กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา! นิยาย บท 422

นั่งเรือหอซิ่วโหลวที่จำแลงมาจากเรือน้อยแกะสลักด้วยเมล็ดเหอเถาลำนั้นแค่หนึ่งชั่วยามก็แหวกทะเลเมฆลดระดับลงระหว่างยอดของเทือกเขาที่มีไอน้ำล้อมเวียนวน

มาถึงจวนจื่อหยางแล้ว

หากมองมาจากจุดสูง ตระกูลเซียนแห่งนี้มีขนาดไม่เป็นรองวังหลวงของราชวงศ์ในโลกมนุษย์เลย พื้นที่ตรงกลางคือสิ่งปลูกสร้างยิ่งใหญ่โอฬารที่เมื่อถูกแสงอาทิตย์สาดส่องก็มีประกายแสงสีม่วงเหลือบทองเรืองรอง

หลังจากที่พวกเฉินผิงอันลงมาจากเรือแล้ว สตรีร่างสูงโปร่งที่เรียกตัวเองว่าอู๋อี้ ต้งหลิงเจินจวินก็เก็บเรือลำน้อยเมล็ดเหอเถาแกะสลักใส่ไว้ในชายแขนเนื้อ ส่วนดรุณีน้อยที่อยู่รอบด้านก็พากันกลายมาเป็นแผ่นยันต์ แต่กลับไม่ได้ถูกต้งหลิงเจินจวินท่านนั้นเก็บไป เมื่อนางโบกชายแขนเสื้อพัดพายันต์ทั้งหลายไปยังลำคลองที่น้ำไหลริกๆ สายหนึ่ง ยันต์ทั้งหลายก็กลายเป็นปราณวิญญาณอันเปี่ยมล้นที่ผสานรวมเข้ากับน้ำในลำคลอง

ผู้เฒ่าร่างผอมสูงคนหนึ่งมาปรากฏกายอยู่ตรงริมตลิ่งฝั่งตรงข้ามของลำคลองอย่างรู้เวลา เขาคุกเข่าโขกศีรษะให้กับผู้ฝึกตนหญิงผู้นี้พลางตะโกนก้องว่า “เทพน้อยจากศาลจีเซียงคารวะบรรพจารย์ต้งหลิง ขอกราบขอบพระคุณบุญคุณอันใหญ่หลวงของท่านบรรพจารย์ไว้ ณ ที่นี้!”

จูเหลี่ยนตบเข้าที่ศีรษะของเผยเฉียน พูดเบาๆ ว่า “คนบนเส้นทางเดียวกับเจ้าปรากฏตัวอีกคนแล้ว ไปไม่ทักทายหน่อยรึ?”

เผยเฉียนกลอกตามองบนใส่

อู๋อี้กล่าวด้วยสีหน้าเฉยชา “ไม่มีเรื่องอะไรก็กลับไปที่ศาลจีเซียงของเจ้าซะ”

สิ่งศักดิ์สิทธิ์ท่านนั้นรีบลุกขึ้นยืนบอกลา กลายร่างเป็นควันเขียวที่มีประกายแสงสีทองเจือปนผลุบหายเข้าไปในลำคลอง

อู๋อี้ยิ้มอธิบายว่า “ออกจากบ้านก็มักไม่ดีตรงนี้แหละ ยากที่จะหาความสงบสุขได้”

เฉินผิงอันพยักหน้ารับแสดงให้รู้ว่าเข้าใจ

อู๋อี้ถามชวนคุย “คุณชายเฉิน คราวก่อนท่านกับกลุ่มคนที่เดินทางมาด้วยกัน ยกตัวอย่างเช่นแม่นางน้อยชุดแดงที่ท่านพ่อของข้าชื่นชอบมากที่สุดคนนั้น พวกเขาหายไปไหนเสียเล่า?”

เฉินผิงอันยิ้มกล่าว “กำลังเล่าเรียนอยู่ที่ต้าสุย”

อู๋อี้มีท่าทางเสียดายเล็กน้อย

บิดาเคยบอกว่า เด็กหนุ่มร่างสูงใหญ่ที่มีนามว่าอวี๋ลู่ผู้นั้นก็คือรัชทายาทราชวงศ์สกุลหลูผู้ที่แคว้นล่มสลายซึ่งปิดบังชื่อแซ่อำพรางตน!

ปราณมังกรเข้มข้นทั่วร่างของเขาก็คืออาหารรสเลิศที่สุดบนโลกใบนี้

ปีนั้นไม่รู้ว่าเหตุใดบิดาถึงไม่ได้จับกิน นางเองที่อยู่ภายใต้เปลือกตาของบิดาก็ไม่กล้ากระทำการบุ่มบ่าม จึงพลาดของดีไปด้วย แค่ไม่รู้ว่าในอนาคตจะมีโอกาสได้กินอิ่มหนำสักมื้อหรือไม่ ไม่แน่ว่าอาจจะสามารถฝ่าทะลุคอขวดโอสถทองสมควรตายนั่นไปได้

เพื่อฝ่าทะลุขอบเขต สามารถเลื่อนขั้นไปสู่ ‘ปลายทางมหามรรคา’ ของเผ่าพันธ์เจียวหลงในทุกวันนี้อย่างขอบเขตก่อกำเนิด น้องชายยอมกลายเป็นองค์เทพแม่น้ำหันสืออย่างไม่เสียดาย ส่วนตนก็มุมานะฝึกวิชานอกรีต พูดไม่ได้ว่าไร้ประโยชน์ ได้แต่กล่าวว่าการพัฒนาเป็นไปอย่างเชื่องช้าจนแทบจะทำให้คนคลั่งตาย

หรือว่าในอีกร้อยปีพันปีให้หลังก็ยังต้องมีชีวิตอยู่ภายใต้เงาของบิดาต่อไปจริงๆ? ต้องหวาดหวั่นขวัญผวาอยู่ตลอดเวลา กลัวว่าวันใดบิดาหิวโหย หรือไปเข่นฆ่ากับคนอื่นจนได้รับบาดเจ็บสาหัสจำต้องกินอาหารชดเชย แล้วจะเอาบุตรชายบุตรสาวอย่างพวกเขาสองคนมาเติมเต็มให้อิ่มท้อง?

ปีนั้นตนกับน้องชายที่น่าสงสารไปพบชุยฉานราชครูต้าหลีพร้อมกับบิดา ประสบการณ์ครั้งนั้นไม่ถือว่าดี บิดาถูกซิ่วหู่อาศัยแท่นฝนหมึกโบราณชิ้นหนึ่งและวิชาอภินิหารโบราณเล่นงานให้ตบะหายไปสามร้อยปี หลังจบเรื่องบิดาพาลโมโหใส่นางกับน้องชาย ทุบตีพวกเขาจนสภาพน่าอนาถชวนสังเวช แต่ผลลัพธ์ที่ออกมาก็ถือว่าไม่เลว ในที่สุดบิดาก็ได้ออกไปจากแคว้นหวงถิง นางและน้องชายไม่ต้องรู้สึกเหมือนมีภูเขาใหญ่กดทับในหัวใจอีก ถึงอย่างไรท่ามกลางกาลเวลาอันยาวนานหลายพันปี ลูกหลานที่ถูกบิดาผู้มีนิสัยดุร้ายอำมหิตผู้นี้กินเข้าไปก็มีมากจนนับไม่ถ้วน อีกทั้งจวนจื่อหยางและแม่น้ำหันสือต่างก็ได้เป็นพื้นที่สำคัญที่ราชสำนักต้าหลีให้การยอมรับ มีฐานะโดดเด่นเหนือกว่าแคว้นหวงถิง

แน่นอนว่าอู๋อี้นี้เป็นเพียงแค่นามสมมติ ในฐานะบรรพบุรุษของจวนจื่อหยาง ร่างจริงก็ยิ่งเป็นทายาทเผ่าพันธุ์เจียวแห่งแคว้นสู่โบราณ หากไม่เป็นเพราะจดหมายฉบับนั้นที่บิดาส่งมาให้ ต่อให้เฉินผิงอันจะมีผู้ฝึกยุทธขอบเขตเดินทางไกลเป็นผู้ติดตาม นางก็คร้านจะใส่ใจ คงหนีไม่พ้นต่างคนต่างเดินกันไปบนทางของตัวเอง ทำไมนางจะต้องกระตือรือร้นถึงขนาดไปต้อนรับเขาด้วยตัวเอง อีกทั้งยังต้องฝืนใจเค้นรอยยิ้มส่งให้คนหนุ่มคนหนึ่งด้วย?

อู๋อี้พาพวกเฉินผิงอันเดินไปบนทางเส้นใหญ่ริมลำคลองช้าๆ เส้นทางสายนี้ราบเรียบผิดไปจากปกติ เป็นทางที่ถูกปูด้วยหินสีเขียวเส้นยาวก้อนใหญ่ ภาพสะท้อนในแผ่นหินชัดเจนแจ่มแจ๋ว

เผยเฉียนที่ถือไม้เท้าเดินป่าไว้ในมือเอาแต่จับจ้องพื้นหินสีเขียวที่วาววับราวกับกระจก มองนังหนูถ่านดำที่อยู่ข้างในแล้วแสยะเขี้ยวใส่อย่างสนุกสนาน

ก่อนหน้านี้ตอนที่อยู่บนเรือหอเรือน อู๋อี้ไม่ได้พูดคุยอะไรกับเฉินผิงอันมากนัก ดังนั้นจึงฉวยโอกาสนี้แนะนำประวัติความเป็นมาของจวนจื่อหยางให้เฉินผิงอันฟังคร่าวๆ

การตอบรับของเฉินผิงอันบอกได้แค่ว่าไม่ถือว่าเสียมารยาท สำหรับเรื่องประเภทนี้ อย่าว่าแต่หลิวป้าเฉียวแห่งสวนลมฟ้าเลย ต่อให้เป็นหลี่ไหวก็ยังเก่งกว่าเขา

คงเป็นเพราะเปิดจวนน้ำไว้แห่งหนึ่ง และหล่อหลอมตราประทับอักษรน้ำ เมื่อมาเดินอยู่บนนี้ เฉินผิงอันจึงสามารถสัมผัสได้ถึงแก่นชะตาน้ำเป็นเส้นๆ ที่ซุกซ่อนอยู่ท่ามกลางหินยักษ์สีเขียวใต้ฝ่าเท้า

เฉินผิงอันกวาดตามองไปรอบด้าน แล้วก็พลันกระจ่างแจ้งอยู่ในใจ

เผ่าพันธุ์เจียวหลงบนโลกจำเป็นต้องฝึกตนอยู่ใกล้กับน้ำ ต่อให้เป็นทายาทเจียวหลงที่มองดูเหมือนรากฐานของมหามรรคาใกล้เคียงกับภูเขามากกว่า แต่ขอแค่สร้างโอสถทองได้แล้วก็ยังจำเป็นต้องออกมาจากภูเขา ลงแม่น้ำเป็นเจียว หรือลงสายน้ำใหญ่เป็นมังกรแต่โดยดี ซึ่งก็หนีไม่พ้นตัวอักษรน้ำเช่นกัน

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา!