พ้นออกมาจากถนนเส้นเล็กของสวนสิงโต เดินผ่านกอต้นอ้อต้นกกเขียวขจีที่ขึ้นริมทะเลสาบขนาดเล็ก เลี้ยวโค้งอีกทีก็สามารถแยกเข้าไปยังทางหลวงของเมืองหลวงแคว้นชิงหลวนได้แล้ว ผลคือพออ้อมออกมาจากทางเล็กที่ขึ้นเต็มไปด้วยพงต้นกกต้นอ้อก็เห็นคนผู้หนึ่งนั่งโดยสารรถมาท่าทางเร่งรีบ เขาเพิ่งจะออกจากถนนทางหลวงเข้ามาในทางเส้นเล็ก เพราะถนนคับแคบ พื้นผิวถนนก็ขรุขระ รถเทียมวัวกระเด้งกระดอนหนึ่งที บุรุษชุดเขียวที่นั่งอยู่ด้านหลังก็เกือบจะถูกเหวี่ยงออกมา รถที่โยกคลอนแทบจะทำให้กระดูกเคลื่อน ส่วนสารถีก็คือเด็กหนุ่มลักษณะเหมือนเด็กรับใช้คนหนึ่ง คงเป็นเพราะนายท่านของตนเร่งรัดมาตลอดทาง เดิมทีนิสัยและวัยของเขาก็อยู่ในช่วงใจร้อนอยู่แล้ว บวกกับที่ทักษะในการขับรถเทียมวัวไม่เชี่ยวชาญ สี่ขาของวัวจึงควบตะบึงพุ่งทะเล่อทะล่าเข้ามาในทางเล็กเส้นนี้ คิดไม่ถึงว่าสุดปลายทางของทางเล็กที่เดิมควรมีเพียงพงต้นกกต้นอ้อของสวนสิงโตจะมีคนกลุ่มหนึ่งโผล่ออกมา แถมคนที่เดินนำหน้ายังเป็นแม่นางน้อยที่ในมือถือไม้เท้าเดินกระโดดโลดเต้นอีกด้วย หากชนเข้าจะไม่มีคนตายหรอกหรือ?
เด็กหนุ่มที่เป็นเด็กรับใช้ตระหนกลน บุรุษที่สวมชุดเขียวก็ยิ่งร้อนใจ คนหนึ่งมือไม้พันกันเป็นพัลวัน อีกคนหนึ่งร้องเตือนเสียงดัง ดังนั้นเผยเฉียนจึงเบิกตากว้างมองวัวแก่ลากรถพาคนโง่สองคนส่ายไปส่ายมา ก่อนจะพุ่งพรวดเข้าไปในทะเลสาบหลังพงต้นกกต้นอ้อ
อันที่จริงเผยเฉียนเบี่ยงตัวหลบพวกเขาตั้งนานแล้ว นางมายืนอยู่กลางพงต้นกกต้นอ้อกอใหญ่ ต่อให้รถเทียมวัวจะพุ่งตรงมาข้างหน้าก็ไม่เป็นไร ไม่มีทางชนนางอย่างแน่นอน
อะไรกัน เช้าตรู่ขนาดนี้ก็มีคนนึกอยากอาบน้ำแล้วหรือ? หรือว่าแท้จริงแล้วนั่นคือเทพเซียนคู่หนึ่ง วัวตัวนั้นก็สามารถลากรถเดินบนน้ำได้ เมื่อทำเช่นนั้นจะมีกลิ่นอายแห่งเซียนมากเป็นพิเศษ? ก่อนหน้านี้นางก็เพิ่งได้ขี่วัวเหลืองที่เป็นเผ่าพันธุ์ของวัวดินนี่นะ มันมหัศจรรย์มาก ขึ้นเขาลงน้ำก็ล้วนมั่นคงปลอดภัย
ทว่าภาพที่เห็นตรงหน้าเหมือนจะไม่ใช่แบบนั้น หนึ่งคนโตหนึ่งเด็กร้องโวยวายดังระงม จากนั้นเสียงตูมก็ดังขึ้น สะเก็ดน้ำแตกกระจาย แล้วก็มองไม่เห็นเงาพวกเขาอีก
เผยเฉียนขยับเท้ามองไปตามทางเส้นเล็กที่รถเทียมวัวคันนั้นบดพงต้นกกต้นอ้อให้ราบไปเป็นทาง รถทั้งคันพุ่งลงน้ำไปทั้งอย่างนั้น
เผยเฉียนจับคางจมสู่ภวังค์ความคิด ได้ยินว่าขอแค่เทพเซียนบนภูเขาพกไข่มุกหลบน้ำแหวกว่ายลงไปยังหุบเหวลึกใต้น้ำเพื่อจับเจียวจับมังกรก็ล้วนเหมือนเดินอยู่บนพื้นที่ราบ
จูเหลี่ยนและสือโหรวต่างพากันพุ่งตัวไปช่วยทั้งคนและวัว
เฉินผิงอันดึงหูเผยเฉียน “บอกเจ้าแล้วไงว่าให้เดินดูทางด้วย”
เผยเฉียนเขย่งปลายเท้า ร้องวิงวอนเสียงดัง อธิบายว่า “ข้าจะไปรู้ได้อย่างไร วัวตัวนั้นเดินไม่ตรงทางเอง พุ่งส่ายไปส่ายมาเหมือนคนเมาอย่างไรอย่างนั้น สุดท้ายก็พาตัวเองลงน้ำไปเอง โอ้ย เจ็บๆๆ …อาจารย์ ข้าหลบทางให้พวกเขาแล้วจริงๆ นะ…อีกอย่างอาจารย์ท่านก็เคยเห็นรถเทียมวัวเทียมลามาแล้วไม่ใช่หรือ แต่ละคันไม่ควรช้าอืดอาดหรอกหรือ รถเทียมวัวคันนี้กลับเผด็จการนัก แทบจะบินขึ้นไปบนฟ้าอยู่แล้ว…”
เฉินผิงอันปล่อยมือให้เผยเฉียนได้ยืนดีๆ เผยเฉียนแยกเขี้ยว ยื่นมือมาลูบหูตัวเองเบาๆ เจ็บชะมัด
จูเหลี่ยนปากอีกาจริงๆ ก่อนหน้านี้เขาบอกว่าไม่ให้ตนหลงระเริงลำพองตนอะไรสักอย่างนี่แหละ
เฉินผิงอันพอจะโล่งใจได้บ้าง เพราะหลังจากจูเหลี่ยนและสือโหรวลงน้ำไปแล้ว เพียงไม่นานก็พาทั้งนายบ่าวทั้งวัวและรถขึ้นมาบนฝั่งได้
เด็กหนุ่มยังหวาดผวาไม่คลาย นั่งอยู่บนต้นอ้อต้นกกที่ก่อนหน้านี้ถูกรถเทียมวัวบดขยี้เป็นทางราบแล้วร้องไห้โฮเสียงดังลั่น
วัวแก่ขึ้นฝั่งมาแล้วก็สะบัดร่าง หางของมันฟาดเข้าที่ศีรษะของเด็กหนุ่มพอดี คราวนี้เขากลับหยุดเสียงร้องเอาไว้ได้
บุรุษสวมชุดสีเขียวอายุประมาณสามสิบปี หน้าตาไม่แก่ พอถูกช่วยขึ้นมาบนฝั่งแล้วก็กุมมือโค้งตัวขอบคุณสือโหรว
เฉินผิงอันเดินเข้าไปหา กุมหมัดขออภัย
บุรุษชุดเขียวรู้สึกอับอายและละอายใจยิ่งนักจึงรีบคารวะขออภัยติดๆ กันอีกครั้ง
สุดท้ายบุรุษผู้นี้เช็ดคราบน้ำบนใบหน้า ดวงตาพลันเป็นประกาย ถามเฉินผิงอันว่า “ใช่คุณชายเฉินที่ร่วมมือกับเซียนซือนักพรตหญิงช่วยสวนสิงโตของพวกเราไว้หรือไม่?”
เฉินผิงอันพยักหน้ารับแล้วลองถามหยั่งเชิง “ท่านคือนายอำเภอหลิ่ว?”
บุรุษชุดเขียวหัวเราะเสียงดังอย่างเบิกบานใจ “ข้าน้อยหลิ่วชิงเฟิง คือพี่ชายของหลิ่วชิงซาน”
หลิ่วชิงเฟิงบุตรชายคนโตของรองเจ้ากรมผู้ฒ่าหลิ่ว ตอนนี้รับหน้าที่เป็นนายอำเภอของอำเภอแห่งหนึ่ง ไม่อาจพูดได้ว่าเจริญรุ่งเรืองในหน้าที่การงาน แต่ก็ถือว่าเป็นบัณฑิตที่มีอนาคตราบรื่นยาวไกล
เพียงแต่ว่าเมื่อบิดาของเขาคือหลิ่วจิ้งถิงที่หน้าที่การงานรุ่งโรจน์ มีชื่อเสียงโด่งดังในวงการนักประพันธ์แล้ว หลิ่วชิงเฟิงจึงกลายเป็นว่าความสามารถธรรมดาสามัญ ตอนที่หลิ่วจิ้งถิงอายุเท่าเขาก็ใกล้จะได้รับหน้าที่เป็นรองเจ้ากรมพิธีการลำดับรองขั้นสามของแคว้นชิงหลวนแล้ว อีกทั้งหลิ่วจิ้งถิงยังได้รับการยอมรับว่าเป็นผู้นำแห่งวงการวรรณกรรม ประมุขแห่งบุคคลผู้มีวัฒนธรรม ตอนนี้พอหันกลับมามองหลิ่วชิงเฟิงผู้เป็นบุตรชายอีกครั้ง ก็ไม่แปลกที่บางคนจะทอดถอนใจที่บิดาเป็นพยัคฆ์แต่บุตรกลับเป็นสุนัข
ต้องรู้ว่าเมื่อหลิ่วจิ้งถิงตายไปเขาย่อมได้รับบรรดาศักดิ์ยกย่องย้อนหลังในลำดับต้นๆ จากทางราชสำนักอย่างแน่นอน นี่เป็นเรื่องที่ถูกกำหนดมาไว้แล้ว ส่วนด้านหลังคำว่า ‘บุ๋น’ จะเป็นตัวอักษรอะไร จะเป็นคำว่าเที่ยงตรง หรือจะเป็นคำว่าภักดี หรือบางทีอาจจะเป็นคำว่านอบน้อม สำเร็จ ที่เป็นระดับรองลงมาก็ล้วนมีความเป็นไปได้ ทั้งสองอย่างนี้ล้วนต้องให้ฮ่องเต้เป็นคนออกพระราชโองการ ไม่อาจให้เหล่าขุนนางตัดสินใจกันได้เอง ก่อนหน้านี้คนในราชสำนักรู้สึกว่าความเป็นไปได้ของข้อแรกมีมากกว่า แต่หลังจากที่หลิ่วชิงซานบุตรชายคนรองของเขากลายเป็นคนขาพิการ สิ่งที่คาดการณ์เอาไว้ก็ถูกลดทอนลงไปมาก อย่าว่าแต่ผู้เที่ยงตรงแห่งสายบุ๋นที่มีน้อยจนนับนิ้วได้ในประวัติศาสตร์ของแคว้นชิงหลวนเลย ต่อให้เป็นผู้ภักดีแห่งสายบุ๋นก็ยังไม่น่าจะได้มาครองแล้ว
เฉินผิงอันตะโกนเรียกเผยเฉียนมา
เผยเฉียนที่เหมือนถูกแปะแผ่นยันต์หยุดนิ่งของตระกูลเซียนมาโดยตลอดประหนึ่งได้รับอภัยโทษ วิ่งปรู๊ดมาหยุดข้างกายเฉินผิงอัน ประสานมือคารวะขออภัยหลิ่วชิงเฟิงและเด็กหนุ่มที่เป็นเด็กรับใช้ของเขา อธิบายเสียงดังถึงความผิดมากมายของตนเอง
อันที่จริงในใจเผยเฉียนกลับไม่ได้รู้สึกว่าตัวเองผิดมากสักเท่าไหร่ แถมยังบ่นความไม่ได้เรื่องของหลิ่วชิงเฟิง เพียงแต่ว่าอาจารย์โกรธแล้ว นางยังจะทำอะไรได้อีก? อย่าว่าแต่เอ่ยคำขอโทษที่ไม่ต้องเสียเนื้อหนังเลย ต่อให้นางต้องควักเงินมาเป็นค่าไถ่โทษ เคลื่อนย้ายสิ่งของที่อยู่ในกล่องเก็บสมบัติออกมาข้างนอก เผยเฉียนก็ได้แต่ทำตามแต่โดยดี
หลิ่วชิงเฟิงรีบช่วยพูดแทนเผยเฉียน เผยเฉียนถึงได้รู้สึกดีขึ้นมาเล็กน้อย รู้สึกว่าบัณฑิตที่เป็นนายอำเภอผู้นี้มีคุณธรรมไม่น้อย
หลังจากนั้นก็ย่อมเป็นการชักชวนเฉินผิงอันให้กลับไปสวนสิงโตด้วยกัน เพียงแต่เมื่อเฉินผิงอันบอกว่าจะไปเมืองหลวงเพื่อดูว่าจะไปทันช่วงท้ายของงานโต้วาทีพุทธเต๋าหรือไม่ หลิ่วชิงเฟิงก็เกรงใจเกินกว่าจะเอ่ยเกลี้ยกล่อมได้อีก
เฉินผิงอันช่วยหลิ่วชิงเฟิงซ่อมรถเทียมวัวให้ดีก่อน จากนั้นสองฝ่ายก็บอกลากัน ต่างคนต่างเร่งเดินทางต่ออีกครั้ง
พอเดินแยกเข้ามาบนถนนทางหลวงแล้ว จูเหลี่ยนจึงยิ้มเอ่ยว่า “รู้สึกว่าหลิ่วชิงเฟิงบุตรชายคนโตของรองเจ้ากรมผู้เฒ่าหลิ่วแห่งสวนสิงโตผู้นี้มีลักษณะเหมาะให้เป็นขุนนางมากกว่าหลิ่วชิงซานผู้เป็นน้องชาย”
เฉินผิงอันไม่ยอมรับและไม่ปฏิเสธ
หลิ่วชิงซานมีกลิ่นอายของบัณฑิตเข้มข้นกว่า ความสามารถมากกว่า ความรู้มีอยู่เต็มท้อง การปฏิบัติตัวก็ยิ่งสมกับเป็นวิญญูชนที่แท้จริง ส่วนพี่ชายอย่างหลิ่วชิงเฟิงคล้ายจะไม่มีประกายคมกริบเช่นนั้น แทบจะไม่มีเหลี่ยมมุมใดๆ เลย
แต่เฉินผิงอันกลับรู้สึกว่าพี่น้องทั้งสองคนนี้ต่างก็เป็นบัณฑิตที่โลกใบนี้ต้องการ เพียงแค่นี้เท่านั้น ส่วนในอนาคตใครจะประสบความสำเร็จมากกว่ากัน สืบสาวราวเรื่องกันถึงแก่นแล้วพวกเขาก็ยังเป็นคนของสวนสิงโต เป็นคนในครอบครัวเดียวกันอยู่ดีไม่ใช่หรือ?
เฉินผิงอันถาม “เผยเฉียน รู้หรือไม่ว่าจุดที่น่านับถือที่สุดของนายอำเภอหลิ่วผู้นี้อยู่ตรงไหน?”
เผยเฉียนหลุดปากตอบออกไป “เป็นขุนนางแต่นิสัยยังดีอยู่ ไม่มีการวางมาดใดๆ?”
เฉินผิงอันส่ายหน้า “คือการกระทำที่ออกมาจากใจจริงของเขา เขายอมให้ตัวเองตกอยู่ในอันตราย แต่ก็ต้องหลีกทางให้เจ้าให้ได้”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา!