ตามประเพณีนิยมในเมืองเล็กถ้ำสวรรค์หลีจู วันแรกของปี แต่ละบ้านจะเอาไม้กวาดตั้งกลับหัว อีกทั้งยังไม่ควรออกเดินทางไกล
เฉินผิงอันจึงบอกให้หม่าตู่อี๋ช่วยชี้แนะการฝึกตนให้กับเจิงเย่ ช่วงเวลาที่ได้อยู่ร่วมกันมานี้ หลังจากเฉินผิงอันพิจารณาดูแล้ว ปลายปีของปีก่อนเขาจึงมอบกระดาษยันต์ที่บันทึกวิชาลับในการฝึกตนวิถีผีอย่างละเอียดให้แก่หม่าตู่อี๋ ให้นางอ่านได้ตามสบาย หากมีจุดที่ไม่เข้าใจก็สามารถสอบถามเจิงเย่ได้ เป็นผู้ฝึกตนเหมือนกัน ความต่างในด้านพรสวรรค์การฝึกตน แค่มองปราดเดียวก็รู้แล้ว เพียงไม่นานหม่าตู่อี๋ที่เริ่มฝึกวิชาลับวิชานี้ก็ตามมาทัน ใช้เวลาแค่เดือนกว่าก็สามารถชี้แนะและคลี่คลายปมปัญหาที่เจิงเย่ไม่เข้าใจได้
โชคดีที่เจิงเย่เคยชินกับเรื่องนี้แล้ว เขาไม่เพียงแต่ไม่ทดท้อ ผิดหวังหรืออิจฉา กลับกันยังยิ่งตั้งใจฝึกตนมากขึ้น ยิ่งตัดสินใจว่าจะใช้ความขยันมาชดเชยข้อบกพร่องของตัวเองให้จงได้
นี่ทำให้เฉินผิงอันรู้สึกปลาบปลื้มใจไม่น้อย สามารถยอมรับชะตากรรมแต่ไม่ยอมแพ้ให้แก่ชะตากรรม นี่คือนิสัยที่หาได้ยากยิ่งสำหรับผู้ฝึกตน ขอแค่ยืดหยัดไม่แปรเปลี่ยน การประสบความสำเร็จแม้จะล่าช้า แต่ก็ไม่ใช่แค่เรื่องที่เพ้อฝันอีกต่อไป
วันนี้เฉินผิงอันนั่งอาบแดดอยู่ในลานของโรงเตี๊ยมที่ไร้ผู้คน เขาเปิดหีบหนังสือที่ตกหล่นอยู่บนพื้นหิมะออก หยิบตำราแต่ละเล่มออกมาบันทึก คิดว่าหากมีโอกาส วันหน้าจะให้เจิงเย่นำไปคืนเจ้าของเดิม ตราประทับส่วนตัวที่ประทับอยู่บนปกหนังสือล้วนเป็นสองคำว่า ‘น้ำไหลเมฆคล้อย’ และ ‘ผู้เฒ่าหลินสวิน’ ในอนาคตหากเจิงเย่คิดจะสืบสาวเบาะแสไปค้นหาตระกูลบัณฑิตที่หนีภัยลงใต้นั้นก็ไม่น่าจะเป็นเรื่องยาก
ยามเที่ยงวันเฉินผิงอันก็ได้รับจดหมายกระบี่บินจากเกาะชิงเสียอีกครั้ง บอกว่ามีกระบี่บินเล่มหนึ่งมาจาภูเขาพีอวิ๋นเขตการปกครองหลงเฉวียนต้าหลี เนื่องจากเฉินผิงอันไม่อยู่ที่ทะเลสาบซูเจี่ยน จึงได้แต่เก็บไว้ในห้องกระบี่ของเกาะชิงเสียชั่วคราว หลิวจื้อเม่าส่งกระบี่บินมาสอบถามเฉินผิงอันว่าจะให้จัดการอย่างไร เฉินผิงอันตอบกลับไปโดยการบอกสถานที่ที่พวกเขาสามคนหยุดพักในปัจจุบัน รบกวนให้เจ้าเกาะหลิวเดินทางนำกระบี่บินส่งข่าวมาให้เขาด้วยตัวเองสักครั้ง
คืนของวันที่หนึ่งหลิวจื้อเม่าก็มาถึงโรงเตี๊ยมในเมือง นำกระบี่บินส่งข่าวที่มาจากองค์เทพขุนเขาเหนือต้าหลีมาให้เฉินผิงอันด้วยตัวเอง
เฉินผิงอันไม่ได้เปิดกระบี่บินจากภูเขาพีอวิ๋นออกต่อหน้าหลิวจื้อเม่า เซียนดินก่อกำเนิดคนหนึ่ง โดยเฉพาะก่อกำเนิดเฒ่าที่มีหวังว่าจะเลื่อนสู่ห้าขอบเขตบนอย่างหลิวจื้อเม่าผู้นี้ ย่อมมีวิชาอภินิหารมากมายหลายอย่าง ทั้งสองฝ่ายเป็นพันธมิตรกันเพื่อผลประโยชน์ชั่วคราว ไม่ใช่สหายกันจริงๆ ความสัมพันธ์ไม่ได้ดีถึงขั้นนั้น
คนทั้งสองนั่งอยู่ตรงข้ามกันในห้องของโรงเตี๊ยม
หลิวจื้อเม่าพูดเข้าประเด็นทันที “ตามที่ท่านเฉินกำชับไว้ก่อนออกมาจากเกาะชิงเสีย ข้าได้สลายตราผนึกบนร่างของหงซูแห่งจวนจูเสียนไปอย่างเงียบเชียบแล้ว แต่ไม่ได้เป็นฝ่ายส่งตัวนางไปยังเกาะกงหลิ่วเพื่อแสดงความเป็นมิตรต่อหลิวเหล่าเฉิง ตอนนี้หลิวเหล่าเฉิงกับท่านเฉินเป็นพันธมิตรกัน ต่อให้เป็นสหายของสหายก็ไม่แน่เสมอไปว่าต้องเป็นสหายของเรา ทว่าความสัมพันธ์ระหว่างเกาะชิงเสียกับเกาะกงหลิ่วก็ถือว่าผ่อนคลายลงเพราะท่านเฉิน ถานหยวนอี้เคยมาเยือนเกาะชิงเสีย เห็นได้ชัดว่ายิ่งรู้สึกนับถือต่อท่านเฉินอีกหลายส่วน ดังนั้นครั้งนี้ข้ามาเยือนด้วยตัวเอง นอกจากจะนำกระบี่บินส่งข่าวจากต้าหลีมามอบให้แล้ว ยังนำของขวัญเล็กๆ มาให้อีกชิ้นหนึ่ง ถือเสียว่าเป็นของขวัญปีใหม่เริ่มต้นฤดูใบไม้ผลิที่ทางเกาะชิงเสียมอบให้ท่านเฉิน ท่านเฉินอย่าได้ปฏิเสธ เดิมทีนี่ก็เป็นกฎที่มีมาหลายปีบนเกาะชิงเสีย ยามเดือนแรก ผู้ถวายงานทุกคนของเกาะล้วนได้รับ”
เฉินผิงอันยิ้มกล่าว “กฎเกณฑ์ทั้งเล็กและใหญ่ ทั้งเก่าและใหม่บนเกาะชิงเสีย ข้าล้วนรู้ชัดเจนดี ดังนั้นต่อให้เจ้าเกาะหลิวไม่มอบให้ ข้าก็ต้องเอ่ยเตือนเจ้าเกาะหลิวอยู่ดี”
หลิวจื้อเม่าหยิบกำไลข้อมือเมล็ดลูกท้อที่ค่อนข้างจะหลวมออกมาวงหนึ่ง ดูเหมือนว่าอายุจะมากแล้ว อีกทั้งยังเก็บรักษาได้ไม่ดีจึงมีเมล็ดลูกท้อเกือบครึ่งหล่นหายไป เหลือเพียงเมล็ดลูกท้อแปดเมล็ดที่สลักเป็นรูปขององค์เทพอย่างเทพพิรุณ เทพสายฟ้า เจ้าแม่ฟ้าแลบ ฯลฯ แต่ละเมล็ดมีขนาดเท่านิ้วหัวแม่มือ เปี่ยมล้นไปด้วยความโบราณเก่าแก่ ทว่าองค์เทพยุคบรรพกาลแต่ละองค์กลับเหมือนมีชีวิตจริง หลิวจื้อเม่ายิ้มกล่าว “แค่ปลดลงมาแล้วโยนลงบนพื้น ก็สามารถออกคำสั่งแก่ลม ฝน ฟ้าร้อง ฟ้าแลบ เปลวเพลิง ฯลฯ ได้ พลังอำนาจหลังจากที่เมล็ดลูกท้อเมล็ดหนึ่งระเบิดออกเท่ากับการโจมตีอย่างเต็มกำลังของเซียนดินโอสถทองทั่วไป เพียงแต่ว่าทุกครั้งที่นำมาใช้ เมล็ดลูกท้อทุกเมล็ดจะถูกทำลาย เป็นเหตุให้มันไม่ถือว่าเป็นสมบัติอาคมที่ดีเท่าไหร่นัก แต่ตอนนี้เรือนกายและจิตวิญญาณของท่านเฉินได้รับความเสียหาย ไม่สะดวกจะลงมือเข่นฆ่ากับคนอื่นบ่อยๆ วัตถุชิ้นนี้จึงเหมาะสมพอดี”
เฉินผิงอันเก็บมันไปไว้ในชายแขนเสื้อเบาๆ แล้วเอ่ยขอบคุณ “เป็นเช่นนี้จริง เจ้าเกาะหลิวมีใจแล้ว”
หลิวจื้อเม่ายิ้มบางๆ กล่าวว่า “ช่วงนี้มีเรื่องเกิดขึ้นสามเรื่องซึ่งเป็นเรื่องที่สร้างความสะท้านสะเทือนให้แก่ราชวงศ์จูอิ๋งและแคว้นใต้อาณัติทั้งหมด เรื่องหนึ่งคือผู้ฝึกกระบี่ขอบเขตเก้าที่แฝงตัวอยู่ในทะเลสาบซูเจี่ยนคนนั้นถูกสตรีชุดเขียวกับเด็กหนุ่มชุดขาวไล่ล่าไปไกลพันกว่าลี้ สุดท้ายก็ร่วมมือกันสังหารเขา สตรีชุดเขียวก็คือผู้ฝึกตนไร้นามที่ก่อนหน้านี้ทำลายศาลบรรพชนบนภูเขาพุดตานในช่วงที่มีการคัดเลือกเจ้าแห่งยุทธภพ เล่าลือกันว่าสถานะของนางก็คือหน่วยจานกานของต้าหลี ส่วนเด็กหนุ่มชุดขาวที่จู่ๆ ก็โผล่มาผู้นั้นมีวิชาอภินิหารค้ำฟ้า สมบัติอาคมที่อยู่บนร่างเขาเรียกได้ว่ามากมายละลานตา ตลอดทางที่ไล่ล่ากันไป เขากลับทำเหมือนเดินเล่น ทว่าผู้ฝึกกระบี่ขอบเขตเก้ากลับมีสภาพอเนจอนาถอย่างยิ่ง”
กล่าวมาถึงตรงนี้ หลิวจื้อเม่าก็ยิ้มมองเฉินผิงอัน
เฉินผิงอันถาม “เกาะหวงหลีว่าอย่างไร?”
หลิวจื้อเม่ากล่าว “หลังจากคู่สามีภรรยาเซียนดินเกาะหวงหลีทราบข่าว วันนั้นก็ได้มาเยี่ยมเยือนถานหยวนอี้ ขอร้องให้เขาช่วยปกป้อง ถือว่าหันไปสวามิภักดิ์ต่อต้าหลีอย่างจริงจังแล้ว”
เฉินผิงอันพยักหน้ารับ “ถือว่าเป็นข่าวดี”
หลิวจื้อเม่าเอ่ยต่อ “เรื่องที่สองก็คือก่อนเทศกาลหยวนเซียวในเดือนหนึ่งของปีนี้ ซูเกาซานแม่ทัพใหญ่จะบุกโจมตีเมืองหลวงแคว้นสือหาว หากไม่ยินดีจะตายไปพร้อมกับสกุลหันแคว้นสือหาว ขอแค่ในตระกูลที่มีคนเป็นขุนนางแปะภาพเทพทวารบาลเป็นภาพของหยวน เฉาสององค์ของต้าหลีไว้บนประตูบ้านในเดือนหนึ่งก็สามารถหนีพ้นหายนะจากไฟสงครามได้ หากกองทัพม้าเหล็กต้าหลีทำลายกำแพงเมืองได้แล้ว ตระกูลชนชั้นสูงที่ยังไม่แปะภาพเทพทวารบาลไว้บนประตูบ้านก็จะถูกมองเป็นกากเดนของสกุลหันทั้งหมด และเมื่อกำแพงเมืองถูกตีแตกแล้ว ภายในสามวัน ชาวบ้านร้านตลาดที่เปลี่ยนมาใช้ภาพเทพทวารบาลของต้าหลีทั้งหมดก็จะสามารถหลบพ้นจากการโจมตีไปได้ หลังผ่านสามวันไปแล้ว เรือนน้อยใหญ่ที่ไม่แขวนเทพทวารบาลต้าหลีจะต้องถูกบันทึกลงในบัญชี เพื่อเตรียมไว้คิดบัญชีย้อนหลัง”
เฉินผิงอันเอ่ยเบาๆ “วางแผนไว้อย่างละเอียดรอบคอบก่อน แล้วจึงโจมตีทางด้านจิตใจ”
สีหน้าของหลิวจื้อเม่าแฝงเลศนัย “ส่วนเรื่องที่สาม หากเป็นในยุคสันติสุขก็ถือว่าเป็นความเคลื่อนไหวที่ไม่เล็ก ทว่าเมื่อเกิดในเวลานี้กลับไม่สะดุดตาเท่าไหร่แล้ว หันจิ้งซิ่นองค์ชายที่ได้รับความรักและเอ็นดูจากฮ่องเต้แคว้นสือหาวมากที่สุดตายอย่างเฉียบพลันอยู่ในป่าชานเมืองแห่งหนึ่ง สภาพศพไม่สมบูรณ์ ท่านเจิงผู้ถวายงานของเชื้อพระวงศ์ก็หายตัวไปอย่างไร้ร่องรอย หูหานบุคคลอันดับหนึ่งวิถีวรยุทธ์แคว้นสือหาวก็ถูกตัดหัวไปเช่นกัน ว่ากันว่าสวี่เม่านักกวีผู้ถือหอกได้นำหัวสองหัวเป็นสิ่งของแสดงการสวามิภักดิ์ นำไปมอบให้กับซูเกาซานแม่ทัพหลักของต้าหลีในค่ำคืนที่มีลมหิมะ จึงได้รับการเลื่อนตำแหน่งให้เป็นแม่ทัพเชียนอู่หนิวที่เป็นขุนนางระดับสี่ชั้นเอกของราชวงศ์ต้าหลี เรียกได้ว่าเดินขึ้นฟ้าในก้าวเดียว การช่วงชิงคุณความชอบทางการทหารของต้าหลีในตอนนี้นับว่าไม่ง่ายเลยจริงๆ”
หลิวจื้อเม่าหยิบถ้วยเหล้าสองใบมาวางบนโต๊ะ เฉินผิงอันปลดน้ำเต้าเลี้ยงกระบี่ลงมาแล้วคลี่ยิ้ม หลิวจื้อเม่าจึงเก็บถ้วยเหล้าใบหนึ่งไปอย่างรู้กาลควร ทั้งๆ ที่รู้ดีว่านักบัญชีตรงหน้าไม่มีทางดื่มเหล้าจากถ้วยของตน ทว่ากฎในวงเหล้าเล็กๆ น้อยๆ ข้อนี้ก็ยังต้องมี เฉินผิงอันรินเหล้าให้หลิวจื้อเม่าหนึ่งถ้วย ส่วนตัวเองดื่มเอาจากน้ำเต้าเลี้ยงกระบี่
เฉินผิงอันที่ดื่มเหล้าแล้วเอ่ยช้าๆ ว่า “เจ้าเกาะหลิวไม่ต้องสงสัยแล้ว ฆ่าเป็นคนสังหารพวกเขาเอง ส่วนศีรษะทั้งสองนั้น สวี่เม่าเป็นผู้ตัดเอาไป ข้าไม่ฆ่าสวี่เม่า เขาช่วยข้าแบกรับความยุ่งยากเอาไว้ ต่างคนต่างได้ในสิ่งที่ตัวเองต้องการ”
“เป็นเช่นนี้จริงๆ ด้วย”
หลิวจื้อเม่าหัวเราะเสียงดังกังวาน “แคว้นสือหาวจะบอกว่าใหญ่ก็ไม่ใหญ่ จะบอกว่าเล็กก็ไม่เล็ก สามารถมาชนปลายกระบี่ของท่านเฉินได้ก็คงเป็นชะตากรรมของหันจิ้งซิ่นที่ชีวิตนี้ไม่มีทางได้เป็นฮ่องเต้แล้ว ทว่าบอกตามตรง ในบรรดาองค์ชายหลายคน หันจิ้งซิ่นถูกฮ่องเต้แคว้นสือหาวฝากความหวังไว้ให้มากที่สุด ตัวเขาเองก็มีอุบายลึกล้ำ เดิมทีโชควาสนาของเขาก็ดียิ่งกว่าใคร น่าเสียดายที่เจ้าเด็กนี่รนหาที่ตายเอง ช่วยไม่ได้จริงๆ”
เฉินผิงอันถาม “เจ้าเกาะหลิว มีเรื่องหนึ่งที่ข้าคิดเท่าไหร่ก็ยังไม่เข้าใจ ราชวงศ์จูอิ๋งมีแคว้นใต้อาณัติมากมายขนาดนี้ ทำไมพวกเขาแต่ละแคว้นจึงเลือกจะงัดข้อกับกองทัพม้าเหล็กต้าหลีให้ถึงที่สุด อยู่ในแจกันสมบัติทวีป ในฐานะของแคว้นใต้อาณัติที่พึ่งพาราชวงศ์ใหญ่ เดิมทีไม่ควรทำอย่างนี้ถึงจะถูก ในราชสำนัก เสียงคัดค้านก็ไม่ควรจะเบาขนาดนี้ นับตั้งแต่แคว้นหวงถิงใต้อาณัติของต้าสุย มาจนถึงแถบทางเหนือของสำนักศึกษากวานหู พื้นที่แถบเหนือทั้งหมดของแจกันสมบัติทวีป…”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา!