฟิงเอาถ่านแล้ว ไม่สู้พวกเรามาเดิมพันกันดูไหมล่ะ?”
สวีหย่วนเสียลูบปลายคาง “ถ้าอย่างนั้นข้าเดิมพันว่าจางซานเฟิงต้องแอบอาจารย์เขาไปร้องไห้น้ำตานองอยู่คนเดียว”
เฉินผิงอันก็ลูบปลายคางเช่นกัน “อย่างพวกเราสองคนนี่เรียกว่าวีรบุรุษมีความเห็นสอดคล้องตรงกันหรือไม่?”
สวีหย่วนเสียหัวเราะพลางก้าวเดินยาวๆ จากไปโดยไม่ต้องให้เฉินผิงอันไปส่ง แล้วจอมยุทธ์เคราดกก็นึกขึ้นมาได้ว่าตอนนี้ดึกแล้ว ไม่แน่ว่าเด็กสตรีและคนชราในหมู่บ้านอาจจะนอนหลับกันไปนานแล้วจึงเงียบเสียงลง หันหลังให้เฉินผิงอัน ยกมือขึ้นโบกลาอย่างไม่อืดอาดยืดยาดแม้แต่น้อย
เฉินผิงอันยืนอยู่ที่เดิมด้วยความรู้สึกระทมทุกข์จากการพรากจากเล็กน้อย
ประมาณสองก้านธูปต่อมา เผยเฉียนก็วิ่งมาอย่างมึนงง นางวิ่งไปตามตรอกเล็กตรอกใหญ่ยามค่ำคืนเช่นนี้ค่อนข้างน่าตกใจ บนหน้าผากของนางแปะยันต์กระดาษสีเหลืองแผ่นนั้นเอาไว้ พอหาตัวเฉินผิงอันเจอก็ถามอย่างประหลาดใจ “ทำไมท่านอาเคราดกถึงจากไปล่ะ? หรือเป็นเพราะเขาติดเงินอาจารย์ หามาคืนไม่ได้ ไม่มีหน้ามาพบคนอื่นถึงได้ดอดหนีไปดึกๆ ดื่นๆ”
นี่ทำให้เผยเฉียนหงุดหงิดใจเล็กน้อย นางกระทืบเท้าแรงๆ หนึ่งครั้ง ใช้หมัดทุบฝ่ามือ พูดอย่างขุ่นเคือง “ผียากจนเคราดกผู้นี้ไม่มีคุณธรรมเลยจริงๆ ไม่มีเงินใช้หนี้ก็มาขอยืมข้าเป็นการส่วนตัวสิ ข้าไม่คิดจะเปิดเผยเรื่องน่าอายนี้ของเขาต่ออาจารย์เสียหน่อย”
แม้เผยเฉียนจะไม่รู้สาเหตุ แต่มักจะรู้สึกว่าพอเฉินผิงอันได้พบกับนักพรตหนุ่มที่ความสามารถไม่มากและชายเคราดกที่เสียงดังมาก เขาดูอารมณ์ดีเป็นพิเศษตลอดการเดินทาง ราวกับว่าดีใจยิ่งกว่าได้เงินมาเพิ่มมากมายซะอีก แต่ในความเป็นจริงแล้วนับตั้งแต่ที่เจอวัวดินสีเหลืองตัวนั้นในหุบเขา อาจารย์ของตนก็ขาดทุนมาตลอดจนถึงตอนนี้ ก่อนหน้านี้ก็เพิ่งยกกล่องไม้สีเขียวใบหนึ่งไปให้จางซานเฟิงไม่ใช่หรือ? ดูเหมือนว่าจะเป็นตราประทับอะไรสักอย่าง อีกอย่างตั้งแต่นครมังกรเฒ่ามาถึงท่าเรือหางผึ้ง เวลาปกติอาจารย์ตัดใจเอาเหล้าหมักกุ้ยฮวากับเหล้าเซียนบ่อน้ำมาดื่มทุกวันได้เสียที่ไหน?
ดูเหมือนว่ามีเพื่อนในยุทธภพจะไม่น่าสนใจสักเท่าไหร่ เพราะตั้งแต่ต้นจนจบก็มีแต่เรื่องเสียเงินทั้งนั้น
เฉินผิงอันยิ้มพลางส่ายหน้า “ท่านอาเคราดกของเจ้าก็แค่คิดถึงบ้านเท่านั้น วันหน้าพวกเราไปหาเขาได้ วันใดที่เจ้าออกมาท่องยุทธภพเพียงลำพังก็สามารถไปหาเขาได้เช่นกัน ถึงเวลานั้นเจ้าก็น่าจะดื่มเหล้าได้แล้ว จำไว้ว่าต้องพกเหล้าดีๆ ไปด้วย”
เผยเฉียนส่ายหน้า “ยุทธภพอันตราย เหล้าแพงเกินไป ข้าตัดสินใจว่าจะไม่ท่องยุทธภพอีกแล้ว”
เฉินผิงอันบิดหูนาง “อายุน้อยๆ ก็พูดกับข้าแล้วหรือว่ายุทธภพอันตราย?”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา!