กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา! นิยาย บท 404

เฉินผิงอันไปยังเรือนพักที่ชุยตงซานได้ครอบครองเพียงลำพังก่อน ตอนที่อยู่หน้าประตู หลี่เป่าผิงถามว่าตอนกลางคืนให้เผยเฉียนมานอนกับนางได้หรือไม่ เฉินผิงอันบอกว่าขอแค่เผยเฉียนยอมตอบรับก็พอ

หลี่เป่าผิงยังถามอีกว่าสามารถมอบดาบแคบยันต์มงคลและน้ำเต้าเล็กสีเงินให้เผยเฉียน หรือไม่ก็อาจให้เผยเฉียนยืมได้หรือไม่ ตอนที่เผยเฉียนออกมาท่องยุทธภพจะได้มีบารมีน่าเกรงขามสักหน่อย

เฉินผิงอันยิ้มพูดว่า ตอนนี้ยังไม่ต้องมอบของขวัญล้ำค่าขนาดนี้ให้เผยเฉียน สัมภาระที่เผยเฉียนจะพกไปยามออกท่องยุทธภพในวันหน้า ทุกสิ่งที่จำเป็น เขาที่เป็นอาจารย์ล้วนต้องเตรียมไว้ให้เรียบร้อย แล้วนับประสาอะไรกับที่การออกท่องยุทธภพในครั้งแรกไม่ควรให้สะดุดตาเกินไปนัก พาหนะเป็นแค่ลาตัวเล็กก็ดีมากแล้ว ส่วนดาบก็มีดาบที่ลักษณะคล้ายคลึงกับยันต์มงคล ชื่อว่าหยุดหิมะ กระบี่ก็คือกระบี่ชือซิน ซึ่งต่างก็ถือว่าไม่เลว

หลี่เป่าผิงรู้สึกเสียดายเล็กน้อย

โบกมือลาอาจารย์อาน้อยแล้วก็สะพายหีบไม้ไผ่สีเขียวมรกตใบเล็กพุ่งทะยานจากไป

ไม่รอให้เฉินผิงอันเคาะประตู เซี่ยเซี่ยก็มาเปิดประตูด้วยตัวเองเบาๆ

เฉินผิงอันยิ้มถาม “คงไม่มีอะไรไม่สะดวกกระมัง?”

เซี่ยเซี่ยส่ายหน้า ขยับตัวเบี่ยงหลบให้

สำหรับเฉินผิงอัน นางมีความประทับใจที่ดีกว่าอวี๋ลู่อยู่มาก

อีกอย่างก็เพราะเฉินผิงอันคืออาจารย์ของ ‘คุณชายตนเอง’ เซี่ยเซี่ยไม่กล้าเพิกเฉย ไม่อย่างนั้นสุดท้ายแล้วคนที่ต้องลำบากก็ยังคงเป็นนาง

มองประเมินเฉินผิงอันอย่างโจ่งแจ้งอยู่สองสามที เซี่ยเซี่ยก็กล่าวว่า “เคยได้ยินแค่ว่าหญิงสาวเปลี่ยนตอนอายุสิบแปด เหตุใดเจ้าถึงเปลี่ยนไปมากมายขนาดนี้?”

เฉินผิงอันเข้ามาในเรือนพัก เซี่ยเซี่ยลังเลเล็กน้อย แต่สุดท้ายก็ยังปิดประตูลง ขณะเดียวกันก็รู้สึกเย้ยหยันตัวเองเล็กน้อย ด้วยหน้าตาอัปลักษณ์อย่างที่แทบทนมองไม่ได้ของตนทุกวันนี้ ต่อให้เฉินผิงอันเสียสติกระเดือกได้ลงคอก็ถือว่าเป็นความสามารถของเขาแล้ว

แล้วนับประสาอะไรกับที่เฉินผิงอันเป็นคนแบบใด เซี่ยเซี่ยรู้ชัดเจนดีที่สุด นางไม่เคยรู้สึกว่าพวกเขาสองฝ่ายคือคนบนเส้นทางเดียวกัน ยิ่งไม่มีทางเรียกได้ว่าในใจรู้สึกเลื่อมใสสนิทสนมตั้งแต่ครั้งแรกที่พบกัน แต่ก็ไม่รังเกียจ เพียงแค่นี้เท่านั้น

ก็เหมือนกับคนบนโลกมองวิธีการเขียนพู่กัน จะหลงรักตัวอักษรฉ่าวซูที่ปล่อยความเป็นตัวเองได้อย่างเต็มคราบ หรือชื่นชอบตัวอักษรข่ายซู่ที่เป็นระเบียบเรียบร้อย ก็เป็นแค่ความสนใจของใครของมันเท่านั้น ไม่มีการแบ่งสูงต่ำ

เมื่อเทียบกับอวี๋ลู่ที่ไม่ได้รับความสำคัญแล้ว เซี่ยเซี่ยเกรงใจและใจกว้างกับเฉินผิงอันกว่ามาก นางเป็นฝ่ายชี้ไปที่ระเบียงไม้ไผ่เขียวนอกห้องหลักแห่งนั้นด้วยตัวเองแล้วกล่าวว่า “ไม่ต้องถอดรองเท้า นั่นเป็นไผ่มรกตของตระกูลเซียนที่ผลิตขึ้นเป็นพิเศษที่ชิงเซียวตู้ของต้าสุย ฤดูหนาวอบอุ่นฤดูร้อนเย็นสบาย เหมาะแก่การให้ผู้ฝึกตนมานั่งเข้าฌาน ก่อนที่คุณชายจะจากไปได้บอกให้ข้านำความไปบอกแก่หลินโส่วอีว่าสามารถมาฝึกวิชาอสนีที่นี่ได้ เพียงแต่ข้ารู้สึกว่าหลินโส่วอีน่าจะไม่ยอมตอบรับ ก็เลยไม่ได้ไปหาเรื่องใส่ตัว”

เฉินผิงอันยังคงถอดรองเท้าหุ้มแข้งที่เผยเฉียนแอบซื้อมาให้จากเมืองหูเอ๋อร์ แล้วสุดท้ายนำมามอบให้เขา

นั่งขัดสมาธิบนพื้นที่ปูด้วยไผ่มรกตช่างสบายจริงๆ เฉินผิงอันบิดข้อมือเล็กน้อย หยิบเอาเหล้าเซียนบ่อน้ำไหหนึ่งที่ซื้อจากท่าเรือหางผึ้งออกมาจากวัตถุจื่อชื่อ ถามว่า “ดื่มไหม? เป็นแค่เหล้าหมักของพวกชาวบ้านร้านตลาดเท่านั้น”

เซี่ยเซี่ยที่นั่งเอียงๆ อยู่บนบันไดห่างไปไม่ไกลพยักหน้ารับ

เฉินผิงอันจึงโยนกาเหล้าไปให้นางเบาๆ

เซี่ยเซี่ยรับกาเหล้ามา เปิดออกแล้วดม “ไม่เลวเลยนี่นา ไม่เสียแรงที่เป็นของที่เอาออกมาจากวัตถุฟางชุ่น”

เซี่ยเซี่ยไม่ได้รีบร้อนดื่ม ยิ้มถามว่า “ชุดคลุมบนร่างเจ้าตัวนี้คงเป็นชุดคลุมอาคมกระมัง? เพราะว่าอยู่ในเรือนหลังนี้ ข้าจึงสัมผัสได้ถึงการโคจรของปราณวิญญาณเล็กๆ น้อยๆ จากมัน”

เฉินผิงอันพยักหน้ารับ “ชุดคลุมมีชื่อว่าจินหลี่ ข้าบังเอิญได้มาตอนอยู่ในสถานที่แห่งหนึ่งที่เรียกว่าร่องเจียวหลงระหว่างเดินทางไปภูเขาห้อยหัว”

เซี่ยเซี่ยหันหน้ามา มองไปทางประตูเรือนด้วยสีหน้าซับซ้อน พึมพำเบาๆ ว่า “ถ้าอย่างนั้นเจ้าก็โชคไม่เลวเลยจริงๆ”

เฉินผิงอันอืมรับหนึ่งที ปลดน้ำเต้าเลี้ยงกระบี่ลงมาดื่มเหล้าหนึ่งอึก

เซี่ยเซี่ยยิ้มกล่าว “ดื่มเหล้าเป็นแล้วจริงๆ หรือนี่ ออกจากบ้านไปท่องยุทธภพในครั้งนี้นับว่าไม่เสียเที่ยว”

เฉินผิงอันแสร้งทำเป็นไม่ได้ยิน ยื่นมือออกไปลูบพื้นไม้ไผ่ ปราณวิญญาณเล็กละเอียดไหลริน แม้จะเทียบไม่ได้กับปราณวิญญาณที่มีอยู่ในจวนตระกูลเซียนหรือถ้ำสวรรค์ แต่ก็ถือว่าเปี่ยมล้นยิ่งกว่าห้องระดับเยี่ยมที่สุดในโรงเตี๊ยมตระกูลเซียนของราชวงศ์โลกมนุษย์มากแล้ว

รอบด้านเงียบสงบ

เซี่ยเซี่ยพึมพำกับตัวเองว่า “แสงดาวส่องสว่างสี่ทิศ อยู่ท่ามกลางแม่น้ำสีเงิน (เปรียบเปรยถึงทางช้างเผือก) จะดับร้อนได้หรือไม่? กระท่อมตระกูลเซียนช่างเย็นสบาย”

เฉินผิงอันยิ้มบางๆ “เป็นบทกลอนที่กวีท่านใดของราชวงศ์สกุลหลูพวกเจ้าเขียนไว้หรือ?”

เซี่ยเซี่ยส่ายหน้าช้าๆ “เมื่อนานมากมาแล้ว เป็นค่ำคืนหนึ่งที่คล้ายๆ กับคืนนี้นี่แหละ อาจารย์ของข้าท่องประโยคนี้ออกมาอย่างไม่มีปี่ไม่มีขลุ่ย นางบอกว่าถ้อยคำที่ ‘พัฒนามาจากบทกวี’ เป็นแค่วิถีเล็กๆ อย่างหนึ่งเท่านั้น เหมือนกับการเขียนพู่กันและการเล่นหมากล้อม ไม่มีค่าพอให้พูดถึง”

เฉินผิงอันกล่าว “ตอนที่อยู่เรือนหลิงจือของภูเขาห้อยหัว เดิมทีข้าเตรียมของขวัญไว้ให้เจ้าและหลินโส่วอีคนละชิ้น ของขวัญของเจ้า ตอนนั้นข้าเข้าใจผิดคิดว่าเป็นแค่เสื้อเกราะน้ำค้างหวานผุพังที่ไม่สามารถซ่อมแซมแก้ไขได้ชิ้นหนึ่ง จึงซื้อมาในราคาที่ถูกมาก ภายหลังถึงได้รู้ว่ามันคือหนึ่งในเสื้อเกราะบรรพบุรุษแปดชิ้นของเสื้อเกราะเทพรับน้ำค้าง ก็เลยบอกให้เพื่อนคนหนึ่งช่วยซ่อมให้ เมื่อครั้งที่เจอกับชุยตงซานที่แคว้นชิงหลวน เกี่ยวกับเรื่องนี้ ชุยตงซานบอกว่าไม่ต้องมอบของที่ราคาแพงขนาดนี้ให้เจ้า พวกเราไม่ได้สนิทกันถึงขนาดนั้น ไม่แน่ว่าอาจจะยังถูกเจ้าเข้าใจผิดคิดว่าข้ามีเจตนาอย่างอื่นก็เป็นได้ ข้ารู้สึกว่ามีเหตุผลมาก เลยคิดว่าควรจะเก็บเอาไว้ก่อน วันใดที่พวกเรากลายเป็นเพื่อนกันจริงๆ แล้วค่อยมอบให้เจ้าก็ยังไม่สาย ดังนั้นวันนี้จึงมอบสิ่งนี้ให้เจ้าก่อน รับไป”

เซี่ยเซี่ยหันหน้ามา ยื่นมือออกมารับหยกมันแพะขนาดเล็กที่สลักกลึงอย่างประณีตและงดงาม นั่นก็คือหยกวัวขาวคาบหลิงจือ

เฉินผิงอันยิ้มกล่าว “คือของรางวัลเล็กๆ ที่ทางเรือนหลิงจือของภูเขาห้อยหัวมอบให้ อย่าได้รังเกียจ”

เซี่ยเซี่ยยิ้มรับ “เจ้ากำลังบอกข้าเป็นนัยๆ ว่า ขอแค่กลายเป็นเพื่อนของเจ้าเฉินผิงอันก็จะได้รับอาวุธสำคัญของสำนักการทหารที่มีมูลค่าควรเมืองชิ้นหนึ่งหรือ?”

เฉินผิงอันเพียงคลี่ยิ้ม ไม่เอ่ยอะไร

เซี่ยเซี่ยกำชิ้นหยกที่ให้ความรู้สึกถึงเนื้อวัสดุที่ละเอียดอุ่น เรียบลื่น พูดพึมพำกับตัวเองว่า “เจ้าไม่ใช่คนแบบนั้น”

เฉินผิงอันชูน้ำเต้าเลี้ยงกระบี่ขึ้นสูง กลั้นยิ้มพูดว่า “ขอบคุณนะ” (ขอบคุณออกเสียงว่าเซี่ยเซี่ย)

เซี่ยเซี่ยชำเลืองตามองเฉินผิงอัน “โอ้โห จากไปแค่ไม่กี่ปีก็หัดเล่นลิ้นเป็นแล้วหรือ? สมกับคำว่าไม่พบสามวันกลายเป็นอื่นจริงๆ”

เฉินผิงอันรัดน้ำเต้าเลี้ยงกระบี่ไว้ตรงเอวให้เรียบร้อย สอดสองมือประสานกันอยู่ในชายแขนเสื้อ กล่าวอย่างปลงอนิจจังว่า “คราวนั้นที่หลี่ไหวถูกคนนอกรังแก เจ้า หลินโส่วอีและอวี๋ลู่ล้วนมีน้ำใจอย่างมาก ข้าได้ยินแล้วก็รู้สึกดีใจมากจริงๆ ดังนั้นพอข้าได้ยินว่าเสื้อเกราะชิ้นนั้นเป็นเสื้อเกราะน้ำค้างหวานซีเยว่ ใช่ว่าอยากจะโอ้อวดอะไรกับเจ้า แต่เป็นเพราะหวังว่าจะมีวันนั้น วันที่ข้าจะได้กลายเป็นเพื่อนกับเจ้าเซี่ยเซี่ยจริงๆ อันที่จริงข้าเองก็มีใจที่เห็นแก่ตัวอยู่เหมือนกัน ต่อให้พวกเราเป็นเพื่อนกันไม่ได้ ข้าก็หวังว่าเจ้าจะเป็นเพื่อนกับเป่าผิงน้อยและหลี่ไหว กลายเป็นเพื่อนรักของพวกเขา วันหน้าอยู่ในสำนักศึกษาก็ช่วยดูแลพวกเขาให้มากๆ หน่อย”

และยังมีเหตุผลอีกข้อหนึ่งที่เฉินผิงอันไม่ได้พูดออกมา

ไม่ว่าจะมีกลอุบายมากน้อยแค่ไหน ถึงอย่างไรตอนนี้เฉินผิงอันก็เป็นอาจารย์ของชุยตงซานในนาม เขาจึงอาจจะกลายเป็นผู้ต้องสงสัยว่าอบรมสั่งสอนอีกฝ่ายได้ไม่ดี

ชุยตงซานรับเซี่ยเซี่ยเป็นสาวใช้ประจำตัว ไม่ว่าจะมองอย่างไรก็ล้วนเป็นการทำร้ายผู้มีพรสวรรค์ในการฝึกตนที่เป็นคนของอดีตราชวงศ์สกุลหลูอย่างเซี่ยเซี่ยผู้นี้

เพียงแต่เรื่องราวในโลกนั้นซับซ้อน หลายครั้งที่ความต้องการของฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งมองดูเหมือนเป็นความปรารถนาดี แต่กลับกลายเป็นว่าจะทำให้เรื่องเลวร้ายลง

บาดแผลของคนอื่นไม่ไปแตะต้องก็ไม่มีปัญหา

แต่หากเปิดมันออก เลือดสดก็ไหลนอง

เฉินผิงอันนั่งสวมรองเท้าหุ้มแข้งบนขั้นบันไดด้านล่าง

เซี่ยเซี่ยเอ่ยเบาๆ “ข้าไม่ไปส่งแล้ว”

เฉินผิงอันโบกมือ “ไม่ต้องหรอก”

เฉินผิงอันจากไปแล้ว เซี่ยเซี่ยก็ปิดปากหัวเราะคิกอย่างไร้สาเหตุ

ไม่รู้ทำไม นางถึงรู้สึกว่าคนผู้นั้นเหมือนแมวที่แอบดอดมากินของคาว ย่องกลับเข้าบ้านกลางดึกย่อมหนีไม่พ้นจะถูกแม่เสือที่บ้านออกฤทธิ์ออกเดชใส่

แน่นอนว่านี่เป็นเพียงความคิดพิลึกพิลั่นของเซี่ยเซี่ยเท่านั้น

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา!