กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา! นิยาย บท 392

เฉินผิงอันคิดตามแล้วก็พยักหน้ารับ “ถ้าอย่างนั้นพรุ่งนี้ข้าจะลองถามสือโหรวดู เวลาคนอื่นพูดจริงหรือโกหก ข้ายังพอจะวิเคราะห์ออก”

จูเหลี่ยนส่ายหน้ายิ้มๆ “เหตุใดต้องรอพรุ่งนี้ ไม่ถามตอนนี้เลยเล่า? นายน้อยคือเจ้านายของนาง อีกทั้งยังมีพระคุณยิ่งใหญ่ แค่ถามไม่กี่ประโยคจะไม่ได้เชียวหรือ? หากใช้แค่สายตาของบ่าวเฒ่ามองสือโหรว แน่นอนว่าต้องเป็นสายตาของบุรุษลุ่มหลงในรักมองสาวงาม ย่อมรักหยกถนอมบุปผา พูดหนักไปก็เป็นการล่วงเกิน แต่คุณชายท่านไม่ควรมองนางว่าเป็นสตรีบอบบางอ่อนแอถึงเพียงนั้น การกระทำของสือโหรวนั่นต้องเรียกว่าสามวันไม่ตีขึ้นไปรื้อกระเบื้องหลังคา ต้องรู้ว่าคนไร้สติปัญญาบนโลกส่วนใหญ่ล้วนเป็นพวกหวาดเกรงพระเดชไม่เกรงพระคุณ ห่างชั้นจากเผยเฉียนลูกศิษย์ของท่านมากนัก”

เฉินผิงอันหัวเราะอย่างอดไม่อยู่ “พระอาทิตย์ขึ้นทางทิศตะวันตกแล้ว เจ้าถึงขนาดพูดจาดีๆ ถึงเผยเฉียน”

จูเหลี่ยนทอดถอนใจ “ร้ายก็บริสุทธิ์ ดีก็บริสุทธิ์ เด็กน้อยที่น่าสนใจแบบนี้ รังเกียจไม่ลงจริงๆ”

ประตูห้องหลักถูกเปิดออก สือโหรวเผยกาย

นางมาหยุดอยู่ข้างกายคนทั้งสอง เป็นฝ่ายเปิดปากพูดว่า “ท่านชุยสอนวิชาอภินิหารที่สามารถออกคำสั่งต่อเทพแห่งผืนดินให้ข้าวิชาหนึ่งจริงๆ เพียงแต่ข้ากังวลว่าจะเกิดความเคลื่อนไหวรุนแรงเกินไป จะทำให้ปีศาจจิ้งจอกตนนั้นเกิดกริ่งเกรงจนคิดมีใจสังหารพวกเราหรือไม่?”

เฉินผิงอันยิ้มถาม “เหตุผลน่าเชื่อถือ แต่ข้าอยากถามเจ้าสองเรื่องเสียก่อน ข้อแรก เจ้ากังวลว่าใครจะถูกปีศาจจิ้งจอกหมายหัวมากกว่ากัน คือตัวเจ้าสือโหรวเอง หรือว่าพวกเราสามคน ข้อสอง ในเมื่อรู้วิชาข้างเคียงที่สามารถออกคำสั่งเทพแห่งผืนดินได้ จะทำหรือไม่ทำก็อีกเรื่อง แต่เหตุใดไม่พูดถึงเลย?”

จูเหลี่ยนยิ้มตาหยีพูดกระพือลมให้ไฟลุกโหมอยู่ด้านข้าง “ทิ่มแทงใจดำ”

สายตาของสือโหรวหลุกหลิกไม่อยู่นิ่ง

เฉินผิงอันโบกมือ “เจ้าและข้าต่างก็รู้กันดีอยู่แก่ใจ ห้ามให้มีครั้งหน้า หากยังมีอีก ข้าจะเชิญเจ้าออกจากร่างนี้แล้วกลับเข้าไปอยู่ในยันต์ใหม่อีกครั้ง เมื่อกำหนดเวลาหกสิบปีมาถึง เจ้าก็ยังคืนสู่อิสรภาพได้ดังเดิม”

สีหน้าของสือโหรวเย็นชา

จูเหลี่ยนหัวเราะคิกคักหยิบเอาถุงผ้าแพรใบหนึ่งออกมาจากชายแขนเสื้อ พอเปิดออกก็ดึงกระดาษแผ่นหนึ่งที่พับเป็นรูปม้าออกมา “ก่อนท่านชุยจะจากไปได้มอบของสิ่งนี้ให้แก่ข้า บอกว่าวันใดที่อาจารย์ของเขาโมโหเพราะสือโหรวให้เอาสิ่งนี้ออกมา ให้เขาช่วยพูดดีๆ แทนสือโหรว ใช่แล้ว แม่นางสือโหรว ท่านชุยกำชับข้าว่า ควรเอาให้เจ้าดูก่อน ส่วนจะพูดเนื้อหาที่อยู่ข้างในออกมาหรือไม่ แม่นางสือโหรวต้องตัดสินใจเอาเอง”

จูเหลี่ยนทำเหมือนนิ่งดูดาย แต่ในใจกลับบังเกิดจิตสังหารขึ้นมาแล้ว อีกทั้งยังไม่ปิดบังสือโหรวแม้แต่น้อย

ต่อให้วิญญูชนที่มีพระคุณจะไม่ต้องการการตอบแทน แต่ก็ยากที่จะรับรองได้ว่าจะได้ผลลัพธ์ที่ดี เพราะคนถ่อยมักเห็นข้าวหนึ่งตวงเป็นบุญคุณ ข้าวหนึ่งหาบเป็นความแค้นเสมอ

ผีสาวที่ได้โชควาสนายิ่งใหญ่ตนนี้อาจไม่ได้มีจิตใจเลวร้ายเสมอไป ไม่แน่ว่าอาจจะเป็นวัตถุหยินที่มีสันดานไม่เลว เพียงแต่ว่าในใจคนมีจุดที่เล็กและละเอียดอ่อนดุจเมล็ดงาอยู่มากมาย หากถูกวัตถุนอกกายขยายใหญ่ออกไปอย่างไร้ที่สิ้นสุด ข้อบกพร่องบางอย่างก็อาจถูกขยายจนใหญ่เท่ากระด้ง

คุณธรรมไม่เหมาะกับตำแหน่ง ก็คือต้นตอหายนะที่ทำให้หอสูงใหญ่ล้มครืนลงได้เพียงชั่วข้ามคืน

จิตใจของสือโหรวกระเพื่อมขึ้นลงไม่หยุดนิ่ง พอคลี่ม้ากระดาษแผ่นนั้นออก ร่างของนางก็สั่นสะท้านน้อยๆ

สือโหรวกำหมัดกุมกระดาษที่อยู่ในฝ่ามือแน่น พูดกับเฉินผิงอันเสียงสั่นว่า “บ่าวผิดไปแล้ว บ่าวจะเรียกเทพแห่งผืนดินออกมาให้นายท่านสอบถามเดี๋ยวนี้ดีหรือไม่?”

สือโหรวเปลี่ยนท่าทีใหม่อย่างแข็งทื่อ เฉินผิงอันเองก็ไม่ได้เก็บมาเป็นอารมณ์ เพียงพยักหน้ากล่าวว่า “ปีศาจจิ้งจอกเคยมาที่นี่แล้ว เขาเป็นฝ่ายมาท้าทายก่อน เจ้าเรียกเทพแห่งผืนดินออกมาก็คงไม่มีปัญหาอะไร”

สือโหรวเก็บกระดาษแผ่นนั้นไว้ในชายแขนเสื้อ จากนั้นฝ่าเท้าของนางก็ก้าวว่องไวดุจมีพายุลมกรด มือสองข้างทำมุทรา ระหว่างที่ก้าวเดิน หว่างคิ้วและใต้ฝ่าเท้าของร่างเซียนตู้เม่าก็มีแสงสีทองอร่ามเส้นหนึ่งและปราณอึมครึมดุร้ายเส้นหนึ่งพุ่งออกมา สือโหรวท่องประโยคสุดท้ายในใจว่า ‘ปากเป่าหัวไม้เท้าแทนเสียงฟ้าคำราม หนึ่งเท้ากระทืบพื้นดินกระเทือนรากห้าขุนเขา’ สุดท้ายก็กระทืบเท้าหนักๆ หนึ่งที บนพื้นดินของเรือนหลังเล็กมีภาพยันต์โบราณแผนหนึ่งผุดวาบ

สือโหรวสูดลมหายใจเข้าลึกหนึ่งครั้ง ถอยหลังไปหลายก้าว

จากนั้นพื้นดินที่นางยืนอยู่ก่อนหน้านี้ก็มีริ้วน้ำกระเพื่อมขึ้นลง ตามมาด้วยหญิงชราอาภรณ์ขาดวิ่นคนหนึ่งที่กระโดดพรวดออกมาแล้วกลิ้งหลุนๆ อยู่บนพื้นดิน เห็นเพียงว่าหญิงชราสวมมงกุฎกิ่งหลิวสีเขียวมรกตอยู่บนศีรษะ ตรงลำคอ ข้อมือและข้อเท้าทั้งสี่จุดถูกพันธนาการไว้ด้วยเชือกห้าเส้นสีดำ รัดแน่นจนเกิดเป็นร่องลึกเห็นชัด

หญิงชราลุกขึ้นยืนไม่ไหว นางนอนขดตัวอยู่บนพื้น เงยหน้ามองสือโหรวที่ลากนางออกมาจากกรงขังแล้วขอร้องอย่างยากลำบากว่า “ขอเซียนซือผู้มีวิชาอภินิหารยิ่งใหญ่ท่านนี้ช่วยสวนสิงโตด้วย!”

สือโหรวพูดด้วยสีหน้าเย็นชา “เจ้ากราบไหว้พระโพธิสัตว์ผิดองค์แล้ว”

หญิงชราที่สวมมงกุฎกิ่งหลิวหันลำคอ แค่การกระทำเล็กๆ นี้ เชือกตรงลำคอก็รัดแน่นขึ้นอีกหลายส่วน แต่นางกลับไม่สนใจแม้แต่น้อย สุดท้ายหันไปมองคนหนุ่มชุดขาวที่สะพายกระบี่ “เซียนซือน้อย ขอร้องท่านรีบไปช่วยหลิ่วชิงชิงบุตรสาวคนเล็กของหลิ่วจิ้งถิงด้วยเถอะ ตอนนี้นางถูกปีศาจจิ้งจอกตนนั้นร่ายเวทปีศาจล่อลวงจิตใจ นางไม่ได้รักปีศาจจิ้งจอกตนนั้นจริงๆ! ปีศาจใหญ่ตนนี้ไม่เพียงแต่ตบะสูงส่ง วิธีการที่ใช้ยังโหดเหี้ยมอำมหิตอย่างถึงที่สุด คิดจะดูดซับชะตาบุ๋นควันธูปทั้งหมดของสกุลหลิ่วแล้วถ่ายโอนมาที่ร่างของหลิ่วชิงชิง เดิมทีนี่ก็เป็นการกระทำที่ไม่สมเหตุสมผลอยู่แล้ว หลิ่วชิงชิงมีร่างเป็นมนุษย์เด็กสาวคนหนึ่งจะสามารถแบกรับสิ่งเหล่านี้ไหวได้อย่างไร…”

หญิงชราถูกเชือกสีดำที่รัดรึงรัดจนพูดอะไรไม่ออก เพียงแต่ว่าหลังจากที่ใบหลิวสีเขียวมรกตใบหนึ่งบนมงกุฎเหนือศีรษะแห้งโรยรา สีหน้าของหญิงชราก็ดีขึ้นเล็กน้อย

เฉินผิงอันยังคงไม่ได้รีบร้อนทำลาย ‘เชือกพันธนาการปีศาจ’ เส้นนั้น เพียงถามว่า “แต่เท่าที่ข้ารู้มา สายของปีศาจจิ้งจอกนั้นเคารพนับถือคำว่ารักมากที่สุด มหามรรคาของพวกเขาก็หนีไม่พ้นคำว่ารักนี้ ในเมื่อปีศาจจิ้งจอกตนนั้นเป็นเซียนดินแล้ว ตามหลักก็ยิ่งไม่ควรทำอะไรตามแต่ใจตัวเอง นี่จะอธิบายอย่างไร?”

หญิงชราที่เป็นเทพแห่งผืนดินของที่แห่งนี้ส่ายหน้า “ไม่กล้าปิดบังเซียนซือ ข้าเองก็ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไม คิดจนหัวแทบแตกก็ยังไม่เข้าใจ แต่การเปลี่ยนแปลงของลมและน้ำในสวนสิงโตไม่ใช่เรื่องโกหก! ลูกหลานสกุลหลิ่วสายนี้ บุตรชายคนรองของหลิ่วจิ้งถิงคือคนที่เดิมทีมีหวังว่าจะสร้างความรุ่งโรจน์ให้กับวงศ์ตระกูลมากที่สุด แต่ตอนนี้เส้นทางในอนาคตอันยาวไกลของเขากลับขาดลงแล้ว อีกทั้งร่มเงาบรรพบุรุษและผลบุญในปรโลกของสกุลหลิ่วยังมากมหาศาล ยิ่งมีบรรพบุรุษที่โชคดีได้รับตำแหน่งงานอยู่ในยมโลก ไม่ว่าอย่างไรหลิ่วชิงซานก็ไม่ควรได้รับหายนะที่มาเยือนอย่างไม่รู้เนื้อรู้ตัวนี้…”

หญิงชราพูดไม่ออกอีกครั้ง จากนั้นใบหลิวอีกใบก็แห้งกรอบ ก่อนจะสลายหายไปตามลม

เฉินผิงอันหันมามองจูเหลี่ยน ฝ่ายหลังผงกศีรษะรับเบาๆ บอกให้รู้ว่าหญิงชราไม่น่าจะโกหก

เขาตบน้ำเต้าเลี้ยงกระบี่หนึ่งครั้ง แต่กลับมีเพียงกระบี่บินชูอีที่พุ่งออกมาดุจสายรุ้งสีขาว ไล่ฟันเชือกพันธนาการปีศาจห้าเส้นบนร่างของหญิงชราให้ขาดออก

แท่นสังหารมังกรสามก้อนที่วิญญาณกระบี่ทิ้งไว้ให้ สองก้อนถูกยกให้บรรพบุรุษน้อยอย่างชูอีและสืออู่กินจนเต็มอิ่ม สุดท้ายพอเหลือเป็นเพียงหินลับกระบี่แผ่นบางๆ ถึงได้ขายให้กับสุยโย่วเปียน

ตอนนี้ระดับความคมของกระบี่บินทั้งสองเล่มเหนือกว่าในอดีตไปไกลโข

หญิงชราเหมือนได้รับอภัยโทษ ลุกขึ้นยืนตัวสั่นสะท้าน พูดอย่างซาบซึ้งใจว่า “ก่อนหน้านี้เป็นหญิงแก่อย่างข้าที่หูตาฟ้าฟางไปเอง ขอคารวะท่านผู้อาวุโสเซียนกระบี่ไว้ ณ ที่นี้!”

เฉินผิงอันส่ายหน้า “ไม่ต้องเกรงใจกันถึงเพียงนี้”

หญิงชราพลันทรุดลงนั่งคุกเข่า พูดเสียงสะอื้นไม่เป็นคำ “ขอผู้อาวุโสเซียนกระบี่โปรดช่วยผดุงคุณธรรมแทนสวรรค์เสียโดยเร็ว ในเมื่อผู้อาวุโสสามารถช่วยหญิงแก่อย่างข้าได้ มีปรมาจารย์ใหญ่เป็นผู้ติดตาม อีกทั้งหนึ่งกระบี่ของเซียนกระบี่ยังสามารถทำลายหมื่นอาคม ช่วยเหลือสวนสิงโตก็เป็นเพียงแค่การกระทำง่ายๆ เหมือนยกฝ่ามือ…”

เฉินผิงอันกำลังจะอ้าปากพูด

หญิงชรากลับเงยหน้าขึ้น จ้องหน้าเขาเขม็ง สีหน้าเศร้าสร้อยทุกข์ระทม “คนสกุลหลิ่วทั้งเจ็ดรุ่นล้วนซื่อสัตย์จงรักภักดี หรือผู้อาวุโสจะทนมองตระกูลปัญญาชนผู้มีความรู้เช่นนี้ย่อยยับในชั่วข้ามคืนคาตาตัวเองได้ลงคอ ท่านจะทนปล่อยให้ปีศาจใหญ่ตนนั้นทำตัวกำเริบเสิบสานไม่เห็นกฎเกณฑ์อยู่ในสายตาได้หรือ?!”

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา!