ความเคลื่อนไหวนี้รุนแรงเกินไป พลังอำนาจดุดันน่าเกรงขาม ประเด็นสำคัญคือดูจากท่าทางของอีกฝ่ายแล้ว ไม่เหมือนสหายที่จะมาเยี่ยมเยือนเพื่อพูดคุยเรื่องในวันวานกับภูเขาเหมิงหลงเลยแม้แต่น้อย
ที่น่ากระอักกระอ่วนมากไปกว่านั้นคือ ดูเหมือนภูเขาเหมิงหลงจะไม่มีสหายที่เปี่ยมไปด้วยมาดแห่งเซียนกระบี่เช่นนี้ด้วย
ภูเขาเหมิงหลงเปิดใช้ค่ายกลพิทักษ์ภูเขาอย่างไม่ลังเล ใช้ศาลบรรพจารย์เป็นแกนกลางของค่ายกลใหญ่ เดิมทีบรรยากาศก็มืดมนเพราะฝนที่เทกระหน่ำอยู่แล้ว ตอนนี้ยังมีไอหมอกสีขาวผุดลอยจากตีนเขา แผ่ปกคลุมภูเขาทั้งลูกเอาไว้ หากมองจากด้านในไปภายนอก การมองเห็นของคนบนภูเขากลับเปลี่ยนมาเป็นแจ่มชัดราวกับเวลากลางวัน หากมองจากข้างนอกมาด้านใน นายพรานคนตัดฟืนทั่วไป ยามที่มองมายังภูเขาเหมิงหลงจะเห็นเป็นเพียงสีขาวขมุกขมัว มองไม่เห็นเค้าโครงของภูเขาด้วยซ้ำ
ไม่เพียงเท่านี้ ยังมีแสงสีขาวยาวหลายสิบจั้งอีกหลายเส้นพุ่งออกมาจากศาลบรรพจารย์ ลอดทะลุไปตามม่านฝนไอหมอกของภูเขาอย่างไม่เป็นระเบียบ
ตั้งท่าพร้อมรับมือ
ผู้ฝึกตนที่กุมอำนาจหลายคนบนภูเขาเหมิงหลงต่างออกมาจากจวนของตัวเอง มารวมตัวกันที่ศาลบรรพจารย์ ส่วนลึกในใจย่อมหวังให้เซียนกระบี่ที่พลังอำนาจสะท้านฟ้าผู้นั้นเป็นมิตร มิใช่ศัตรู
ผู้ฝึกตนเจ้าสำนักภูเขาเหมิงหลง ลวี่อวิ๋นไต้ บุตรชายลวี่ทิงเจียว ต่างก็เป็นบุคคลที่มีชื่อเสียงเลื่องลือของแคว้นไฉ่อี คนหนึ่งอาศัยตบะ คนหนึ่งอาศัยบิดา
ข้างกายพ่อลูกมีผู้ฝึกตนเฒ่าที่มีชื่อเสียงไปทั่วแคว้น ลูกศิษย์ผู้สืบทอดของศาลบรรพจารย์และเค่อชิงผู้ถวายงานรวมแล้วหลายสิบคน ทุกคนต่างก็อารมณ์หนักอึ้ง
ทุกคนได้แต่มองดูเส้นแสงสีทองเส้นนั้นขยับเข้ามาใกล้ภูเขาเหมิงหลงเรื่อยๆ โดยที่ไม่อาจทำอะไรได้เลย
จะให้ออกไปทักทายคนที่มาเยือนก็คงไม่ใช่เรื่องสมควรกระมัง?
ผู้ฝึกกระบี่ที่ทั้งจนที่สุด แล้วก็ทั้งรวยที่สุดในใต้หล้า ในฐานะหนึ่งในสี่ผีใหญ่ที่ตอแยด้วยยากที่สุดบนภูเขา อีกทั้งลำดับยังอยู่เป็นอันดับต้น รับมือด้วยยากก็เพราะพลังสังหารของพวกเขารุนแรง ไม่เพียงแต่ออกกระบี่รวดเร็ว ยังเผ่นหนีได้ไวอีกด้วย แต่จำเป็นต้องรู้เรื่องหนึ่ง การเผ่นหนีได้ไวที่ว่านี้ ส่วนใหญ่ล้วนเป็นหลังจากที่พวกเขาสังหารคนไปแล้ว
หากเป็นในอดีต บางทีภูเขาเหมิงหลงอาจจะยังคงหวาดกลัวอยู่เหมือนเดิม แต่คงไม่ถึงขั้นร้อนใจเป็นทุกข์เหมือนสูญเสียบิดาเช่นนี้ นี่เป็นเพราะสถานการณ์ไม่เอื้ออำนวยจริงๆ กระดูกสันหลังอย่างราชสำนักล่างภูเขาและสนามรบต่างก็ถูกทุบตีจนหักไปแล้ว ความกล้าของผู้ฝึกตนบนภูเขาก็เหมือนถูกทุบจนเละตามไปด้วย ภูเขาใกล้เคียงสมัครสมานสามัคคีกันเพื่อต้านทานศัตรู สิ่งศักดิ์สิทธิ์แห่งภูเขาและแม่น้ำก็คอยให้ความช่วยเหลือ บ้างก็เรียกใช้ทหารล่างภูเขาโดยพลการเพื่อสร้างอำนาจข่มขวัญศัตรู สิ่งเหล่านี้ล้วนกลายเป็นหมอกควันที่จางหายไป ไม่อาจทำได้อีกแล้ว
ถึงอย่างไรทุกวันนี้ฟ้าก็เปลี่ยนสีไปแล้ว
กฎเกณฑ์ตระกูลเซียนหลายข้อที่ผ่านมานานหลายร้อยหลายปี ต่อให้ฟ้าผ่าก็ยังไม่สะเทือน จู่ๆ กลับใช้ไม่ได้ผลอีกต่อไป
เนื่องจากทุกวันนี้ยังต้องคอยไปคบค้าสมาคมกับผู้ฝึกตนของต้าหลีอยู่เนืองๆ ถ้ำสถิตบนภูเขาในหลายสิบแคว้นซึ่งรวมถึงแคว้นไฉ่อีจึงค้นพบว่าขอบเขตและพลังอำนาจของตนไม่ต่างจากกระดาษเปียก
กองทัพม้าเหล็กต้าหลีกรีฑาทัพลงใต้ครั้งนี้ ช่วยจิ้มหมอนปักลายบุปผา (เปรียบเปรยถึงคนที่มีดีแต่เปลือก แท้จริงแล้วไม่มีความสามารถใดๆ) ให้แตกไปได้หลายใบ
ตอนนี้ทั้งบนและล่างภูเขา ทุกคนล้วนไม่ต่างจากนกหวาดเกาทัณฑ์
บนสนามรบ ในอดีตแคว้นไฉ่อีถือเป็นหนึ่งในแคว้นมากมายของภาคกลางทวีปที่ทหารม้ามีพลังการต่อสู้เลิศล้ำเป็นหนึ่ง พลทหารราบเกราะหนักของแคว้นกู่อวี๋ ทหารม้าติดอาวุธเบาของแคว้นซงซีพุ่งทะยานรวดเร็วราวกับสายลม แคว้นซูสุ่ยที่เชี่ยวชาญด้านการวางแผนการศึกจัดหาชัยภูมิ พอเผชิญหน้าเข้ากับกองทัพม้าเหล็กต้าหลี หากไม่เลือกที่จะอยู่นิ่งเฉย ก็ต้องพ่ายแพ้ยับเยิน หลังจบเรื่องติดต่อกับแคว้นใต้อาณัติของราชวงศ์จูอิ๋งที่สู้รบไม่ยอมถอยอย่างแคว้นสือหาว แคว้นเหมยโย่วที่อยู่ไปทางใต้ยิ่งกว่า จึงรู้ว่าส่วนใหญ่ก็ล้วนถูกกองทัพม้าเหล็กภายใต้การนำของซูเกาซาน เฉาผิงสร้างปัญหาให้ไม่น้อย หันกลับมามองหลายสิบแคว้นซึ่งรวมถึงแคว้นไฉ่อีเป็นหนึ่งในนั้น ทหารชายแดนอ่อนปวกเปียกต้านทานศัตรูไม่ไหว กลายมาเป็นตัวตลกของผู้คน ว่ากันว่าแม่ทัพขึ้นชื่อคนหนึ่งของแคว้นซูสุ่ยที่เดิมทีมีคุณูปการทางการสู้รบอย่างเกรียงไกร หลังจากพ่ายแพ้อย่างอนาถ ก็ว่ากันว่าอันที่จริงแล้วเขาเรียนกลศึกมาจากซ่งจ่างจิ้งอ๋องเจ้าเมืองต้าหลีทั้งหมด จนใจที่ฝีมือย่ำแย่ ความหวังสูงสุดในชีวิตนี้ก็คือหวังว่าจะได้พบหน้าซ่งจ่างจิ้งสักครั้ง จะได้ขอความรู้เรื่องแก่นแห่งยุทธวิธีมาจากองค์เทพแห่งกองทัพต้าหลีท่านนี้ด้วยความนอบน้อมจริงใจ ดังนั้นจึงมี ‘เรื่องเล่าที่งดงาม’ ของการกลับคืนสู่วงศ์วานเกิดขึ้น
เพียงแต่พี่ใหญ่ก็อย่าได้หัวเราะเยาะพี่รองเลย (เป็นประโยคเปรียบเปรยว่าทุกคนต่างก็เหมือนกัน ไม่ได้มีอะไรแตกต่าง) แคว้นไฉ่อีเองก็ไม่ได้ดีไปกว่ากันสักเท่าไหร่ แคว้นไฉ่อีที่ขึ้นชื่อว่าทหารสวมเกราะแกร่งกร้าวที่สุด ในสงครามครั้งนี้ พวกเขาไม่เพียงแต่ไม่เข้าร่วมรบเลยสักครั้ง นอกจากนี้เชื้อพระวงศ์แคว้นไฉ่อียังชอบป่าวประกาศแก่ภายนอกว่ามีเซียนดินโอสถทองเฝ้าพิทักษ์เมืองหลวง มักจะกระจายข่าวที่ชวนให้สับสนมึนงง ทำให้คนไม่แน่ใจว่าจริงหรือเท็จออกมา ดังนั้นผู้ฝึกตนแคว้นไฉ่อีในอดีตจึงมักหวังว่าจะสามารถหลุบตาลงต่ำมองเหยียดภูเขาของอีกหลายสิบแคว้นที่เหลือได้
เพียงแต่เมื่อกองทัพม้าเหล็กพุ่งทะยานมาถึง จะดีจะชั่วแคว้นกู่อวี๋ก็เป็นตัวแทนที่อยู่ชายแดน จึงระดมทหารหมื่นกว่านายให้มาปะทะกับกองทัพม้าเหล็กต้าหลีซึ่งๆ หน้า และผลลัพธ์ก็ไม่ต้องคาดเดาให้มากความ เพียงนิ้วเดียวของกองทัพม้าเหล็กต้าหลีก็ยังหนากว่าขาของแคว้นกู่อวี๋เสียอีก สำหรับเรื่องนี้แคว้นกู่อวี๋ต้องจ่ายค่าตอบแทนไปไม่น้อย แคว้นไฉ่อีเห็นท่าไม่ดี จึงยอมยกธงขาวเร็วยิ่งกว่าแคว้นกู่อวี๋ ทูตของต้าหลียังไม่ทันเข้ามาในอาณาเขต พวกเขาก็ส่งตัวทูตตัวแทนของกองทัพซึ่งมีเจ้ากรมพิธีการเป็นผู้นำเป็นฝ่ายไปหากองทัพม้าเหล็กต้าหลีด้วยตัวเอง แน่นอนว่ายินดีจะเป็นแคว้นใต้อาณัติของสกุลซ่ง นี่ยังไม่นับเป็นอะไรได้ เมื่อต้าหลีเริ่มสำรวจรวบรวมเทียบวงศ์ตระกูลของแต่ละแคว้นแต่ละภูเขา คนบนโลกถึงได้ค้นพบว่าที่แท้แคว้นกู่อวี๋อำพรางตนอย่างลึกล้ำ ซุกซ่อนผู้ฝึกกระบี่ขอบเขตประตูมังกรของราชวงศ์จูอิ๋งไว้คนหนึ่ง จึงถูกเลขาธิการฝ่ายบู๊ของต้าหลีร่วมมือกันสังหาร การเข่นฆ่าครั้งนั้นสะท้านสะเทือนไปทั่วทิศ กลับกลายเป็นว่าแคว้นไฉ่อีหากไม่เป็นเพราะลวี่อวิ๋นไต้ฝ่าทะลุขอบเขตเลื่อนเป็นประตูมังกร จึงพอจะทวงคืนศักดิ์ศรีกลับมาได้บ้าง ไม่อย่างนั้นแค่ขอบเขตชมมหาสมุทรก็กลายเป็นผู้นำเซียนซือของแคว้นหนึ่งได้แล้ว นอกจากคนทั่วทั้งราชสำนักของแคว้นกู่อวี๋จะดูแคลนแคว้นไฉ่อีที่กระจอกงอกง่อยแล้ว ผู้ฝึกตนบนภูเขาและชาวยุทธของแคว้นซูสุ่ยที่อยู่ติดกันก็คงต้องมีคนหัวเราะจนฟันร่วงกันบ้าง
ลวี่อวิ๋นไต้คือผู้เฒ่าที่แต่งกายหรูหราสวมกวานสูงคนหนึ่ง ลักษณะภายนอกของเขาดูดีอย่างยิ่ง
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา!