กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา! นิยาย บท 393

นี่เป็นครั้งแรกที่เฉินผิงอันเดินขึ้นหอซิ่วโหลวซึ่งเป็นห้องหอของสตรี

เขาบอกให้จูเหลี่ยนและเผยเฉียนรออยู่ข้างนอก ส่วนเขาพาแค่สือโหรวเดินเข้าไปข้างใน

ก่อนจะเข้าไป เฉินผิงอันเคาะประตูบอกสาเหตุที่มาเยือนก่อน บอกว่ารองเจ้ากรมผู้เฒ่าหลิ่วต้องการให้พวกเขามาดูห้องของคุณหนูหลิ่วว่ามีปีศาจจิ้งจอกซ่อนตัวอยู่หรือไม่

ครู่หนึ่งต่อมา หลิ่วชิงชิงที่แต่งตัวประทินโฉมเสร็จเรียบร้อยแล้วก็บอกให้สาวใช้จ้าวหยาไปเปิดประตู

เฉินผิงอันรู้จักสาวใช้คนนี้ นางคือบุตรสาวของพ่อบ้านผู้เฒ่า เป็นเด็กสาวที่มีนิสัยนุ่มนวลอ่อนโยนคนหนึ่ง ทว่าความสนใจส่วนใหญ่ของเขายังคงอยู่ที่ตัวของหลิ่วชิงชิงที่เล่าลือกันว่าถูกปีศาจจิ้งจอกล่อลวงจิตใจมากกว่า

ครั้งแรกที่เห็นหลิ่วชิงชิง เฉินผิงอันรู้สึกว่าข่าวลืออาจจะเกิดจากการฟังความข้างเดียวมากเกินไป หว่างคิ้วของคนแสดงออกให้เห็นถึงสภาพจิตใจ หากคิดจะแสร้งทำเป็นหม่นหมองไร้ประกายนั้นง่ายมาก แต่หากคิดจะแสร้งทำเป็นมีชีวิตชีวากลับยากยิ่ง

เฉินผิงอันทั้งโล่งใจทั้งเกิดความกังวลอย่างใหม่ ด้วยภารกิจเร่งด่วนในเวลานี้อาจจะคลี่คลายได้ง่ายกว่าที่คิดไว้ เพียงแต่ว่าใจคนเหมือนกระจก แตกง่าย แต่กลับซ่อมแซมแก้ไขได้ยาก

ทว่านั่นก็เป็นโชคชะตาจากผลกรรมของเด็กสาวผู้นี้เอง เฉินผิงอันช่วยคนได้ แต่ไม่อาจซ่อมแซมสภาพจิตใจของสตรีที่พบกันเพียงผิวเผินได้ และเขาก็ไม่มีทางจะทำ

แม้ว่าหลิ่วชิงชิงจะเป็นคุณหนูของตระกูลใหญ่ที่พันธนาการในครอบครัวมีไม่มาก จึงเคยเห็นบุรุษรูปงามมากความสามารถของแคว้นชิงหลวนมามากมาย ด้านในหอเรือนยังมีกรงหลวนที่เอาไว้เลี้ยงภูติประหลาดอีกหนึ่งใบ แต่สำหรับเซียนซือในทำเนียบวงศ์ตระกูลและผู้ฝึกตนบนภูเขาที่แท้จริง นางกลับยังรู้สึกสนใจใคร่รู้อยู่มาก ดังนั้นเมื่อนางเห็นคนหนุ่มที่ไม่ถือว่าหล่อเหลาสักเท่าไหร่ แต่กลับมีลักษณะท่าทางที่อบอุ่นอ่อนโยน ปมในใจก็ลดน้อยลงไปมาก ถึงอย่างไรที่นี่ก็เป็นห้องหอของสตรี การที่คนนอกเหยียบย่างเข้ามาทำให้หลิ่วชิงชิงอดรู้สึกอึดอัดใจไม่ได้ หากอีกฝ่ายเป็นผู้ฝึกยุทธ์หยาบกระด้างที่รู้จักแต่การเข่นฆ่า หรือเป็นพวกเซียนซือที่มีจิตใจคิดคด นางจะทำอย่างไร?

เฉินผิงอันกุมหมัดขออภัย “พวกเราทำเช่นนี้ไม่ถูกต้องตามหลักมารยาท แต่รองเจ้ากรมผู้เฒ่าหลิ่วและเทพแห่งผืนดินของสวนสิงโตเป็นห่วงสุขภาพร่างกายของคุณหนูหลิ่ว หวังว่าคุณหนูหลิ่วจะให้อภัย ข้าแซ่เฉิน ผู้ติดตามแซ่สือ”

หลิ่วชิงชิงถึงได้มองเห็นผู้เฒ่าที่ยืนอยู่ด้านหลังเซียนซือหนุ่มชุดขาวสะพายกระบี่ เขามีสายตาเย็นชาเฉยเมย นางเค้นรอยยิ้มส่งไปให้ “เฉินเซียนซือและผู้อาวุโสสือมาเพื่อช่วยเหลือข้า ไม่จำเป็นต้องยึดติดในเรื่องเล็กๆ น้อยๆ เชิญพวกท่านค้นได้ตามสบาย”

สาวใช้จ้าวหยารู้สึกขับข้องใจเล็กน้อย คุณหนูก็จริงๆ เลย คนกลุ่มนี้ผลีผลามมาเยี่ยมเยือน ความคิดแรกของคุณหนูกลับกลายเป็นว่าในห้องหอมีบุรุษคนอื่นเข้ามา หากเด็กหนุ่มชุดดำผู้นั้นรู้จะไม่ชอบใจหรือไม่

สำหรับเด็กหนุ่มหล่อเหลาที่จำแลงร่างมาจากปีศาจจิ้งจอกตนนั้น ช่วงแรกเริ่มสุดแน่นอนว่าจ้าวหยาต้องหวาดเกรงเขาเป็นอย่างมาก ครั้งแรกที่เจอกัน นางตกใจกลัวถึงกับรีบหยิบกรรไกรขึ้นมาเตรียมจะสู้ตายกับอันธพาลที่บุกเข้ามาในห้องหอผู้นั้น ผลกลับกลายเป็นว่าถูกคุณหนูห้ามปรามเอาไว้ และเมื่อผ่านการอยู่ร่วมกันในช่วงเวลาที่ผ่านมา จ้าวหยาพยายามเกลี้ยกล่อมคุณหนูอยู่หลายครั้งแต่ก็ไม่ได้ผล นางจึงได้แต่มองดูคุณหนูทรุดโทรมผ่ายผอมลงไปทุกวัน จำต้องข่มกลั้นความเศร้าและความเจ็บแค้นในใจ พยายามปรนนิบัติคุณหนูให้กินอาหารที่ดีที่สุด

เฉินผิงอันหยิบยันต์ปราณหยางส่องไฟขึ้นมาหนึ่งแผ่น ยันต์พลันติดไฟลุกไหม้ เพียงแต่ว่าสะเก็ดไฟไม่ขยายใหญ่

เห็นได้ชัดว่าปีศาจจิ้งจอกเคยมาเยือนที่นี่จริง เฉินผิงอันคีบยันต์พลางเดินไปทั่วทุกมุมในหอเรือนอย่างช้าๆ พบว่าไฟบนกระดาษยันต์ลุกไหม้เร็วเป็นพิเศษตรงสองตำแหน่งอย่างโต๊ะตั้งคันฉ่องที่ทำจากไม้หวงฮวาหลีแกะสลักรูปนกกับบุปผาและตรงเตียงนอน

เฉินผิงอันมีสีหน้าเฉยเมยอยู่ตลอดเวลา

หลิ่วชิงชิงและจ้าวหยาต่างก็ไม่ใช่ผู้ฝึกตน มองไม่ออกว่าความเร็วความช้าในการเผาไหม้ของยันต์มีความหมายว่าอะไร และความต่างที่เกิดขึ้นระหว่างนี้ ด้วยสายตาของพวกนางก็ไม่แน่เสมอไปว่าจะมองเห็น

ส่วนสือโหรวกลับแค่นเสียงหัวเราะหยันอยู่ในใจ แอบนินทาเด็กสาวหลิ่วชิงชิงที่มองดูเหมือนเรียบร้อยอ่อนหวานผู้นั้นว่าเป็นคุณหนูที่เกิดจากตระกูลผู้ดีแล้วอย่างไร ก็ยังหนีไม่พ้นสันดานหญิงหัวขโมยชายโสเภณี (เป็นคำด่าว่าที่แสดงให้เห็นถึงจิตใจของคนที่วิปริตบิดเบี้ยว) อยู่ดีไม่ใช่หรือ

เฉินผิงอันพลันนึกถึงปัญหายุ่งยากข้อหนึ่งขึ้นมาได้ ตนมองสือโหรวเป็นผีสาวโครงกระดูกที่ถูกกำราบมาตลอดเวลา ต่อให้จิตวิญญาณของนางถูกย้ายเข้ามาในคราบร่างเซียนแล้ว เฉินผิงอันก็ยังเคยชินที่จะมองนางเป็นสตรี หากปีศาจตนนั้นใช้วิธีการลึกลับบางอย่างที่เกี่ยวพันกับการกักขังดวงวิญญาณ ฟูมฟักเมล็ดพันธ์สิ่งชั่วร้ายขึ้นมาในช่องโพรงลมปราณ ยกตัวอย่างเช่นในช่องโพรงหัวใจของฮูหยินเจ้าปราสาทอินทรีบินที่มีทารกผีก่อกำเนิด เฉินผิงอันไม่เชี่ยวชาญการทำลายอาคมประเภทนี้ เดิมทีสือโหรวก็เป็นผี อีกทั้งยังอยู่ในขั้นตอนของการหล่อหลอมคราบร่างเซียนเหริน บวกกับที่ชุยตงซานถ่ายทอดวิชาให้อย่างลับๆ สือโหรวจึงคุ้นเคยกับเส้นทางที่เสี่ยงอันตรายนี้เป็นอย่างดี อีกทั้งลางสังหรณ์ยังเฉียบไวมากยิ่งกว่า

ทว่าทุกวันนี้สือโหรวเดินอยู่ในโลกคนเป็นด้วยเนื้อหนังมังสาของ ‘ตู้เม่า’ นี่จึงเป็นปัญหาเล็กน้อย

หากหลิ่วชิงชิงดึงดันไม่ยอมให้สือโหรวแตะต้องร่างกาย ให้ตายก็ไม่ยอมให้สือโหรวช่วยตรวจสอบชีพจร ร่ำร้องโวยวายว่าจะฆ่าตัวตาย แบบนั้นจะยิ่งยุ่งยาก

เฉินผิงอันคีบยันต์เดินมาหยุดอยู่ข้างกายจ้าวหยา ยันต์ไม่มีความผิดปกติใดๆ ยังคงเผาไหม้อย่างเชื่องช้าอยู่เหมือนเดิม จ้าวหยารู้สึกว่ามหัศจรรย์ยิ่ง หลังจากสอบถามและได้รับคำอนุญาตจากเฉินผิงอันแล้ว นางยังยื่นมือไปใกล้แผ่นยันต์สีเหลือง พบว่าไม่มีความรู้สึกร้อนลวกใดๆ เฉินผิงอันที่คลี่ยิ้มบางๆ จึงมาหยุดอยู่ที่ข้างกายหลิ่วชิงชิง ยันต์เกือบครึ่งแผ่นซึ่งเหลืออยู่อีกไม่มากพลันสาดประกายไฟลูกใหญ่เท่าฝ่ามือแล้วเผาไหม้ตัวเองจนหมดสิ้นในเสี้ยววินาที

เฉินผิงอันเอ่ยถาม “คุณหนูหลิ่ว เด็กหนุ่มคนนั้นเคยมอบของแทนใจให้เจ้าหรือไม่? คุณหนูหลิ่วพกไว้ติดตัวโดยไม่ได้ตั้งใจหรือเปล่า?”

คำพูดประโยคนี้พูดอย่างคลุมเครือ อีกทั้งยังไม่ทำร้ายใจคนฟัง

หลิ่วชิงชิงทำท่าจะพูดแต่ก็ไม่ได้พูด

จ้าวหยาเอ่ยขึ้นเบาๆ ว่า “คุณหนู นี่มันเวลาอะไรแล้ว”

เห็นสายตาน่าสงสารที่เต็มไปด้วยแวววิงวอนจากจ้าวหยา หลิ่วชิงชิงก็ทำเพียงแค่หันตัวกลับไป สุดท้ายหยิบถุงหอมที่ปักเป็นรูปยวนยางคู่หนึ่งด้วยเส้นด้ายหลากสีซึ่งห้อยอยู่ในสาบเสื้อตรงหน้าอกออกมา

เฉินผิงอันสอบถาม “ส่งมาให้ข้าดูหน่อยได้ไหม?”

หลิ่วชิงชิงส่ายหน้า ไม่ยอมตอบรับ

จ้าวหยาร้อนใจแทบตายอยู่แล้ว

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา!