กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา! นิยาย บท 475

ในขณะที่ซ่งเฟิ่งซานเดินผ่านศาลาภูเขาแม่น้ำ ขบวนรถยิ่งใหญ่ก็ผ่านเมืองเล็กมาถึงนอกหมู่บ้าน

หลิ่วเชี่ยนลังเลอยู่เล็กน้อย แต่ก็ยังไม่ได้ให้คนไปแจ้งคู่ปู่หลานอย่างซ่งอวี่เซากับซ่งเฟิ่งซาน

หนึ่งเพราะฝ่ายตรงข้ามที่มาเยือนล้วนเป็นสตรี ฉู่ฮูหยิน หวังซานหูและหวานหยวนเสวี๋ยต่างก็เป็นสตรีทั้งหมด หากทางหมู่บ้านวารีกระบี่ให้ซ่งอวี่เซาออกไปต้อนรับด้วยตัวเองจะดูเป็นการทำให้เป็นเรื่องใหญ่เกินไป หลิ่วเชี่ยนเองก็ไม่อาจเปิดปากได้ อันที่จริงหากซ่งเฟิ่งซานจับมือออกไปต้อนรับพร้อมกับนางจะกำลังดี เพียงแต่หลิ่วเชี่ยนไม่อยากรบกวนสองปู่หลาน สองเพราะเหตุใดซูหลางเพิ่งจะจากไป อีกฝ่ายก็มาเยือนทันที จุดประสงค์ของพวกนางชัดเจนดีแล้ว หมู่บ้านวารีกระบี่ตกอยู่ในสภาพการณ์ที่มองดูเหมือนตะวันกำลังจะตกดิน เดิมทีก็เป็นเพียงภาพลวงตาที่สร้างให้คนอื่นเห็นก็เท่านั้น จึงไม่จำเป็นต้องตั้งใจต้อนรับขับสู้ใครเป็นพิเศษ ต่อให้แม่ทัพใหญ่ ‘ฉู่หาว’ มาเยือนด้วยตัวเอง แล้วจะอย่างไร? นางหลิ่วเชี่ยน ในฐานะหัวหน้าสายลับศาลาคลื่นมรกตต้าหลีในแคว้นซูสุ่ย ยังมีน้ำหนักไม่พออีกหรือ? ยังมีมารยาทไม่พอหรือไร?

เหวยเว่ยหลบเลี่ยงด้วยการไปเดินเล่นเตร็ดเตร่อยู่ในหมู่บ้าน

สุดท้ายมานั่งอยู่ในศาลาภูเขาแม่น้ำที่ใกล้กับน้ำตก ด้วยอยู่ว่างไม่มีอะไรทำ คิดไปคิดมาก็ยังรู้สึกว่าน่าเหลือเชื่อ เด็กหนุ่มขาเปื้อนโคลนที่ปีนั้นหน้าตาไม่โดดเด่น เหตุใดจู่ๆ ถึงร่ำรวยได้ดิบได้ดีขึ้นมาได้นะ? ประเด็นสำคัญก็คือเหตุใดถึงเปลี่ยนจากผู้ฝึกยุทธเต็มตัวที่ขอบเขตไม่สูงมาเป็นเซียนกระบี่บนภูเขาในตำนานเสียได้? กินยาผิดขนานหรือไร? หากมียาวิเศษเช่นนี้อยู่จริง ถ้าเป็นไปได้ก็ให้นางเหวยเว่ยสักกำใหญ่ๆ เถอะ ต่อให้กินจนท้องแตกตายนางก็ไม่เสียใจภายหลัง

ทางฝั่งของศาลาริมน้ำตก ซ่งอวี่เซาได้นำกระบี่โบราณตั้งตระหง่านกลับไปวางไว้ในแท่นหินของบ่อน้ำลึกดังเดิมแล้ว หลังจากปิดกลไกที่เจ้าของคนเก่าเคยสร้างเอาไว้ เขาก็ยืนอยู่บน ‘เสาหินกลางกระแสน้ำ’ เล็กๆ เสานั้น เอาสองมือไพล่หลัง แหงนหน้ามองไป น้ำตกสาดเทลงมาสู่เบื้องล่าง ปล่อยให้สะเก็ดน้ำไอน้ำสาดมาโดนเสื้อผ้าของตัวเอง เมื่อซ่งเฟิ่งซานมาถึงศาลาริมน้ำ ผู้เฒ่าชุดดำถึงจะคืนสติ เขาพลิ้วกายกลับเข้ามาในศาลา ยิ้มถามว่า “มีธุระอะไรหรือ?”

ซ่งเฟิ่งซานเอ่ยถ้อยคำที่เหวยเว่ยนำมาบอกซ้ำอีกรอบ

สีหน้าของซ่งอวี่เซาปลาบปลื้ม

ซ่งเฟิ่งซานกล่าวอย่างสงสัย “ดูเหมือนว่าท่านปู่จะไม่แปลกใจเลยสักนิดเดียว?”

ซ่งอวี่เซาคลี่ยิ้มเต็มใบหน้า กล่าวด้วยน้ำเสียงที่ค่อนข้างจะภาคภูมิใจในตัวเอง “เจ้าเด็กน้อยนั่นขยับก้นที ข้าก็รู้แล้วว่าเขาจะขี้อะไรออกมา มีอะไรให้ต้องแปลกใจกัน หากเขาไม่พูดแบบนี้ ไม่ทำแบบนี้ นั่นต่างหากถึงจะทำให้ข้าแปลกใจ”

ตอนนี้ความสัมพันธ์ของซ่งเฟิ่งซานกับซ่งอวี่เซาปรองดองกลมเกลียวกันดีแล้ว ไม่มีพันธนาการใดๆ มาถ่วงรั้งไว้ เขาจึงอดไม่ไหวเอ่ยสัพยอกว่า “ท่านปู่ รับเซียนกระบี่หนุ่มคนหนึ่งเป็นสหาย ดูท่านทำท่าภูมิใจเข้าเถิด”

ซ่งอวี่เซายิ้มบางๆ “ไม่ยอมงั้นรึ? เจ้าก็ลองไปหาใครสักคนสองคนบนภูเขาแล้วเก็บกลับมาให้ปู่ดูบ้างสิ? หากความสามารถและนิสัยใจคอได้สักครึ่งหนึ่งของเฉินผิงอัน จะถือว่าปู่แพ้ ตกลงไหมล่ะ?”

ซ่งเฟิ่งซานพูดบ่นนิดๆ “ท่านปู่ สรุปว่าใครกันแน่ที่เป็นหลานแท้ๆ ของท่าน?”

ซ่งอวี่เซายิ้มเอ่ย “แน่นอนว่าคนที่ไม่ค่อยได้ความต่างหากถึงจะเป็นหลานชายแท้ๆ”

ซ่งเฟิ่งซานอึ้งตะลึงพูดไม่ออก

ซ่งอวี่เซาหัวเราะเสียงดังก้องกังวาน ตบไหล่ซ่งเฟิ่งซาน “ต่อให้จะความสามารถน้อยนิดแค่ไหนก็ยังเป็นหลานแท้ๆ อีกอย่างนิสัยใจคอก็ไม่ได้แย่กว่าเจ้าเด็กน้อยนั่นสักเท่าไหร่”

ซ่งอวี่เซาหยุดชะงักไปครู่หนึ่ง “นอกจากนี้ ตอนนี้เจ้าก็หาภรรยาที่ดีมาได้แล้ว เฉินผิงอันกลับเพิ่งจะเริ่มมีคนรัก ก็ไม่ถือว่าเจ้าแพ้เขาซะทีเดียว หากเจ้าเร่งมืออีกนิด ให้ปู่ได้อุ้มเหลน ถึงเวลานั้นต่อให้เฉินผิงอันจะแต่งงานแล้วก็ยังแพ้ให้เจ้าอยู่ดี”

ซ่งเฟิ่งซานยังคงพูดไม่ออกอยู่เหมือนเดิม

ได้ฟังคำพูดดีๆ ที่เหมือนจะชื่นชมกัน แต่ก็ดูเหมือนว่าจะยังอารมณ์ดีไม่ขึ้นจริงๆ

แต่ลึกๆ ในใจของซ่งเฟิ่งซานกลับถอนหายใจโล่งอก ท่านปู่ได้พบกับเฉินผิงอันจึงอารมณ์ดีขึ้นมากแล้ว ตอนนี้พอได้ยินคำพูดเหล่านั้นของเฉินผิงอันก็ยิ่งได้คลายปมในใจ ไม่อย่างนั้นก็คงจะไม่พูดหยอกล้อตนเช่นนี้

ซ่งอวี่เซาใคร่ครวญอยู่ครู่หนึ่ง เขาลูบคลำปลายคางเอ่ยว่า “หากเป็นเหลนผู้หญิงก็ดีมากเหมือนกัน ผู้ฝึกตนแสวงหาความเป็นอมตะ ไม่แน่ว่าเจ้าอาจจะยังมีโอกาสได้เป็นพ่อตาของเฉินผิงอันก็ได้”

ในที่สุดซ่งเฟิ่งซานก็ทนไม่ไหว “ท่านปู่! นี่ท่านจะเกินไปแล้วนะ!”

ซ่งอวี่เซาหุบยิ้ม สีหน้าสงบนิ่งแต่เปี่ยมสุข เขาไม่มีภาระทางใจใดๆ อีกต่อไป จึงเอ่ยเสียงเบาว่า “เอาล่ะ ตลอดหลายปีมานี้ทำให้เจ้ากับหลิ่วเชี่ยนต้องเป็นห่วงแล้ว เป็นเพราะความดื้อดึงของปู่ ไม่รู้จักปล่อยวางเอง แล้วก็เป็นปู่ที่ดูแคลนเฉินผิงอันเกินไป มักจะรู้สึกว่าเมื่อหลักการเหตุผลที่ตัวเองนับถือเลื่อมใสมาทั้งชีวิตถูกคนต่างถิ่นที่ยังไม่ได้ออกหมัดคนหนึ่งข่มทับจนโงหัวไม่ขึ้นแล้ว ก็ไม่เหลือหลักการเหตุผลอีกต่อไปจริงๆ อันที่จริงกลับไม่ได้เป็นอย่างนี้ เหตุผลก็ยังคงเป็นเหตุผลนั้น เพียงแต่ข้าซ่งอวี่เซามีความสามารถน้อย วิชากระบี่ไม่สูง แต่ไม่เป็นไร ยุทธภพยังมีเฉินผิงอัน เหตุผลของข้าซ่งอวี่เซาใช้ไม่ได้ผล ก็ให้เขาเฉินผิงอันเป็นคนพูดเอง”

ซ่งเฟิ่งซานเอ่ยเบาๆ “เมื่อเป็นเช่นนี้จะถ่วงรั้งการฝึกตนของเฉินผิงอันหรือไม่? การฝึกตนบนภูเขามีข้อห้ามใหญ่คือไม่ควรให้เกิดปัญหาแทรกซอน และไม่ควรไปเกี่ยวข้องกับโลกโลกีย์”

ซ่งอวี่เซาปลาบปลื้มใจเป็นอย่างยิ่ง ตลอดหลายปีที่ผ่านมานี้ ดวงตาเขาไม่เคยส่องประกายเจิดจ้าเช่นนี้มาก่อน “ดี ดีมาก เจ้าซ่งเฟิ่งซานสามารถคิดได้เช่นนี้ก็ไม่แพ้ให้กับเฉินผิงอันแล้ว! นี่ต่างหากถึงจะเป็นแรงฮึดเฮือกนั้นของหมู่บ้านวารีกระบี่เรา!”

ซ่งอวี่เซาหยุดชะงักไปครู่ก็พูดเสียงแผ่วต่ำว่า “คำพูดบางอย่าง ข้าที่เป็นผู้อาวุโสไม่อาจพูดออกมาได้ คำพูดดีๆ เหล่านั้นก็ให้เจ้าไปพูดกับหลิ่วเชี่ยนแล้วกัน หมู่บ้านวารีกระบี่ติดค้างหลิ่วเชี่ยนมากมายนัก เจ้าเป็นบุรุษของนาง ตั้งใจฝึกกระบี่เป็นเรื่องที่ดี แต่นี่ไม่ใช่เหตุผลที่เจ้าจะมองข้ามความทุ่มเทของคนข้างกายได้ สตรีแต่งงานออกเรือน ไม่ว่าจะเรื่องใดก็ต้องเหนื่อยยากทั้งกายและใจ ต้องเจอกับความยากลำบาก นี่ไม่ใช่เรื่องที่สมเหตุสมผลใดๆ เลย”

ซ่งเฟิ่งซานกำลังจะขยับปากพูด

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา!