จูเหลี่ยนตะลึงงัน จากนั้นก็คลี่ยิ้มมีเลศนัย โอ้โห นังหนูถ่านดำผู้นี้เอวแข็งขึ้นไม่น้อย (เปรียบเปรยว่ามีที่พึ่ง มีคนหนุนหลัง) เพียงแต่ว่าเมื่อจูเหลี่ยนลองมองดูอีกทีก็สังเกตเห็นว่าสีหน้าของเผยเฉียนผิดปกติ แตกต่างไปจากเดิม
เฉินผิงอันเองก็ประหลาดใจเล็กน้อย รู้ว่าจูเหลี่ยนไม่มีทางโกรธเคืองด้วยเรื่องเช่นนี้ เฉินผิงอันจึงไม่ได้คิดมากว่าเหตุใดจู่ๆ เผยเฉียนถึงโมโหขึ้นมากะทันหัน
แต่จูเหลี่ยนกลับอดไพล่นึกไปถึงเด็กหนุ่มเทพเซียนที่มีใฝแดงกลางหว่างคิ้วผู้นั้นไม่ได้ ก่อนจะประมือกันครั้งแรก ชุยตงซานพูดว่าหน้าตาเปื้อนยิ้ม แต่ในใจสกปรกโสมมนี้ของเจ้า ขัดหูขัดตาข้านัก พวกเรามาสู้กันสักตั้ง ข้าพูดได้ทำได้ มือและเท้าของข้าจะไม่ขยับ เชิญปล่อยหมัดปล่อยเท้าได้ตามสบาย หากข้าขมวดคิ้วสักครั้งก็ถือว่าข้าแพ้ สุดท้ายเขาก็ทำให้จูเหลี่ยนรู้ว่าอะไรที่เรียกว่าเทพเซียนมากสมบัติแห่งสำนักศึกษาต้าสุย ทำอย่างไรถึงช่วงชิงชื่อเสียงมาได้ในการต่อสู้เพียงครั้งเดียว จนกระทั่งได้ฉายาว่า ‘บรรพบุรุษที่ได้มาเปล่าๆ ของตระกูลไช่’
จูเหลี่ยนยิ้มกล่าว “นายน้อย ชุยตงซานศิษย์ของท่านคนนี้เป็นคนมหัศจรรย์อย่างแท้จริง มหัศจรรย์จนไร้คำบรรยาย”
เฉินผิงอันกล่าวอย่างจนใจ “หวานขมรับรู้ได้ด้วยตัวเอง วันหน้าหากมีโอกาส ข้าจะเล่าให้เจ้าฟังถึงบุญคุณความแค้นระหว่างเขากับข้า”
จูเหลี่ยนจากไปแล้ว แต่เผยเฉียนยังโมโหไม่หาย
เฉินผิงอันจึงถามด้วยรอยยิ้มว่า “ตอนกลางวันกินเผ็ดมากเกินไป ไฟโทสะก็เลยมีมาก?”
เผยเฉียนก้มหน้าลงต่ำ ไม่พูดไม่จา
เฉินผิงอันเพียงแค่คิดว่าเป็นอารมณ์โกรธของเด็กที่ไปเร็วมาเร็วราวกับสายลม จึงเริ่มอ่านตำราสำนักนิติธรรมเล่มนั้นต่ออีกครั้ง
เช้าตรู่วันที่สอง เฉินผิงอันสะพาย ‘เจี้ยนเซียน’ และหีบไม้ไผ่ เผยเฉียนห้อยห่อสัมภาระพาดบ่าเฉียงๆ ในมือถือไม้เท้าเดินป่า ตรงเอวห้อยเตาเจี่ยนชว่อ จูเหลี่ยน และสือโหรวพากันเดินทางไปที่เมืองหลวงแคว้นชิงหลวน แน่นอนว่ายังมีคนจิ๋วดอกบัวที่วิ่งตะบึงอยู่ใต้ดินอย่างอิสระเสรีด้วย
ยังคงเป็นการเดินทางไกลด้วยเท้าอย่างอัตคัดอยู่เหมือนเดิม และนี่ถือเป็นกฎเก่าแก่ที่คนในกลุ่มของเฉินผิงอันยอมรับได้โดยปริยายไปแล้ว
เผยเฉียนสวมมงกุฎดอกไม้ที่ถักมาจากกิ่งหลิว เล่าให้เฉินผิงอันฟังว่าชุยตงซานสอนนางใช้ไม้เท้าเดินป่าวาดวงกลมบนพื้น สามารถทำให้ภูตแห่งภูเขาและแม่น้ำ รวมทั้งผีร้ายทั้งหลายตกใจหนีไปเพียงแค่ได้เห็น เพียงแต่ว่าเรียนยากมากไปหน่อย จนถึงวันนี้นางก็ยังคลำไปไม่เจอแม้แต่ขอบของวิชาเซียนวิชานี้เลย เดิมทีคิดไว้ว่าหากเรียนได้สำเร็จวันไหนค่อยบอกกับอาจารย์ ภายหลังคิดแล้วกลับรู้สึกว่าหากนางฝึกไม่ได้ตลอดชีวิต นั่นไม่เท่ากับว่าต้องอดทนอดกลั้นเก็บเอาไว้ไม่พูดไปนานหลายสิบหรือเป็นร้อยปีเลยหรือ แบบนั้นก็น่าสงสารเกินไปแล้ว
เฉินผิงอันยิ้มฟังเผยเฉียนบ่นหงุงหงิง
ในบรรดาคนทั้งสี่ของภาพวาด ผีสาวสือโหรวไม่ชอบตาเฒ่าหลังค่อมบ้าตัณหาคนนี้ที่สุด
ตอนนี้นางกับจูเหลี่ยนกำลังเดินเคียงบ่ากันอยู่ด้านหลังคู่อาจารย์และศิษย์อย่างเฉินผิงอันและเผยเฉียน นี่จึงทำให้นางรู้สึกอึดอัดใจเป็นกำลัง
แต่ทุกครั้งที่นางจงใจชะลอฝีเท้า จูเหลี่ยนก็จะเดินช้าตามไปด้วย เขาไม่พูดไม่จาอะไร เอาแต่ยิ้มมอง ‘ตู้เม่า’ ที่อยู่ในภาพลักษณ์ของคนแก่
สือโหรวอดรู้สึกสะอิดสะเอียนไม่ได้ นางมักรู้สึกว่าสายตาของจูเหลี่ยนหวานเลี่ยนชวนอาเจียน โดยเฉพาะตอนที่เฉินผิงอันช่วยหักกิ่งหลิวให้เผยเฉียน เจ้าเฒ่าสารเลวจูเหลี่ยนผู้นี้ถึงขั้นฉวยโอกาสแอบจับไหล่ ‘ตู้เม่า’ ในขณะที่นางไม่ทันระวังตัว
สือโหรวตกใจสะดุ้งโหยง
ตอนนั้นจูเหลี่ยนยิ้มตาหยีพูดว่า “ไม่ทันระวังๆ ขออย่าได้ถือสา”
แม้ตอนนี้นางจะเป็นเจ้าของคราบร่างเซียน เพียงแต่ว่ายังไม่อยู่ในสภาวะที่ราบรื่นอย่างแท้จริง คล้ายคลึงกับพวกศาลเถื่อนในท้องถิ่นที่ยังไม่ได้รับการยอมรับจากราชสำนัก ดังนั้นต่อให้มีวิชาสะดวกสบายที่ชี้ตรงไปยังมหามรรคา สามารถเดินทางลัดที่ทำให้เซียนดินอ้าปากค้าง แต่ชุยตงซานช่วยชั่งน้ำหนักให้นางอยู่สองครั้ง ทักษะปลายแถวที่เป็นพรสวรรค์อันน้อยนิดของวัตถุหยินซึ่งนางเรียนรู้มาก่อนหน้านี้ ให้ไปสู้กับผู้ฝึกตนขอบเขตชมมหาสมุทรที่มีประสบการณ์โชกโชนยังไม่มีหวัง ต่อให้ชุยตงซานสอนวิชาบางอย่างและมอบยันต์คุ้มกันกายไว้ให้นางหลายชิ้น อย่างมากนางก็ได้แค่รับมือกับผู้ฝึกตนขอบเขตประตูมังกรเท่านั้น ประโยชน์อย่างเดียวของนางก็คือ ตอนที่ตกอยู่ในสภาวะคับขันอันตราย นางจะต้องอาศัยคราบร่างเซียนมาช่วยต้านทานกระบี่บิน ต้านรับสมบัติอาคมของเซียนดินแทนเฉินผิงอัน
ชุยตงซานก็เคยบอกนางเช่นกันว่า ตาแก่บ้าตัณหาที่ชอบอ่านนิยายบุรุษเก่งกาจกับโฉมสะคราญทำสงครามกันผู้นี้ ตอนนี้คือผู้ฝึกยุทธ์ขอบเขตเดินทางไกลแล้ว นางต้องระวังตัวให้มาก
ดังนั้นสือโหรวจึงจงใจพูดกับคนอื่นด้วยน้ำเสียงหนาทุ้ม และพยายามเปิดปากพูดให้น้อยที่สุด
สือโหรวคิดว่าตัวเองสามารถทนรับความทรมานทุกรูปแบบบนโลกมนุษย์ได้ เรือนกายถูกแร่เนื้อเถือหนังนับพันนับหมื่นครั้งก็ดี ตายไปแล้วจิตวิญญาณถูกเอาไปจุดเป็นตะเกียงก็ช่าง นางล้วนทนได้ มีเพียงสายตาเช่นนี้ของจูเหลี่ยนที่นางจนปัญญาจะรับมือ
จูเหลี่ยนพลันขยับเข้ามาใกล้ สือโหรวจึงรีบขยับออกห่างหลายก้าวทันใด
จูเหลี่ยนพูดกลั้วหัวเราะเบาๆ ว่า “ร่างกายนี้ของเจ้าข้าพอจะมองออก น่าจะไม่ใช่ร่างของสตรี แต่ถูกคนร่ายเวทอำพรางตาของตระกูลเซียนบังตาเอาไว้ เป็นร่างของบุรุษอย่างแท้จริง…”
สือโหรวพูดเสียงเย็น “ท่านจูช่างมีสายตาเฉียบแหลมนัก”
จูเหลี่ยนพูดต่อไปว่า “ถ้าอย่างนั้นขอถามได้ไหมว่าคุณหนูอายุเท่าไหร่?”
สือโหรวใจสั่น “เจ้ากำลังล้อเล่นอะไรอยู่?”
ฝีเท้าของจูเหลี่ยนไม่หยุดชะงัก เขาหันหน้ามายิ้มให้สือโหรว “ข้าจูเหลี่ยนมองคนมองที่ใจ หน้าตางดงามหรืออัปลักษณ์ อันที่จริงไม่ได้สำคัญขนาดนั้น”
สือโหรวใกล้บ้าเต็มทีแล้ว
สือโหรวเดินเร็วๆ ไปข้างหน้า คิดว่าจะไป ‘พึ่งพา’ เฉินผิงอัน
คราวนี้จูเหลี่ยนไม่ได้ตามไป เพียงยิ้มบางๆ พูดอยู่ด้านหลังสือโหรวว่า “เพียงแค่ดูท่วงท่าที่เผยออกมาตามธรรมชาติยามแม่นางก้าวเดิน ต่อให้จงใจปิดบังเอาไว้ ข้าก็ยังมองออกถึงกลิ่นอายที่คล้ายกิ่งหลิวโบกสะบัด ดังนั้นข้าแน่ใจเลยว่าตอนที่แม่นางยังมีชีวิตอยู่ต้องเป็นสาวงามคนหนึ่งอย่างแน่นอน!”
สือโหรวคลุ้มคลั่งแล้วจริงๆ
เฉินผิงอันได้แต่หันหน้ากลับมา พูดผดุงความเป็นธรรมว่า “พอได้แล้ว จูเหลี่ยนเจ้าเองก็สำรวมตนสักหน่อยเถอะ วันหน้าห้ามเอาเรื่องนี้มาหยอกเย้าสือโหรวอีก”
จูเหลี่ยนพยักหน้ารับทันที “บ่าวเฒ่าจดจำเอาไว้แล้ว”
เผยเฉียนมึนงงเล็กน้อย อาจารย์ก็เรียนรู้วิชาเปลี่ยนหน้าไปจากตนเหมือนกันหรือ เมื่อครู่ก่อนจะหันหน้ากลับไป บนใบหน้ายังมีรอยยิ้มอยู่เลยนะ เหตุใดพอหันกลับไป สีหน้าถึงเปลี่ยนมาเป็นเครียดขรึมซะแล้วเล่า
เฉินผิงอันหันหน้ากลับมาขยิบตาให้เผยเฉียน
เผยเฉียนเข้าใจความนัยทางสายตาที่เขาบอกกับตนได้ทันที
เผยเฉียนแอบหัวเราะ พวกเราสองอาจารย์และศิษย์มีจิตเชื่อมโยงถึงกันจริงๆ
……
พื้นที่มงคลดอกบัว
คนมีใจในเมืองหลวงแคว้นหนันเยวี่ยนต่างก็สังเกตเห็นว่าบ้านที่อยู่ใกล้กับตรอกจ้วงหยวนหลังนั้นมีคนหนุ่มคนหนึ่งที่ดูแค่หน้าตาและบุคลิกลักษณะก็สามารถตัดสินได้ทันทีว่าเป็นเจ๋อเซียนมาอยู่อาศัย
เขาเก็บตัวเงียบแทบไม่เคยออกจากบ้าน ทุกครั้งที่โผล่หน้าออกมาข้างนอก หากไม่ถือพัดพับไว้ในมือก็ต้องหิ้วกาเหล้าไว้หนึ่งใบ เดินทอดน่องเตร็ดเตร่ แต่จะไม่เดินไปไกลนัก อีกทั้งเส้นทางการเดินยังกำหนดไว้เรียบร้อยแล้ว เดินกลับไปกลับมาอยู่แค่ถนนไม่กี่เส้น ตรอกไม่กี่ตรอก
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา!