บนท้องนภามีดวงจันทร์ลอยอยู่สามดวง
นี่คือทัศนียภาพที่จะไม่มีทางได้เห็นในใต้หล้าไพศาล
แสงจันทร์กระจ่างบริสุทธิ์สาดส่องลงบนฟ้าดิน สาดสะท้อนลงบนหิมะหนาที่ทับถมกันจนเหมือนห่มคลุมอยู่บนเทือกเขาใหญ่แสนลี้
เพียงแต่ว่าระหว่างภูเขาลูกใหญ่ที่ทอดยาวต่อเนื่องกันไปนั้นมีเสียงครืดคราดดังอยู่ตลอดเวลา เสียงนั้นสะท้อนก้องไกลไปหลายร้อยลี้
หากมีเซียนที่สามารถทะยานลมอยู่ท่ามกลางทะเลเมฆก้มหน้ามองลงมาก็จะเห็นหุ่นเชิดเกราะทองแต่ละคนที่สูงใหญ่ดุจขุนเขากำลังขับเคลื่อนภูเขาใหญ่แต่ละลูกไปอย่างเชื่องช้า
แล้วก็มีสัตว์ดุร้ายในยุคบรรพกาลที่ลำตัวยาวนับพันจั้งอีกหลายตัวที่บนร่างเต็มไปด้วยบาดแผล พวกมันทุกตัวล้วนถูกหุ่นเชิดเกราะทองที่ในมือถือแส้ยาวควบคุมให้ทำงานหนัก คอยลากภูเขาลูกใหญ่ไปโดยไม่อาจปริปากบ่น
บางครั้งเผ่าพันธุ์บรรพกาลที่จำเป็นต้องพักผ่อนชั่วครู่เหล่านี้ก็จะใช้เรือนกายที่เหนื่อยล้าหมดแรงพิงภูเขาต่างหมอนนอนงีบหลับ บนร่างของพวกมันไม่เหลือความดุร้ายที่มีติดตัวมาตั้งแต่กำเนิดอยู่อีกแล้ว ทั้งหมดล้วนถูกกาลเวลาของความยากลำบากไร้ที่สิ้นสุดขัดเกลาเผาผลาญไปจนหมดสิ้น
ภาพเหตุการณ์เช่นนี้ เมื่ออยู่ในใต้หล้าแห่งนี้ก็มีแค่การเล่าต่อกันไปปากต่อปาก กระพือข่าวลือที่มีอยู่แล้วให้แพร่กว้างออกไป ยังอยู่ห่างไกลจากความเป็นจริงมากนัก
เพราะไม่มีใครกล้าทะยานผ่านท้องฟ้าเหนือขุนเขาแสนลี้แถบนี้โดยพลการ
ในประวัติศาสตร์อันยาวนานเคยมีพวกปีศาจใหญ่ห้าขอบเขตบนบางส่วนไม่เชื่อในข้อห้ามนี้ แล้วก็ถูกหุ่นเชิดเกราะทองจำนวนนับไม่ถ้วนกระชากลงมาจากฟ้า สุดท้ายกลายเป็นหนึ่งในปีศาจใหญ่ที่ต้องใช้แรงงาน กลายมาเป็นโครงกระดูกใหญ่ยักษ์ที่ต้องนอนหลับพักตลอดกาลอยู่ท่ามกลางขุนเขาใหญ่ หรือถึงขั้นไม่ได้ไปเกิดใหม่
บนยอดเขาของกลุ่มเทือกเขามีกระท่อมเก่าโทรมอยู่หลังหนึ่ง ด้านหลังของกระท่อมคือแปลงผักสีเขียวขจีที่นับว่าหาได้ยากในพื้นที่แถบนี้ รอบกระท่อมล้อมด้วยรั้วไม้บิดๆ เบี้ยวๆ มีหมาร่างผอมแห้งจนหนังหุ้มกระดูกคอยนอนหมอบเฝ้าอยู่ตรงหน้าประตูด้วยลมหายใจแผ่วอ่อน
ผู้เฒ่าเรือนกายผอมบางคนหนึ่งมาปรากฏตัวอยู่กลางอากาศนอกประตู เผชิญหน้ากับภูเขาลูกใหญ่ เขายกมือเกาแก้ม ไม่รู้ว่ากำลังคิดอะไรอยู่
หมาผอมแห้งตัวนั้นพลันลุกพรวดขึ้นแล้ววิ่งออกไป แผดเสียงเห่าใส่ทิศทางหนึ่ง
ลมพายุลูกใหญ่ลักษณะคล้ายมังกรม้วนตัว (หรือพายุทอร์นาโด) ลูกหนึ่งม้วนตลบออกไปด้วยพลังอำนาจยิ่งใหญ่ไพศาล ระเบิดทะเลเมฆสีดำทะมึนที่บดบังดวงจันทร์ลูกหนึ่งให้แตกกระจาย
ผู้เฒ่ายังคงไม่สะทกสะท้าน
เมื่อทะเลเมฆถูกแหวกออกแล้ว บนพื้นดินบริเวณโดยรอบที่ห้อมล้อมภูเขาใหญ่ลูกนี้ก็มีหุ่นเชิดเกราะทองหลายตนลุกขึ้นยืน แต่ละตนถืออาวุธประจำกายลักษณะใหญ่โตเกินจริงพอๆ กับเรือนร่างของพวกมัน ในบรรดานั้นก็มีอาวุธจำนวนมากที่เป็นทวนยาวซึ่งทำมาจากโครงกระดูกสีขาวหิมะของสัตว์ร้ายยุคบรรพกาล
หุ่นเชิดเกราะทองหนึ่งในนั้นขว้างทวนยาวกระดูกขาวในมือออกไป เสียงฟ้าร้องดังครืนครั่นราวกับว่ามันมีอานุภาพพอที่จะเปิดฟ้าแหวกดิน
ทวนยาวพุ่งดิ่งเข้าหาเงาร่างที่มีขนาดใหญ่เท่าเมล็ดข้าวสารสองจุดที่อยู่ห่างไปไกลแสนไกล
แขกที่มาเยือนจากทิศไกลสองคนนั้นล้วนเผยกายในร่างของมนุษย์
หนึ่งในนั้นคือผู้เฒ่าร่างสูงใหญ่ที่สวมชุดคลุมยาวสีแดงสด บนพื้นผิวของเสื้อคลุมคือทะเลเลือดที่เกิดริ้วกระเพื่อมเป็นระลอก ยังพอจะมองเห็นได้อย่างเลือนรางว่าบนเสื้อคลุมมีใบหน้าดุดันลอยขึ้นมาเป็นจำนวนมาก พวกมันพยายามจะยื่นมือออกมาจากน้ำทะเล เพียงแต่ว่าชั่วแวบเดียวก็ถูกเลือดสดกลบทับ
ผู้เฒ่าร่างสูงใหญ่คนนี้รัดเข็มขัดสีดำสนิทที่ไม่รู้ว่าทำมาจากวัสดุอะไร บนเข็มขัดฝังเลื่อมเศษชิ้นส่วนของกระบี่ยาวไว้เป็นจำนวนมาก
ข้างกายผู้เฒ่าคือเด็กรุ่นหลังที่มีใบหน้าอ่อนเยาว์ ตรงเอวสองข้างของเขาต่างก็ห้อยกระบี่ยาวไว้ข้างละหนึ่งเล่ม ด้านหลังยังสะพายกล่องกระบี่สีขาวหิมะไว้หนึ่งใบ เผยให้เห็นด้ามของกระบี่ยาวเล่มที่สาม
เห็นทวนยาวเล่มนั้นแหวกอากาศมาถึง สายตาคนหนุ่มฉายประกายร้อนแรง แต่กลับไม่ใช่เพราะทวนยาว แต่เพราะมองเห็นผู้เฒ่าบนยอดเขาที่ยืนหันหลังให้พวกเขา
ทวนยาวที่มีพลังอำนาจน่ากริ่งเกรงถูกผู้เฒ่าชุดแดงมองแค่แวบเดียวก็แตกสลายเป็นผุยผง เศษฝุ่นปลิวกระจายไปรอบด้าน
อาวุธชิ้นที่เหลือที่บินพุ่งเข้ามาล้วนเป็นเหมือนกันหมด ยังไม่ทันขยับเข้ามาใกล้ก็ระเบิดแตกจนสิ้น
ผู้เฒ่าชุดแดงมีโทสะเล็กน้อย สาเหตุไม่ใช่เพราะถูกการจู่โจมนี้ขัดขวาง แต่โมโหว่าวิธีที่ตาแก่นั่นใช้รับแขกช่างดูแคลนผู้อื่นยิ่งนัก แค่ให้พวกหุ่นเชิดเกราะทองเหล่านี้ลงมือ จะดีจะชั่วก็ควรจะปล่อยพวกตาแก่ที่อยู่ในกรงขังใต้ดินออกมาสิ ถึงจะถือว่าให้เกียรติกันบ้าง
ผู้เฒ่าชุดแดงแค่นเสียงเย็น “เจ้าเฒ่าตาบอด คงไม่ใช่ว่าเจ้าอยู่ในถิ่นของคนอื่นมานานเกินไปเลยลืมว่าเจ้านายที่แท้จริงของตัวเองเป็นใครหรอกนะ? เอาเจ้าพวกนี้มาทำให้ข้าเจ็บๆ คันๆ เนี่ยนะ?!”
เห็นเพียงว่าเขายกฝ่ามือข้างหนึ่งตบออกไป หุ่นเชิดเกราะทองตนหนึ่งที่อยู่บนพื้นก็พลันกระแทกจมลงในพื้นดิน ฝุ่นคลุ้งกระจัดกระจาย
หลังจากนั้นก็ลงมือไม่หยุด บนพื้นดินปรากฏเสียงประทัดแตกดังขึ้นเป็นระลอก หุ่นเชิดเกราะทองแต่ละตนที่ร่างสูงใหญ่ดุจขุนเขาล้วนถูกตบจนไม่เหลือร่องรอย
ผู้เฒ่าร่างเล็กเตี้ยบนยอดเขาหันหน้ามา ‘มอง’ ปีศาจใหญ่สองตนที่ยืนอยู่บนจุดสูงสุดของใต้หล้าแห่งนี้
กรอบตาของเขากลวงโบ๋ ประหนึ่งเหวลึกที่ดำมืดมองไม่เห็นก้นบึ้ง
ผู้เฒ่าร่างเล็กเตี้ยที่ถูกเรียกว่าตาเฒ่าตาบอดคนนี้ยังคงยืนเกาแก้มอยู่อย่างนั้น
ตามหลักแล้ว หากเป็นผู้ฝึกตนขอบเขตสิบสามเหมือนกัน หรือเป็นขอบเขตสิบสี่ที่อำพรางตัวลึกลับซึ่งมีน้อยจนนับนิ้วได้ต่อสู้อยู่ในถิ่นของตัวเอง เว้นเสียแต่ว่าคนนอกพกพาอาวุธที่เผด็จการมาด้วย แน่นอนว่าของเล่นประเภทนี้ ต่อให้เอาหลายๆ ใต้หล้ามารวมกันก็ยังนับได้หมด เพราะนอกเหนือจากกระบี่สี่เล่มแล้ว ก็มีพวกป๋ายอวี้จิง ลูกประคำพุทธหรือหนังสือหนึ่งเล่ม นอกจากสิ่งของพวกนี้แล้ว โดยทั่วไปหากอยู่ในใต้หล้าของตัวเองก็ล้วนหยัดยืนอยู่ในสถานะมิพ่าย แม้แต่จะฆ่าอีกฝ่ายก็ยังเป็นไปได้
โดยเฉพาะเมื่อเลื่อนสู่ขอบเขตแรกของขอบเขตสองสาบสูญ หากกินอิ่มว่างงานจนมีเวลาว่างไปเที่ยวเล่นในใต้หล้าแห่งอื่น การที่จะถูกกฎเกณฑ์ของมหามรรคาในฟ้าดินแห่งนั้นสยบกำราบก็ถือเป็นเรื่องที่ ‘สมเหตุสมผลตามหลักฟ้าดิน’ มากที่สุด
เพียงแต่ว่าฟ้าดินกว้างใหญ่ย่อมต้องมีข้อยกเว้นอยู่สักสองสามข้อ จะแปลกตรงไหน?
ยกตัวอย่างเช่นผู้เฒ่าคนนี้ เขาคือคนต่างถิ่นที่มาอาศัยอยู่ในใต้หล้าเปลี่ยวร้าง แต่กลับใช้ชีวิตได้อย่างอิสระเสรียิ่งกว่าเจ้าของบ้านเสียอีก
หรือยกตัวอย่างเช่นนักพรตจมูกโคหน้าเหม็นของใต้หล้าไพศาลคนนั้น
ผู้เฒ่าเปิดปากพูดด้วยน้ำเสียงแหบพร่า “หากเปลี่ยนเป็นคนผู้นั้นที่มาเยือนก็ยังพอทำเนา ส่วนพวกเจ้าสองคน หากยังยืนอยู่สูงขนาดนั้นอีก ข้าจะไม่เกรงใจแล้ว”
‘คนหนุ่ม’ ที่บนร่างพกกระบี่ห้าเล่มคลี่ยิ้ม
ในฐานะปีศาจใหญ่ผู้ฝึกกระบี่ห้าขอบเขตบนที่อายุน้อยที่สุด เขาเคยเข้าร่วมศึกใหญ่สะท้านฟ้าสะเทือนดินครั้งนั้น ถึงขั้นเอาชนะเซียนกระบี่ของกำแพงเมืองปราณกระบี่มาได้ ทำให้อีกฝ่ายจำต้องกลายเป็นหนึ่งในคนเฝ้าประตูของภูเขาห้อยหัว
เขารู้สึกว่าผู้เฒ่าตาบอดที่อยู่ใต้ฝ่าเท้าคนนี้ร้ายกาจมากจริงๆ แต่กลับไม่ได้ร้ายกาจจนถึงขั้นที่ไร้ขื่อไร้แป
สีหน้าของผู้เฒ่าชุดแดงเดี๋ยวมืดเดี๋ยวสว่าง กลิ่นอายดุร้ายอำมหิตทั่วร่างของเขาแทบจะทำให้แม่น้ำแห่งกาลเวลาที่ไหลรินอยู่โดยรอบหยุดชะงัก
แต่สุดท้ายเขาก็ทำเพียงแค่แค่นเสียงดังหึหนึ่งทีแล้วหมุนตัวจากไป
ปีศาจใหญ่เซียนกระบี่หนุ่มที่มีผลงานการต่อสู้เกรียงไกรลังเลเล็กน้อย แล้วทันใดนั้นในทะเลสาบหัวใจของเขาก็มีเสียงที่ค่อนข้างร้อนรนดังขึ้นมา “รีบไป!”
ทว่าเพียงชั่วพริบตา แรงกระชากมหาศาลขุมหนึ่งก็ตรงเข้ามาม้วนหอบร่างของปีศาจใหญ่ผู้ฝึกกระบี่คนนี้
ปีศาจใหญ่ผู้ฝึกกระบี่เตรียมจะอาศัยโอกาสนี้ออกกระบี่ลองดูฝีมือของผู้เฒ่าตาบอดคนนั้นสักหน่อย แต่กลับค้นพบว่าผู้เฒ่าชุดแดงคำรามกร้าวอย่างเดือดดาล คว้าไหล่ของเขาแล้วกระชากเหวี่ยงออกไปให้พ้นจากม่านฟ้า
จากนั้นผู้เฒ่าชุดแดงก็สะบัดชายแขนเสื้อเป็นวงกว้าง ปล่อยแม่น้ำเลือดที่คลื่นโถมซัดสาดออกไป พยายามจะตัดขาดลมปราณที่หมายหัวผู้ฝึกกระบี่หนุ่มคนนั้นให้ได้
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา!