กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา! นิยาย บท 457

เรือหอเรือนจอดเทียบท่าที่เกาะชิงเสีย กู้ช่านไม่ได้บอกว่าจะไปที่จวนชุนถิง แต่เอ่ยว่าตนสามารถพักอยู่ในเรือนตรงหน้าประตูภูเขา เป็นเพื่อนบ้านกับสหายอย่างเจิงเย่ได้

ผลกลับกลายเป็นว่าหม่าตู่อี๋ยึดครองห้องที่เป็นของเฉินผิงอันไปเพียงลำพัง ไล่ให้กู้ช่านไปอยู่กับเจิงเย่

กู้ช่านไม่คิดอะไรมาก

ตลอดทางที่อยู่ร่วมกันมา สำหรับหม่าตู่อี๋ที่ปากคมเป็นมีดแต่ใจอ่อนดุจเต้าหู้ กู้ช่านไม่ได้รู้สึกรังเกียจนาง อยู่ด้วยกันนานวันเข้ากลับยังรู้สึกว่านางเป็นอย่างนี้ก็ดีมากเหมือนกัน

เฉินผิงอันอาจรู้สึกว่าตัวเองได้นำหลักการเหตุผลของทั้งชีวิตมาใช้ในทะเลสาบซูเจี่ยนจนหมดสิ้นแล้ว

แต่กู้ช่านกลับรู้สึกว่าชีวิตนี้ของตน ถ้อยคำประจบเยินยอที่คนอื่นเอ่ยให้ฟัง เขาล้วนฟังมาหมดสิ้นในช่วงเวลาตลอดหลายปีที่อยู่ในทะเลสาบซูเจี่ยนแล้ว

หลังจากนั้นกู้ช่านก็ไปดูซากปรักของจวนเหิงโป อีกทั้งยังไปยืนอยู่นอกจวนชุนถิงครู่หนึ่ง

แสงแดดของฤดูใบไม้ผลิในวันนี้งดงามแจ่มใส กู้ช่านกับเจิงเย่และหม่าตู่อี๋จึงนั่งอาบแดดเรียงกันอยู่บนเก้าอี้ไม้ไผ่ตัวเล็ก

มีสตรีเรือนกายสูงโปร่งแต่งกายด้วยชุดขาววังคนหนึ่งลงเรือที่ท่าเรือ แล้วเดินนวยนาดมา

หลิวจ้งรุ่นแห่งเกาะจูไช

กู้ช่านรู้แค่ว่าเฉินผิงอันรู้สึกผิดต่อเจ้าเกาะผู้นี้เล็กน้อย บอกว่าติดค้างเงินเทพเซียนบางส่วนกับนาง ดังนั้นการเดินทางกลับทะเลสาบซูเจี่ยนครั้งนี้ ต่อให้หลิวจ้งรุ่นไม่มาเยือนเกาะชิงเสีย กู้ช่านก็จะไปเยือนเกาะจูไชด้วยตัวเองเพื่อพูดคุยเรื่องบางอย่างกับหลิวจ้งรุ่น หลีกเลี่ยงไม่ให้เจ้าเกาะหลิวที่หน้าตางดงามบุคลิกดีเลิศผู้นี้เข้าใจผิดคิดว่าเฉินผิงอันชักดาบหนีหนี้ไปแล้ว หลิวจ้งรุ่นในเวลานี้ร้ายกาจอย่างยิ่ง ที่น่าประหลาดใจที่สุดก็คือต่อให้หลิวจ้งรุ่นแสดงตบะที่แท้จริงอย่างขอบเขตเซียนดินโอสถทองออกมา จนกระทั่งบุกฝ่าเส้นทางสายเลือดไปได้รับแผ่นป้ายสงบสุขปลอดภัยที่ระดับขั้นเข้าขั้นของต้าหลีมาครองแผ่นหนึ่งท่ามกลางความอิจฉาตาร้อนของเจ้าเกาะแต่ละแห่ง แต่ถึงกระนั้นก็ยังเกิดการคาดเดามากมายเกี่ยวกับตัวนาง ยกตัวอย่างเช่นเป็นเพราะซูเกาซานหมายตาในความงามของหลิวจ้งรุ่นหรือไม่? หรือว่าเป็นคนหนุ่มอย่างกวนอี้หรานที่กุมอำนาจใหญ่ผู้นั้นที่มีรสนิยมชื่นชอบสตรีอายุมากกว่า? เพราะถึงอย่างไรปีนั้นหลิวจ้งรุ่นก็เป็นถึงองค์หญิงใหญ่ที่ทำให้ผู้ฝึกกระบี่เชื้อพระวงศ์จูอิ๋งเฝ้าคิดถึงคะนึงหา

แน่นอนว่ากู้ช่านรู้ดีว่าไม่มีเรื่องราวสวยหรูแต่แฝงไปด้วยมลพิษสกปรกเหล่านั้นอยู่ เพราะเฉินผิงอันเคยเปิดเผยความลับบอกว่า ในฐานะที่หลิวจ้งรุ่นคือองค์หญิงของแคว้นใหญ่ที่ล่มสลาย นางจึงนำวิชาลับของตำราวารีที่จนถึงทุกวันนี้ราชวงศ์จูอิ๋งก็ยังขุดหาไม่เจอมาแลกด้วยการปกป้องจากป้ายปลอดภัยแผ่นนั้น นี่ไม่เพียงแต่ต้องคุ้มครองทรัพย์สินทั้งหมดบนเกาะจูไช นางยังเหมือนเดินขึ้นฟ้าในก้าวเดียว กลายเป็นหนึ่งในผู้ฝึกตนถวายงานของต้าหลี

ส่วนในเรื่องนี้มีเฉินผิงอันคอยช่วยสานความสัมพันธ์ให้หรือไม่ เขาไม่ได้พูด

หลิวจ้งรุ่นเห็นกู้ช่านลุกขึ้นยืนต้อนรับตัวเองก็ยิ้มถามว่า “ท่านเฉินจะกลับทะเลสาบซูเจี่ยนเมื่อไหร่?”

กู้ช่านส่ายหน้า “ตอนนี้ยังไม่รู้ แต่ว่าช่วงนี้คงไม่กลับมา”

หลิวจ้งรุ่นพยักหน้ารับด้วยสีหน้าเป็นปกติ แล้วก็ทำท่าจะจากไปทั้งอย่างนั้น

กู้ช่านที่ลุกขึ้นยืนรีบเดินตามเจ้าเกาะหลิวท่านนี้ไป พูดคุยถึงเรื่องที่เฉินผิงอันมอบหมายให้เขานำมาบอกนาง

หลิวจ้งรุ่นไม่ยอมรับและไม่ปฏิเสธ แล้วก็ไม่ได้เอ่ยอะไรที่แสดงถึงการตัดสินใจ เพียงแค่จากไปเท่านั้น

กู้ช่านกลับไปที่ม้านั่งไม้ไผ่ตัวเล็ก

ผลกลับกลายเป็นว่ามีผู้ฝึกตนผีจวนจูเสียนคนหนึ่งมาปรากฏตัวที่ท่าเรือ

หลิวจ้งรุ่นลังเลเล็กน้อย แต่สุดท้ายก็ยังหยุดเดิน ถอนหายใจเอ่ยว่า “หม่าหย่วนจื้อ เจ้าตามตื้อข้ามานานหลายปีขนาดนี้ ไม่เบื่อหรือไร? หากเจ้ามีใจเช่นนี้จริง เหตุใดไม่ตั้งใจฝึกตนให้ดี เพื่อจะได้เลื่อนขั้นเป็นเซียนดินในเร็ววัน?”

ผู้ฝึกตนผีที่จงใจเปลี่ยนมาสวมชุดสีเขียวเรียบง่ายแต่ดูสง่างามแสยะมุมปากยกยิ้ม “องค์หญิงใหญ่ ทั้งๆ ที่รู้ดีว่าเฉินผิงอันไม่อยู่เกาะชิงเสีย แต่ท่านก็ยังมาเยือนที่นี่ ข้ารู้ดีว่าท่านคิดอย่างไร”

หลิวจ้งรุ่นเริ่มมีโทสะ “ไสหัวไป”

หม่าหย่วนจื้อไม่กล้าขัดขวาง เขายอมหลีกทางให้แต่โดยดี ปล่อยให้หลิวจ้งรุ่นเดินตรงไปขึ้นเรือข้ามฟากของเกาะจูไช

เพียงแต่ว่าเขาไม่สามารถควบคุมดวงตาสุนัขของตัวเองที่แอบชำเลืองมองแผ่นหลังขององค์หญิงใหญ่อยู่หลายทีได้ ช่างบำรุงร่างกายตัวเองได้ดีจริงๆ

หลิวจ้งรุ่นหยุดเดินแล้วหันกลับมา

เพราะสัมผัสได้ถึงสายตาที่ชั่วร้ายของหม่าหย่วนจื้อ

นางจึงตวาดกร้าว “เจ้ารนหาที่ตายงั้นรึ?!”

หม่าหย่วนจื้อกลืนน้ำลาย กล่าวอย่างน้อยเนื้อต่ำใจว่า “ก็ข้าเป็นห่วง กลัวว่าหลังจากที่องค์หญิงใหญ่ผ่านคลื่นมรสุมครั้งนี้มาจะผอมลงหรือไม่ ตอนนี้ในที่สุดก็วางใจได้แล้ว”

หม่าหย่วนจื้อฉวยโอกาสนี้ชำเลืองตามองไปทางหน้าอกของนางอีกแวบหนึ่ง เนินเขาสลับขึ้นลง งดงามจนแทบละสายตาไม่ได้

หลิวจ้งรุ่นกล่าวอย่างมีโทสะ “เจ้าสุนัขไม่เปลี่ยนนิสัยกินอาจม!”

หม่าหย่วนจื้อเอ่ยอย่างไม่ใคร่จะพอใจนัก “ข้าไม่อนุญาตให้องค์หญิงใหญ่เหยียบย่ำตัวเองเช่นนี้ ต่อให้องค์หญิงใหญ่จะเหยียบข้าไว้ใต้ฝ่าเท้า ข้าก็จะไม่บ่นแม้แต่คำเดียว แต่องค์หญิงใหญ่พูดถึงตัวเองเช่นนี้ ข้าไม่ยอม ในใจของข้า องค์หญิงใหญ่จะเป็นสตรีมหัศจรรย์ไร้มลทินที่งดงามที่สุดในโลกตลอดไป…”

หลิวจ้งรุ่นถึงเพิ่งจะตระหนักได้ว่าตัวเองกล่าวผิดไป ด้วยความอับอายที่พานมาเป็นความโกรธ นางจึงสะบัดชายแขนเสื้อตบให้ผู้ฝึกตนผีปลิวกระเด็นออกไปจากท่าเรือ

หม่าหย่วนจื้อที่รั้งร่างกายให้หยุดนิ่งและทำจิตใจให้มั่นคงได้แล้ว ความรู้สึกนับร้อยพลันประดังประเดกันเข้ามา น้ำตาร้อนๆ เอ่อคลอนัยน์ตา เขาเช็ดหน้า รู้สึกเพียงว่าในที่สุดความน้อยเนื้อต่ำใจและความทุกข์ยากนับพันประการที่เผชิญมาตลอดหลายปีก็ได้รับการชดเชยเสียที เขาพึมพำว่า “องค์หญิงใหญ่ สตรีล้วนหน้าบาง ไม่กล้าจะพูดจากระหนุงกระหนิงกับข้าก็ไม่เป็นไร การตีการด่าก็แสดงว่ารักได้เหมือนกัน เรื่องนี้ข้าเข้าใจดี”

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา!