กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา! นิยาย บท 439

สรุปบท บทที่ 439.2 ใจคนเหมือนน้ำที่ไหลลงสู่ที่ต่ำ: กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา!

อ่านสรุป บทที่ 439.2 ใจคนเหมือนน้ำที่ไหลลงสู่ที่ต่ำ จาก กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา! โดย Internet

บทที่ บทที่ 439.2 ใจคนเหมือนน้ำที่ไหลลงสู่ที่ต่ำ คืออีกหนึ่งตอนเด่นในนิยายกำลังภายใน กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา! ที่นักอ่านห้ามพลาด การดำเนินเรื่องในตอนนี้จะทำให้คุณเข้าใจตัวละครมากขึ้น พร้อมกับพลิกสถานการณ์ที่ไม่มีใครคาดคิด เขียนโดย Internet อย่างเฉียบคมและลึกซึ้ง

หลิวจื้อเม่าพลันกดเสียงลงต่ำ ถามว่า “ฮูหยิน เหตุใดเจ้าถึงได้…ไม่ไว้ใจเฉินผิงอันขนาดนี้?”

สายตาของสตรีแต่งงานแล้วอึมครึม “เมื่อครู่นี้เจินจวินก็บอกแล้วว่า คนเราย่อมต้องเปลี่ยนไป”

หลิวจื้อเม่าลูบหนวดยิ้ม

สตรีแต่งงานแล้วถาม “เจินจวิน ท่านลองบอกทีเถิดว่า ข้าที่อยู่ในทะเลสาบซูเจี่ยน ถือเป็นคนชั่วได้ไหม?”

หลิวจื้อเม่าส่ายหน้า “ย่อมไม่ใช่ ถือว่าเป็นคนดีแล้ว มีการให้รางวัลและลงโทษอย่างชัดเจน แล้วก็ไม่เคยกดขี่พวกข้ารับใช้”

สตรีแต่งงานแล้วถามอีก “แม้แต่คนเลวบางครั้งก็ยังมีช่วงเวลาที่จิตใจดีงาม ปีนั้นข้าทำเช่นนั้นกับเฉินผิงอัน ก็เป็นแค่การทำทานด้วยข้าวหนึ่งถ้วยเท่านั้น มีอะไรให้น่าแปลกใจนักหรือ? ตอนนี้ที่ข้าระแวงเฉินผิงอันก็เพราะคิดเผื่อเรื่องใหญ่ในชีวิตของช่านช่าน เพื่อมหามรรคาในการฝึกตนของช่านช่าน ข้าไม่ได้ไปทำร้ายเฉินผิงอันสักหน่อย แล้วนี่ล่ะแปลกตรงไหน?”

หลิวจื้อเม่าพลันกระจ่างแจ้ง “ฮูหยินพูดอย่างนี้ ข้าก็เข้าใจแล้ว”

สตรีแต่งงานแล้วปิดปากหัวเราะ ดวงตาคลอประกายน้ำคู่นั้นเผยแววเย้ายวนทรงเสน่ห์ จากนั้นนางก็ถามว่า “เจินจวินดูแคลนน้ำชาของจวนชุนถิงเราหรือ? ถึงได้ไม่ยอมดื่มแม้แต่คำเดียว? หากจำไม่ผิด นี่คือชาตระกูลเซียนจากเกาะหงอิ่นที่เถียนหูจวินนำมามอบให้ด้วยตัวเองเชียวนะ หรือว่าในจวนของเทียนจวินมีใบชาที่ดียิ่งกว่านี้เก็บซ่อนอยู่?”

“ฮูหยินพูดเช่นนี้ช่างทำให้คนเสียใจยิ่งนัก เอาเถอะ ต่อให้ข้าต้องจ่ายเงินจ้างคนไปควานหาทั่วทิศ ก็จะต้องหาใบชาที่ดีกว่าของเกาะของหงอิ่นมาให้ฮูหยินสักหลายๆ จินให้จงได้”

หลิวจื้อเม่าชี้นิ้วใส่สตรีแต่งงานแล้วพลางหัวเราะร่าเสียงดัง วางฝาถ้วยปิดลงบนถ้วยชาเบาๆ แล้วจึงบอกลาจากไป บอกสตรีแต่งงานแล้วว่าไม่ต้องไปส่ง

สตรีแต่งงานแล้วที่ลุกขึ้นยืนทรุดตัวลงนั่งอีกครั้ง ครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งก็ลุกเดินออกมา

พ่อบ้านวัยชราที่ยืนเฝ้าอยู่ไกลๆ ตรงหน้าประตูเรือน มิใช่ประตูห้องโถงรีบเดินเข้ามาในห้องโถง หากเป็นเวลาปกติเขาย่อมต้องบอกให้สาวใช้ของจวนมาเก็บกวาดทำความสะอาด แต่วันนี้กลับไม่เหมือนกัน เจ้าเกาะมาเยือนด้วยตัวเอง เขาจึงคิดว่าตนควรต้องเป็นผู้เก็บกวาดเอง

ในขณะที่ผู้ฝึกตนเฒ่าท่านนี้หยิบถ้วยชาของหลิวจื้อเม่าขึ้นมาก็เห็นว่าน้ำชาไม่เหลือเลยแม้แต่หยดเดียว มีเพียงใบชาตระกูลเซียนสองสามใบสีเขียวปลั่งราวมรกตนอนนิ่งอยู่ก้นถ้วย

ผู้ฝึกตนเฒ่าปลงอนิจจังอยู่ในใจ เจ้าเกาะยังคงเชื่อใจจวนชุนถิงและฮูหยินเหมือนดังในอดีตเลย

……

พอออกมาจากจวนชุนถิงแล้ว หลิวจื้อเม่าก็ย้อนกลับมาที่จวนของตัวเองโดยตรง บอกให้คนไปหาซื้อใบชาที่แพงที่สุดหลายๆ จินมาจากเมืองหลวงแคว้นจูอิ๋งก่อน

จากนั้นสกัดคงคาเจินจวินที่มีหวังว่าจะเลื่อนขั้นเป็นห้าขอบเขตบนมากที่สุดในทะเลสาบซูเจี่ยนผู้นี้ก็นั่งอยู่บนเบาะรองนั่งใบหนึ่งที่มีมูลค่าควรเมืองในห้องลับ เขาแบฝ่ามือออก กลางฝ่ามือมีหยดน้ำเล็กๆ อยู่หนึ่งหยด สีโปร่งใสแวววาว ต่อมาเขาก็หยิบถ้วยขาวใบหนึ่งออกมาจากชายแขนเสื้อ นำหยดน้ำที่อยู่กลางฝ่ามือใส่ลงไปในถ้วย

เขานั่งเฉยๆ อยู่อย่างนี้จนถึงกลางดึก ก่อนที่หลิวจื้อเม่าจะร่ายวิชาอภินิหาร มาปรากฎตัวอยู่ตรงหน้าเรือนของประตูภูเขา เคาะประตูเบาๆ

เมื่อผลักประตูเดินเข้าไป เฉินผิงอันก็เดินอ้อมโต๊ะหนังสือออกมานั่งอยู่ด้านข้าง ผายมือเชิญให้หลิวจื้อเม่านั่งลง

คนหนุ่มต้าหลีที่มีชาติกำเนิดมาจากตรอกหนีผิงผู้นี้ไม่ได้ชี้หน้าด่าทอตน นี่เป็นทั้งเรื่องดี แล้วก็เป็นทั้งเรื่องร้าย

หลิวจื้อเม่านั่งอยู่ตรงข้ามกับเฉินผิงอัน ยิ้มพลางเอ่ยอธิบายว่า “ก่อนหน้านี้ท่านเฉินไม่อนุญาตให้ข้าเข้าไปวุ่นวายโดยพลการ ข้าก็ได้แต่ไม่สนมารยาทของเจ้าของสถานที่แล้ว ตอนนี้ท่านเฉินบอกว่าต้องการพบข้า ข้าก็ย่อมไม่กล้าให้ท่านเฉินต้องเดินไกล จึงมาเยือนด้วยตัวเอง ไม่ได้บอกก่อนล่วงหน้า ต้องขอให้ท่านเฉินอภัยให้ด้วย”

ผู้ฝึกตนเฒ่าก่อกำเนิดผู้ยิ่งใหญ่ อีกทั้งยังอยู่ในถิ่นของตัวเองอย่างเกาะชิงเสีย สามารถพูดได้ถึงขั้นนี้ก็แสดงให้เห็นถึงความยืดได้หดได้ของเขาแล้ว

เฉินผิงอันยื่นมือออกมาด้วยสีหน้าไร้อารมณ์

หลิวจื้อเม่ารีบบิดข้อมือ บนฝ่ามือมีแผ่นหยกใสแวววาวชิ้นหนึ่งลอยอยู่ เขาถึงขั้นไม่กล้าแตะต้องแม้แต่น้อย เพียงผลักออกไปเบาๆ แล้วเฉินผิงอันก็เก็บลงไป

หลิวจื้อเม่าเอาถ้วยน้ำใบหนึ่งออกมาอีก ใช้นิ้วผลักไปทางเฉินผิงอัน สุดท้ายมันไปหยุดอยู่ตรงกลางของโต๊ะ เขายิ้มบางๆ กล่าวว่า “มารดาของกู้ช่านเพิ่งจะมาพบข้า มีคำพูดบางอย่างที่ข้าหวังว่าท่านเฉินจะลองฟังดู การกระทำเฉกเช่นคนถ่อยนี้ของข้า แน่นอนว่าเป็นการกระทำที่สกปรก แต่ก็ถือว่าเป็นการแสดงความจริงใจอย่างหนึ่ง”

ผิวน้ำในถ้วยขาวเกิดริ้วคลื่นน้อยๆ

เพียงไม่นานก็ปรากฏภาพในจวนชุนถิง รวมไปถึงเสียงบทสนทนาระหว่างหลิวจื้อเม่ากับสตรีแต่งงานแล้ว

คิดไม่ถึงว่าเฉินผิงอันจะยื่นมือออกมา ใช้ฝ่ามือปิดปากถ้วย กระเทือนให้ริ้วน้ำแตกกระจาย ถ้วยขาวที่มีเสียงน้ำสะท้อนก้องกลับคืนสู่ความนิ่งสงบอีกครั้ง

มืออีกข้างหนึ่งคือมือข้างที่กุมกระบี่เจี้ยนเซียนอาวุธกึ่งเซียนในคืนนั้น ต่อให้หลังจบเรื่องเฉินผิงอันจะทายาที่หลอมขึ้นด้วยเวทลับของสกุลลู่ในแผ่นดินกลางซึ่งสามารถทำให้เนื้องอกจากกระดูกขาวที่ลู่ไถมอบให้ไปแล้ว แต่สภาพของมันก็ยังคงเหวอะหวะน่าสยดสยองอยู่ดี

หลิวจื้อเม่ากล่าวด้วยสีหน้าเลื่อมใสจากใจจริง “ท่านเฉินช่างเป็นวิญญูชนคนจริง หลิวจื้อเม่าใช้ใจของคนถ่อยไปวัดใจของวิญญูชนเสียแล้ว”

เฉินผิงอันหดมือกลับมา สอดสองมือไว้ในชายแขนเสื้อ “ข้ารู้ว่านางเป็นคนอย่างไร คิดอย่างไร คำพูดที่นางเอ่ยออกมาอาจจะแย่ยิ่งกว่าที่ข้าจินตนาการเอาไว้ด้วยซ้ำ แต่นาทีที่ข้าย้ายออกมาจากจวนชุนถิง ไม่ว่านางจะมีคำพูดหรือการกระทำอะไร ก็ล้วนไม่เกี่ยวข้องกับข้าอีกแล้ว”

เฉินผิงอันถาม “รากฐานในการฝึกจิตใจของเจินจวินคือเพื่อสิ่งใด”

หลิวจื้อเม่าตอบอย่างไม่ลังเล “นักพรตฝึกตน แน่นอนว่าย่อมต้องแสวงหาความจริง”

เฉินผิงอันถามอีก “ช่วยบอกให้ละเอียดอีกหน่อยได้ไหม? พูดในเรื่องประสบการณ์ของตัวเอง?”

หลิวจื้อเม่าลังเลเล็กน้อย แต่สุดท้ายก็ยังเปิดปากเอ่ยว่า “เจ็ดอารมณ์หกปรารถนา ขมวดรวมกันดั่งปมเชือกที่ยุ่งเหยิง ถ้าเช่นนั้นก็ต้องค่อยๆ สาวมันออกมา แบ่งแยกประเภท…”

กล่าวมาถึงตรงนี้ หลิวจื้อเม่าก็ยื่นนิ้วชี้ไปยังชั้นวางที่ตั้งเรียงรายอยู่หลังโต๊ะหนังสือ “ก็เหมือนที่ท่านเฉินจัดวางเอกสารลับที่แตกต่างกันพวกนี้”

หลิวจื้อเม่าเอ่ยต่ออีกว่า “หลังจากนั้นก็เลือกผู้ฝึกตนที่เดินอยู่บนเส้นทางนอกรีตสายนี้ของข้า ยังต้องมีการเลือกเก็บไว้หรือละทิ้งไป แต่ละคนต่างก็มีทางสายเล็กให้เดิน บางส่วนที่หดเล็กจนมีขนาดเท่าเมล็ดงาก็เอาวางไว้ด้านข้าง บางส่วนที่ขยายใหญ่ดุจขุนเขาก็สร้างความมั่นคงให้อย่างต่อเนื่อง นี่ล้วนเป็นวิธีของการฝึกตนทั้งสิ้น ส่วนข้อที่ว่ารวบรวบเมล็ดงาได้กี่เมล็ด สะสมกองทับกันเป็นภูเขาได้กี่ลูก ก็ต้องดูที่คุณสมบัติและพรสวรรค์ในการฝึกตนของแต่ละคนแล้ว ระหว่างนี้มีด่านที่สำคัญมากมาย มีอันตรายหลายอย่าง รับมือกับเมล็ดงาเล็กๆ พวกนั้นก็อย่างเช่นว่าสามารถอนุมานวิชาบั่นสามศพที่สืบทอดมาจากบรรพกาล วิธีหลอมโอสถทองภายในขึ้นมาได้ ส่วนข้อที่ว่าจะทำให้กลายเป็นภูเขาอย่างไร ก็ยังมีวิถีของการกินแสงพร่างพราวดื่มน้ำค้าง ใช้ยาภายนอก ระหว่างนี้การฝึกตนจะช้าหรือเร็ว รวมไปถึงคอขวดจะสูงหรือต่ำก็ต้องดูที่เคล็ดวิชาการฝึกตนที่สืบทอดมาจากบรรพบุรุษของแต่ละฝ่ายว่ามีระดับขั้นแค่ไหน”

หลิวจื้อเม่าหยุดพูดแต่เพียงเท่านี้ “คงพูดอย่างละเอียดได้แค่นี้ นี่เกี่ยวพันกับรากฐานของมหามรรคา หากยังพูดต่อ นั่นต่างหากถึงจะเป็นจิตหวังความตายที่แท้จริง ไม่สู้ให้ท่านเฉินแทงข้าด้วยกระบี่หลายๆ ครั้งยังดีเสียกว่า”

หลิวจื้อเม่าถาม “ข้ารู้ว่าท่านเฉินดีดลูกคิดไว้ในใจตัวเองเรียบร้อยแล้ว ไม่สู้พูดมาให้ชัดเจนไปเลย?”

เฉินผิงอันยิ้ม “ไม่ต้องรีบร้อน ข้ายังมีคำถามอีก หลิวเหล่าเฉิงเป็นนกขมิ้นที่จับจ้องอยู่ข้างหลัง ทำให้บารมีอำนาจที่เกาะชิงเสียสร้างขึ้นมาหลายร้อยปีในทะเลสาบซูเจี่ยน หรือแม้กระทั่งหนีชิวน้อยก็ล้วนดิ่งลงก้นทะเลสาบภายในค่ำคืนเดียว ถ้าอย่างนั้นเจินจวินจะยังเป็นเจ้าแห่งยุทธภพได้อีกหรือไม่? เจินจวินจะคายเนื้อชิ้นโตที่กินเข้าไปแล้วออกมา ยกสองมือประคองส่งให้หลิวเหล่าเฉิง นับจากนี้ก็ปิดเกาะและสำนักไปนานหลายสิบปี เป็นอ๋องต่างแซ่ของทะเลสาบซูเจี่ยนที่แบ่งแยกดินแดนตั้งตนเป็นอิสระ หรือคิดว่าจะลองพยายามสู้ดูสักตั้ง? ในเมื่อหลิวเหล่าเฉิงเป็นนกขมิ้นที่รออยู่ด้านหลัง แล้วเจินจวินมีหนังกะติ๊กของต้าหลีรออยู่ด้านหลังยิ่งกว่าหรือไม่?”

หลิวจื้อเม่าไม่ได้ตอบคำถามโดยตรง เขาเพียงแค่เอ่ยอย่างจนใจคล้ายปลงอนิจจังและคล้ายน้อยเนื้อต่ำใจ “กลัวก็แต่ว่าตอนนี้ต้าหลีได้หันไปสนับสนุนหลิวเหล่าเฉิงอย่างเงียบๆ แล้ว ไม่มีที่พึ่ง เกาะชิงเสียก็แขนเล็กขาลีบ ไม่อาจสร้างคลื่นมรสุมอะไรขึ้นมาได้ ตอนนี้ในสายตาของหลิวเหล่าเฉิง ข้าหลิวจื้อเม่าไม่ได้ดีไปกว่าพวกแม่นางเปิดสาบเสื้อบนเกาะสักเท่าไหร่ อย่าว่าแต่ปลดเปลื้องอาภรณ์ออกเลย ต่อให้ต้องถลกหนังดึงเส้นเอ็นตัวเอง จะยากตรงไหน?”

เฉินผิงอันยิ้มกล่าว “ได้ยินว่าเจินจวินมีฝีมือชงชาได้อร่อย แล้วก็ดื่มสุราราคาถูกด้วย แต่ข้ากลับทำไม่ได้ ไม่ว่าจะดื่มชาอย่างไรก็ดื่มไม่ชินเสียที รู้แค่คำกล่าวในตำราเท่านั้น”

หลิวจื้อเม่ากล่าวอย่างไม่สบอารมณ์นัก “คำสั่งสอนของท่านเฉิน หลิวจื้อเม่าจดจำไว้ขึ้นใจแล้ว”

เฉินผิงอันหุบยิ้ม “บุญคุณความแค้นระหว่างเจ้าและข้า คิดจะให้จบสิ้นกันไป ย่อมได้ แต่เจ้าต้องมอบคนคนหนึ่งให้ข้า”

หลิวจื้อเม่าส่ายหน้าปฏิเสธโดยตรง “เรื่องนี้ไม่ได้หรอก ท่านเฉินเลิกคิดได้เลย”

—–

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา!