ชุยตงซานวางตะเกียบคู่นั้นลงอย่างไม่ใส่ใจ ก่อนจะก้มหน้าจัดวางตะเกียบทั้งสองให้เป็นระเบียบ เงยหน้าแล้วยิ้มกล่าวว่า “ดูท่าเจ้าคงมั่นใจแล้วว่าข้าไม่มีทางเปิดฉากสังหารเจ้าที่นี่?”
ชุยตงซานตบมือหัวเราะร่า ลุกขึ้นยืนช้าๆ “เจ้าเดิมพันถูกแล้ว ข้าไม่มีทางสังหารคนพร่ำเพื่อตามแต่ใจตัวเอง ถึงอย่างไรข้าก็ยังต้องกลับไปที่สำนักศึกษา ช่างเถิด ลูกหลานก็มีโชคของลูกหลาน ข้าที่เป็นบรรพบุรุษคงช่วยพวกเจ้าได้แค่นี้”
ไช่จิงเสินกลับผายมือบอกเป็นนัยให้ชุยตงซานนั่งกลับลงไป ถามว่า “เจ้าจะพิสูจน์อย่างไรว่าคำพูดของตัวเองจะใช้ได้ผล ใช้ได้ผลในราชสำนักต้าสุยก็จะใช้ได้ผลในราชสำนักต้าหลีเหมือนกัน?”
ชุยตงซานเอนหลังพิงเก้าอี้อย่างเกียจคร้าน ยื่นมือมาลูบและหมุนจอนผมตัวเองเล่น “พิสูจน์ได้ยาก”
ไช่จิงเสินจึงได้แต่ถอยให้อีกก้าว พูดเสียงหนักอย่างลังเล “ถ้าอย่างนั้นเจ้าจะดึงไช่เฟิงออกมาอย่างไร อีกทั้งต้องไม่ทิ้งโรคร้ายไว้ภายหลัง ไม่ส่งผลกระทบต่ออนาคตของเขาในภายภาคหน้าด้วย? ข้าจำเป็นต้องเตือนเจ้าข้อหนึ่ง ห้ามไม่ให้ไช่เฟิงหันอาวุธเข้าห้ำหั่นพวกกันเองเด็ดขาด ขายเพื่อนเพื่อหวังความก้าวหน้าจะเป็นอุปสรรคขัดขวางปิดตายเส้นทางแห่งการถูกแต่งตั้งเป็นเทพที่ถูกต้องของไช่เฟิง ในอนาคตอีกร้อยปีพันปี ไช่เฟิงจะต้องผูกติดอยู่กับโชคชะตาบุ๋น ฮวงจุ้ยและชะตาของแคว้นต้าสุย ทำเรื่องเลวร้ายเช่นนี้ ได้รับเกียรติยศตอนมีชีวิตอยู่นั้นไม่ยาก แต่ตายไปแล้วกลับจะถูกควันธูปของต้าสุยผลักไส”
ชุยตงซานยิ้มบางๆ “คนบนภูเขาย่อมต้องมีแผนการอันมหัศจรรย์เป็นของตัวเอง วางใจเถอะ ข้ารับรองว่าในขณะที่ไช่เฟิงยังมีชีวิตอยู่จะมีตำแหน่งขุนนางสูงถึงเจ้ากรมของหกกรม เว้นจากกรมพิธีการ ตำแหน่งนี้สำคัญเกินไป ข้าผู้อาวุโสไม่ใช่ฮ่องเต้ต้าหลี และพอตายไปแล้ว ในร้อยปีเขาจะได้เป็นเทพอภิบาลเมืองของเขตการปกครองใหญ่แห่งหนึ่ง เว้นจากสถานที่มังกรผงาดอย่างเกอหยางของสกุลเกา ตกลงไหม?”
ไช่จิงเสินถามหยั่งเชิง “ถ้าอย่างนั้นทางเลือกและชื่อเสียงของตระกูลไช่ข้าล่ะ?”
ชุยตงซานยิ้มกล่าว “ถึงเวลานั้นข้าจะให้เจ้าและตระกูลไช่ร่วมมือแสดงแผนทรมานตัวเอง ไม่ว่าใครก็ต้องยกนิ้วโป้งให้เจ้าไช่จิงเสิน ในหนังสือประวัติศาสตร์ของรุ่นหลังก็จะมีแต่ชื่อเสียงที่ดีงาม”
ไช่จิงเสินทำท่าจะพูดแต่ก็หยุดไป
ชุยตงซานหลุดหัวเราะพรืด “จะให้ข้าลงนามสัญญาภูเขาแม่น้ำของพวกเซียนดินกับเจ้า? ไช่จิงเสิน ข้าแนะนำเจ้าว่าอย่าทำเรื่องที่เกินความจำเป็นจะดีกว่า”
ไช่จิงเสินนึกถึงภาพดวงตาสีทองตั้งตรงคู่นั้น ในใจก็พลันหวาดผวา แม้การที่ตนกับตระกูลไช่ต้องตกอยู่ในกำมือของผู้อื่นจะทำให้ในใจรู้สึกอัดอั้นคับแค้น แต่เมื่อเทียบกับผลลัพธ์ที่เลวร้ายจนมิอาจรับได้ไหว เนื่องจากไช่เฟิงคนเดียวกระชากคนทั้งตระกูลให้ร่วงลงไปในหุบเหวลึกหมื่นจั้ง หรืออาจถึงขั้นเดือดร้อนการฝึกตนของบรรพบุรุษอย่างเขา ความอัดอั้นตันใจเล็กๆ น้อยๆ แค่นี้ก็ไม่ได้เกินจะทนสักเท่าไหร่
ในเมื่อกลายมาเป็นพันธมิตรกันชั่วคราว
ไช่จิงเสินจึงคิดจะแสดงความจริงใจของตัวเองออกมาบ้าง “ปีนั้นท่านชุยอยู่ในสำนักศึกษาแล้วถูกคนใช้ด้ายสีทองลอบสังหาร ก่อนจะใช้ยันต์ตัวตายตัวแทนหนีพ้นหายนะไปได้ ท่านชุยไม่อยากรู้เลยหรือว่าใครเป็นผู้บงการอยู่เบื้องหลัง? หรือจะบอกว่าเจ้าคิดว่าเป็นคนกลุ่มเดียวกัน?”
ชุยตงซานชำเลืองตามองไช่จิงเสิน
ไช่จิงเสินถูกอีกฝ่ายมองจนเริ่มไม่เป็นตัวของตัวเอง ไม่เข้าใจว่าตัวเองพูดผิดตรงไหน
ชุยตงซานลุกขึ้นยืน หิ้วเหล้าหมักที่เก็บซ่อนไว้ใต้ดินมานานซึ่งยังไม่เปิดผนึกกานั้นขึ้นมา “ปีนั้นข้าอยู่ในสำนักศึกษารู้สึกอุดอู้จนแทบจะไปแขวนคอตายอยู่บนยอดเขาแล้ว กว่าจะรอคอยให้เกิดเรื่องน่าสนใจขึ้นมาได้ไม่ใช่เรื่องง่าย เจ้าเห็นหรือไม่ว่าหลังจากนั้นข้าทำอย่างไร? รออยู่นานแล้ว ไม่เห็นพวกเขาแอบมาลอบสังหารต่อสักที ข้าก็ได้แต่เป็นฝ่ายวิ่งไปยืดคอให้อีกฝ่ายตัดที่ชิงเซียวตู้ ผลกลับกลายเป็นว่าก็ยังไม่มีใครกล้าลงมือ ข้าเลยได้แต่ขนเอาไม้ไผ่มรกตของชิงเซียวตู้หลายคันรถมาปูพื้นที่สำนักศึกษา เป็นเงินเท่าไหร่ ข้าก็จ่ายไปเท่านั้น ทำไมต้องทำอย่างนั้น? ก็ข้าซาบซึ้งใจที่พวกเขามาช่วยแก้เบื่อให้ข้า เพื่อรับมือกับการลอบสังหารครั้งที่สอง ข้าต้องวางแผนหาทางหนีทีไล่ไว้ตั้งมากมาย แม้ว่าจะไม่มีโอกาสได้นำออกมาใช้ แต่ระหว่างที่ต้องใช้สมองคิดแผนการก็ช่วยฆ่าเวลาที่น่าเบื่อหน่ายไปได้บ้าง”
ชุยตงซานเดินวนอ้อมโต๊ะมาตบไหล่ไช่จิงเสิน “เสี่ยวไช่ เจ้ายังอายุน้อยเกินไป ไม่รู้จักนิสัยของข้า วันหน้าอยู่ด้วยกันนานวันเข้า เจ้าก็จะค้นพบเองว่าตัวเองมีบรรพบุรุษที่ดี มีเวลาว่างก็ลองไปดูที่หลุมศพบรรพบุรุษของตระกูลเจ้าดูสิ รับรองว่าต้องมีควันเขียวลอยขึ้นมาแน่นอน หากช่วงนี้บรรพบุรุษตระกูลไช่มาเข้าฝันเจ้า น้ำตานองหน้าด้วยความซาบซึ้งใจในบุญคุณของข้า เจ้าก็บอกพวกเขาไปว่าไม่ต้องขอบคุณข้า ทำความดีช่วยเหลือผู้อื่นเป็นรากฐานในการศึกษาหาความรู้ของข้าคนนี้มาโดยตลอด”
ไช่จิงเสินตีหน้าเคร่ง แสร้งทำเป็นว่าไม่ได้ยิน
ปีศาจวัวเหลืองที่เป็นเผ่าพันธุ์วัวดินตัวนั้นไปพักผ่อนที่ ‘คอกวัว’ นานแล้ว
แต่เว่ยเซี่ยนกลับนั่งอยู่บนโต๊ะเดียวกับชุยตงซานและไช่จิงเสินตลอดเวลา ไม่พูดคำใด เอาแต่ดื่มเหล้าอย่างเดียว
เว่ยเซี่ยนเดินตามชุยตงซานกลับไปยังที่พัก
คนทั้งสองนั่งลงเรียบร้อยแล้ว ชุยตงซานก็ใช้กระบี่บินสีทองเล่มนั้นวาดบ่อสายฟ้าสกัดกั้นการลอบสังเกตการณ์ของไช่จิงเสิน
ชุยตงซานเตะรองเท้าหุ้มแข้งทิ้ง นั่งขัดสมาธิบนเก้าอี้ ยิ้มถามว่า “เจ้าช่วยใช้สองสามประโยคมาเป็นข้อสรุปแบบตอกปิดฝาโลงแก่ข้าที”
เว่ยเซี่ยนเอ่ยเนิบช้า “นกบินสูงตายเพราะอาหาร ปลาในน้ำลึกตายเพราะเหยื่อล่อ”
ในสายตาของเว่ยเซี่ยน พวกคนอย่างไช่จิงเสินเป็นพวกลังเลเอาแน่เอานอนไม่ได้ ไม่มีค่าพอให้พูดถึง
ภายใต้สถานการณ์ใหญ่ดุจน้ำป่าไหลซัดสาดถาโถม ต่อให้เป็นเซียนดินก่อกำเนิดคนหนึ่งก็ยังไม่ต่างจากตั๊กแตนที่พยายามขวางหน้ารถอยู่ดี
ก่อนจะเข้ามาในเขตการปกครอง ชุยตงซานได้ให้เว่ยเซี่ยนอ่านรายงานลับเรื่องวงในเกี่ยวกับต้าสุยจำนวนมาก เรื่องแผนการลับของไช่เฟิงในเมืองหลวง เมื่อเปรียบเทียบกับความลับที่ไช่ชิงเสินผู้ถวายงานรับใช้สกุลเกาซุกซ่อนเอาไว้แล้วก็เป็นแค่เรื่องเล็กเท่านั้น
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา!