กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา! นิยาย บท 407

ก่อนที่เฉินผิงอันจะลงเขาไป ‘เสี่ยงดวงบุ๋น’ ที่ศาลบุ๋นในเมืองหลวงพร้อมกับเหมาเสี่ยวตงก็ต้องตระเตรียมการไว้ในสำนักศึกษาให้เรียบร้อยก่อน หลีกเลี่ยงไม่ให้คนอื่นมุดช่องโหว่เข้ามาได้ หวังจะล่อให้คนอื่นติดเบ็ดแต่ไม่สำเร็จ กลับกลายเป็นว่ายกแผนล่อเสือออกจากภูเขาให้แก่ศัตรูไปเปล่าๆ

เขาบอกให้เผยเฉียนย้ายออกมาจากหอพักแขก ไปพักอยู่ในเรือนที่มีเซี่ยเซี่ยคอยดูแล มีสือโหรวอยู่เคียงข้าง และเฉินผิงอันก็ยังมอบเชือกพันธนาการปีศาจสีทองเส้นนั้นไว้ให้สือโหรวด้วย

เมื่อวานตอนกลางวันหลินโส่วอีก็มาฝึกตนที่เรือนในนามของชุยตงซานแห่งนี้แล้ว บวกกับมี ‘ตู้เม่า’ มาอยู่ด้วย หลินโส่วอีที่ได้พูดคุยกับเฉินผิงอันแล้วก็เลือกจะพักอยู่ในเรือนแห่งนี้อย่างใจกว้าง

จากนั้นเฉินผิงอันก็บอกให้จูเหลี่ยนและอวี๋ลู่คอยดูแลหลี่เป่าผิงกับหลี่ไหวอย่างลับๆ

จูเหลี่ยน อวี๋ลู่ คนหนึ่งคือผู้เฒ่าหลังค่อมที่พอเห็นผู้หญิงก็จะยิ้มตาหยี อีกคนหนึ่งคือชายหนุ่มร่างสูงใหญ่ที่มักจะมีรอยยิ้มบางๆ แต่งแต้มใบหน้าอยู่เสมอ ใครเล่าจะคาดคิดได้ว่าทั้งสองคนต่างก็เป็นผู้ฝึกยุทธ์เต็มตัวขอบเขตเดินทางไกล

บอกให้ตอนกลางคืนหลี่เป่าผิงไปนอนในห้องหลักของชุยตงซานกับเผยเฉียน เชื่อว่าชุยตงซานคงไม่ถือสา แล้วก็ไม่กล้าถือสาด้วย

เซี่ยเซี่ยและหลินโส่วอีต่างก็พักอยู่ในห้องข้างคนละห้อง สือโหรวเป็นวัตถุหยินจึงให้ทำหน้าที่เฝ้ายามตอนกลางคืน ส่วนหลี่ไหวก็นอนเบียดอยู่กับหลินโส่วอี

จูเหลี่ยนไม่ต้องพักอยู่ในบ้าน ตอนกลางคืนให้เขาไปนอนในห้องเดิมที่หอพักแขกก็พอ

แต่อวี๋ลู่จำเป็นต้องช่วยสือโหรวเฝ้ายามคนละครึ่งคืน

เฉินผิงอันไม่ค่อยเชื่อว่าสือโหรวจะสามารถรับมือกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้นอย่างฉุกละหุกได้

แต่ในเรื่องนี้อวี๋ลู่กลับทำให้คนวางใจได้มาโดยตลอด

ส่วนทางห้องหนังสือของเหมาเสี่ยวตงนั้น ในบรรดาอาจารย์ผู้เฒ่าที่เดินลาดตระเวนตอนกลางคืนก็มีทั้งฝ่ายบุ๋นและฝ่ายบู๊ อย่างเช่นต่งจิ้งผู้มากความรู้ที่โปรดปรานหลินโส่วอีก็คือผู้ฝึกตนโอสถทองเฒ่าที่เชี่ยวชาญวิชาอสนีคนหนึ่ง และยังมีเซียนดินก่อกำเนิดที่ไม่เคยเปิดเผยตัวตน ยิ่งไม่มีใครรู้ในสถานะแท้จริงของเขาอีกคนหนึ่ง เขาเองก็มาจากต้าหลีเหมือนกับเหมาเสี่ยวตง ซึ่งก็คือผู้เฒ่าแซ่เหลียงที่ทำหน้าที่เฝ้าประตูใหญ่ของสำนักศึกษา ในช่วงเวลาที่สำคัญ คนผู้นี้สามารถนั่งบัญชาการณ์สำนักศึกษาแทนเหมาเสี่ยวตงได้

สุดท้ายเฉินผิงอันเรียกหลี่เป่าผิงไปคุยเป็นการส่วนตัว มอบวัตถุสองชิ้นที่ได้มาจากหลี่เป่าเจินให้แก่นาง หนึ่งคือหยกพกที่สลักคำว่า ‘วังมังกร’ อีกหนึ่งคือยันต์ร่างจริงเทพท่องทิวาราตรีที่ระดับขั้นสูงอย่างถึงที่สุดหนึ่งแผ่น

หลี่เป่าผิงรู้สึกฉงนสนเท่ห์เล็กน้อย

เฉินผิงอันไม่ได้ปิดบัง เขาเล่าเรื่องที่ตัวเองพบกับหลี่เป่าเจินที่แคว้นชิงหลวนโดยบังเอิญให้หลี่เป่าผิงฟังคร่าวๆ สุดท้ายลูบศีรษะหลี่เป่าผิง เอ่ยเบาๆ ว่า “วันหน้าข้าไม่มีทางเป็นฝ่ายไปหาพี่รองของเจ้าก่อน และจะพยายามหลบเลี่ยงเขาอย่างสุดความสามารถ แต่หากหลี่เป่าเจินไม่ล้มเลิกความคิด หรือรู้สึกว่าได้รับความอัปยศครั้งใหญ่ตอนอยู่สวนสิงโต ในอนาคตเกิดปัญหาขัดแย้งกันขึ้นมาอีกครั้ง ข้าจะไม่มีทางออมมือให้เขาอีก แน่นอนว่าเรื่องพวกนี้ไม่เกี่ยวข้องอะไรกับเจ้า”

หลี่เป่าผิงรู้สึกหดหู่เล็กน้อย เพียงแต่ดวงตาของนางยังฉายประกายเจิดจ้า “อาจารย์อาน้อย ท่านกับพี่รองของข้าใช้กฎยุทธภพที่ว่าบุญคุณความแค้นแบ่งแยกชัดเจนต่อกันได้เลย…”

หลี่เป่าผิงเอ่ยมาถึงตรงนี้ก็ถามว่า “อาจารย์อาน้อย ถ้าอย่างนั้นข้าสามารถเขียนจดหมายไปให้พี่ชายใหญ่ได้ไหม บอกให้เขาช่วยเกลี้ยกล่อมพี่รอง?”

เฉินผิงอันคิดแล้วก็พยักหน้ารับ “ได้สิ”

หลี่เป่าผิงเตรียมจะมอบแผ่นหยกและยันต์ให้กับเฉินผิงอัน

ก่อนที่อาจารย์อาน้อยจะลงจากภูเขาไปครั้งนี้ได้บอกเล่าสถานการณ์ในปัจจุบันให้พวกเขาฟังเรียบร้อยแล้ว

หลี่เป่าผิงจึงอยากให้อาจารย์อาน้อยมีของติดกายเพิ่มไปอีกสักสองชิ้น

แต่เฉินผิงอันกลับยิ้มแล้วพูดขึ้นก่อนว่า “ตอนอยู่สวนสิงโตข้าได้ร่วมมือกับนักพรตหญิงมีดอาคมที่ร้ายกาจมากคนหนึ่งจับปีศาจตนหนึ่งที่หาได้ยาก เรียกได้ว่าเป็นอ่างรวมสมบัติที่มีชีวิต ได้ผลเก็บเกี่ยวมามากมาย นักพรตหญิงคนนั้นยึดเอาปีศาจไป แต่นางก็ได้มอบเงินฝนธัญพืชให้เป็นค่าชดเชยและตอบแทนแก่ข้าหกสิบสองเหรียญ ดังนั้นข้าจึงอยากยืมยันต์ร่างจริงเทพท่องทิวาราตรีแผ่นนั้นจากเจ้า ไม่ใช่ซื้อ แต่เป็นยืม ค่อนข้างคล้ายคลึงกับการรับจำนำ เพียงแต่พวกเราสลับตำแหน่งกัน เจ้าเอายันต์มาจำนำกับข้า ข้าก็จะมอบเงินฝนธัญพืชให้เจ้า เพราะระดับขั้นของยันต์แผ่นนี้สูงมาก ไม่ใช่ยันต์ประเภทที่ใช้ได้ครั้งเดียวแล้วต้องทิ้ง สามารถนำมาใช้ซ้ำได้ ขอแค่มีเงินเทพเซียนมากพอ เทพท่องทิวาราตรีสององค์นั้นก็สามารถดำรงอยู่บนโลกไปได้ตลอด ถึงขั้นที่ว่าต่อให้ถูกสลายปราณวิญญาณร่างทองไปแล้ว แต่ขอแค่คนวาดยันต์มีความสามารถที่จะแต้มนัยน์ตามังกรลงไปบนแก่นของยันต์ ก็ยังสามารถทำให้องค์เทพทั้งสองเผยร่างได้อยู่ดี บอกตามตรง เงินฝนธัญพืชหกสิบสองเหรียญคือเงินก้อนใหญ่มาก แต่เอามาซื้อยันต์ที่มีมูลค่าควรเมืองเช่นนี้ก็ยังไม่มากพออยู่ดี ดังนั้นข้าจึงไม่ได้ซื้อยันต์…”

อดทนฟังอยู่นาน หลี่เป่าผิงที่ทนต่อไปไม่ไหวก็พูดขึ้นด้วยสีหน้าเอาจริงเอาจัง “อาจารย์อาน้อย ท่านทำตัวเป็นคนนอกกับข้าแบบนี้ ข้าเสียใจมากนะ”

เฉินผิงอันอธิบายอย่างใจเย็น “ไม่ว่ากับเจ้าหรือพี่ชายใหญ่ของเจ้า ข้าล้วนไม่เห็นเป็นคนนอก แต่ถ้ากับคนทั้งตระกูลหลี่บนถนนฝูลวี่ ข้ากลับยังต้องเห็นตัวเองเป็นคนนอกสักหน่อย ในช่วงเวลาระหว่างที่อาจารย์อาน้อยรับจำนำยันต์แผ่นนี้ชั่วคราว เจ้าสามารถบอกให้เจ้าขุนเขาเหมาช่วยนำเงินฝนธัญพืชก้อนนั้นส่งไปที่เขตการปกครองหลงเฉวียน ตอนนี้ท่านปู่ของเจ้าเป็นเทพเซียนก่อกำเนิดที่เกิดและเติบโตมาในบ้านเกิดของพวกเรา ไม่ว่าจะสมบัติอาคมแบบใดก็ไม่น่าจะขาดแคลน ถึงอย่างไรหากจะพูดถึงความสามารถด้านการเก็บตกของดีในถ้ำสวรรค์หลีจู สี่แซ่สิบตระกูลย่อมต้องเชี่ยวชาญมากที่สุด แต่เงินเทพเซียนยิ่งมีมากกลับยิ่งดีสำหรับท่านปู่ของเจ้าในเวลานี้ แม้จะบอกว่าสมบัติอาคมที่เป็นสมบัติก้นกรุในตระกูลก็เอาไปขายแลกเงินได้เหมือนกัน ไม่ต้องกลัดกลุ้มว่าจะขายไม่ออก เพียงแต่ว่าสำหรับผู้ฝึกลมปราณแล้ว หากไม่ใช่สมบัติอาคมสมบัติวิเศษที่ไม่สอดคล้องกับมหามรรคาของตนจริงๆ โดยทั่วไปก็ไม่มีใครยินดีเอาออกมาขาย”

หลี่เป่าผิงยิ้มหน้าบาน “ที่แท้อาจารย์อาน้อยก็คิดทำเพื่อข้างั้นหรือ ข้าเข้าใจอาจารย์อาน้อยผิดไปเอง เสียมารยาท เสียมารยาทแล้ว ผิดไปแล้วๆ”

พูดจบหลี่เป่าผิงก็ประสานมือคารวะขออภัยอย่างเข้าท่าเข้าที

พอหลี่เป่าผิงยืดตัวขึ้นตรงแล้ว เฉินผิงอันก็ยื่นมือสองข้างไปบีบแก้มนาง ยิ้มพูดสัพยอก “ฉวยโอกาสตอนที่เป่าผิงน้อยยังไม่โต เวลานี้ต้องรีบบีบไว้ก่อน”

หลี่เป่าผิงยืนนิ่ง ดวงตาที่เปี่ยมไปด้วยความเฉลียวฉลาดมีชีวิตชีวาคู่นั้นโค้งหยีลงเป็นพระจันทร์เสี้ยว

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา!