กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา! นิยาย บท 481

ในฐานะหนึ่งในภูเขาไม่กี่ลูกที่สูงที่สุดของถ้ำสวรรค์หลีจู เดิมทีภูเขาลั่วพั่วก็เป็นสถานที่ที่ดีที่สุดในการชมพระจันทร์อยู่แล้ว

ชุยตงซานที่สวมชุดขาวปิดประตูไม้ไผ่ของเรือนเบาๆ เมื่อเด็กหนุ่มที่รูปโฉมงดงามดุจเทพเซียนหยุดยืนนิ่ง ก็สมกับเป็นแสงจันทร์และเมฆขาวที่กลับคืนมาอย่างแท้จริง

ชุยตงซานเดินย่องขึ้นชั้นสอง ผู้เฒ่าชุยเฉิงมายืนอยู่ตรงระเบียงแล้ว แสงของดวงจันทร์คล้ายสายน้ำที่ชำระล้างราวรั้ว ชุยตงซานเรียกท่านปู่หนึ่งคำ ผู้เฒ่าก็ผงกศีรษะรับด้วยรอยยิ้ม

ปู่หลานสองคน ผู้เฒ่ายืนเอามือไพล่หลัง ชุยตงซานฟุบตัวอยู่บนราวระเบียง ชายแขนเสื้อใหญ่สองข้างห้อยย้อยอยู่นอกราว

ชุยเฉิงไม่อยากจะพูดอะไรกับชุยฉานมากนัก แต่กับ ‘ชุยตงซาน’ ซึ่งเป็นครึ่งหนึ่งของจิตวิญญาณที่ถูกแบ่งออกมาที่บางทีเป็นเพราะสอดคล้องกับความทรงจำในอดีตมากกว่า ชุยเฉิงจึงสนิทสนมกับเขามากกว่า

ชุยเฉิงเอ่ยถาม “ทำไมถึงกลับมาเสียล่ะ?”

ชุยตงซานเอ่ยเบาๆ “เตร็ดเตร่ไปมาอยู่ด้านนอก มักรู้สึกว่าน่าเบื่อ พอไปถึงอาณาเขตของสำนักศึกษากวานหู คิดอยากจะพบหน้าอาจารย์สอนหนังสือพวกนั้น แต่พอเจอกันกลับเหมือนเป็ดที่คุยกับไก่ หงุดหงิดก็เลยแอบหนีกลับมา”

ชุยเฉิงยิ้มกล่าว “ในเมื่อทำเรื่องใหญ่ที่ไม่ผิดต่อเจตจำนงเดิม ก็ควรจะมีความมั่นคง จะเอาแต่คิดว่าน่าเบื่อหรือน่าสนใจไม่ได้”

ชุยตงซานใช้คางแทนผ้า เช็ดกลับไปกลับมาบนราวระเบียง “ทราบแล้ว”

ชุยเฉิงถาม “จะกลับคืนนี้เลยหรือ?”

ชุยตงซานพยักหน้ารับ “ธุระสำคัญยังคงต้องทำ เจ้าตะพาบเฒ่าชอบเอาจริงเอาจัง กล้าเดิมพันก็ต้องกล้ายอมรับความพ่ายแพ้ ในเมื่อตอนนี้ตัวข้าเองเลือกจะก้มหัวให้เขา แน่นอนว่าย่อมไม่คิดจะถ่วงรั้งกิจการงานใหญ่ของเขา ต้องมุมานะบากบั่น จริงจังตั้งใจ ถือซะว่าเป็นการส่งการบ้านให้กับอาจารย์ในโรงเรียนเหมือนตอนยังเด็กก็แล้วกัน”

ชุยเฉิงไม่ได้พูดอะไรมาก ผู้เฒ่าไม่ได้รู้สึกว่าตัวเองมีคุณสมบัติที่จะไปชี้นิ้วสั่งพวกเขา ปีนั้นเป็นเพราะเขาสั่งสอนด้วยวิธีการที่คร่ำครึมากไป กรอกเหตุผลหลักการที่ตายตัวมากไป อีกทั้งยังชอบวางมาด เจ้าลูกกระต่ายน้อยถึงได้จากบ้านไปด้วยความขุ่นเคือง ออกเดินทางไกลจากบ้านเกิด แล้วก็ออกจากแจกันสมบัติทวีปไปเยือนทวีปแดนเทพแผ่นดินกลางเสียเลย จากนั้นก็ได้ยอมรับซิ่วไฉเฒ่ายากจนเป็นอาจารย์ สิ่งเหล่านี้ล้วนอยู่นอกเหนือจากการคาดการณ์ของผู้เฒ่า ตอนนั้นทุกครั้งที่ชุยฉานส่งจดหมายกลับมาบ้านล้วนจะต้องรีดไถเอาเงิน ผู้เฒ่าทั้งโมโห แล้วก็ทั้งสงสาร ทายาทสายตรงสกุลชุยที่ยิ่งใหญ่ กลับไปร่ำเรียนอยู่ในตรอกเก่าโทรมยากจน จะได้ความรู้ที่ดีมาสักเท่าไหร่กันเชียว? หากเพียงเท่านี้ก็ยังพอว่า ในเมื่อยอมอ่อนข้อให้กับทางตระกูล เป็นฝ่ายเปิดปากขอร้อง ทุกเดือนกลับขอเงินน้อยนิดแค่นั้น นี่ก็ยังกล้าพูดด้วยหรือ? จะซื้อตำราอริยะปราชญ์ได้สักกี่เล่มกันเชียว? ต่อให้ไม่กินไม่ดื่มตลอดทั้งปี จะรวบรวมจนหาซื้ออุปกรณ์ตกแต่งห้องหนังสือที่พอจะเข้าท่าเข้าทีได้สักชุดไหม? แน่นอนว่านับจากนั้นเป็นเวลาที่ยาวนานมาก กว่าที่ผู้เฒ่าจะรู้ว่าความรู้ของซิ่วไฉเฒ่าผู้นั้นสูงส่งจนถึงขั้นเป็นดั่งตะวันกลางนภา

ชุยเฉิงกล่าว “เมื่อครู่นี้ชุยฉานมาหาเฉินผิงอันแล้ว น่าจะเปิดเผยจนหมดเปลือกแล้ว”

ชุยตงซานอืมรับหนึ่งที เขาไม่ได้รู้สึกประหลาดใจ ชุยฉานมองเขาออกอย่างทะลุปรุโปร่ง อันที่จริงชุยตงซานก็มองชุยฉานออกไม่ต่างกัน ถึงอย่างไรก็เคยเป็นคนคนเดียวกันมาก่อน

ชุยตงซานหันหน้ากลับมา “ไม่อย่างนั้นข้าจากไปให้ช้าหน่อย?”

ชุยเฉิงยิ้มกล่าว “เจ้าจะจากไปช้าหรือจะจากไปเร็ว ข้าขวางได้อยู่หรือ? นอกจากตอนเด็กที่ขังเจ้าไว้ในหอเก็บตำรา หลังจากนั้นมา มีครั้งไหนที่เจ้าเชื่อฟังปู่บ้าง?”

ชุยตงซานกล่าว “ครั้งนี้ข้าจะเชื่อฟังท่านปู่”

ชุยเฉิงเอ่ย “ก็ได้ เดี๋ยวถ้าเขาบ่น เจ้าก็ผลักเรื่องนี้มาที่ข้าก็แล้วกัน”

ชุยตงซานค่อยๆ คลี่ยิ้ม ปีนขึ้นไปนั่งบนราวระเบียงอย่างคล่องแคล่ว แล้วพลิกตัวพลิ้วกายลงไปบนพื้นชั้นหนึ่ง ก่อนจะเดินอาดๆ ไปทางเรือนพักของพวกจูเหลี่ยน เขาไปที่เรือนของเผยเฉียนก่อน ขณะที่เดินไปยังส่งเสียงประหลาด แลบลิ้นปลิ้นตา แสยะเขี้ยวกางเล็บ ทำเอาเผยเฉียนที่งัวเงียตื่นขึ้นมาตกใจสะดุ้งโหยง หยิบยันต์กระดาษเหลืองออกมาแปะบนหน้าผากด้วยความเร็วราวสายฟ้าแลบ จากนั้นไม่คิดจะสวมรองเท้าก็คว้าไม้เท้าเดินป่าพุ่งตัวไปทางหน้าต่างอย่างว่องไว หลับตาร่ายวิชากระบี่มารคลั่งไปหนึ่งคำรบพร้อมโหวกเหวกเสียงดัง “รีบไปซะ รีบไปซะ! แล้วจะเว้นชีวิตเจ้า!”

ชุยตงซานคำรามอย่างเดือดดาล “ทำหน้าต่างเรือนของอาจารย์ข้าพัง เจ้าใช้เงินมาเลยนะ!”

เผยเฉียนอึ้งอยู่กับที่ ยื่นสองนิ้วออกมากดยันต์บนหน้าผากเบาๆ ป้องกันไม่ให้มันร่วงหลุด หากภูตผีปีศาจจงใจแสร้งจำแลงร่างเป็นชุยตงซานขึ้นมาเล่า นางจะประมาทไม่ได้เป็นอันขาด จึงถามหยั่งเชิงไปว่า “ข้าคือใคร?”

ชุยตงซานยิ้มตาหยีตอบ “ศิษย์พี่หญิงใหญ่อย่างไรเล่า”

เผยเฉียนเหมือนได้ยกภูเขาออกจากอก ดูท่าจะเป็นชุยตงซานจริงๆ นางจึงวิ่งตุปัดตุเป๋มาที่หน้าต่าง เขย่งปลายเท้า ถามอย่างใคร่รู้ “ทำไมเจ้าถึงกลับมาอีกแล้วเล่า?”

ชุยตงซานถามกลับ “เกี่ยวอะไรกับเจ้าด้วย?”

เผยเฉียนปลดยันต์เก็บใส่ไว้ในชายแขนเสื้อ วิ่งไปเปิดประตู ผลกลับกลายเป็นว่าไม่เห็นเงาร่างของชุยตงซานอยู่แล้ว หมุนตัวหนึ่งรอบก็ยังหาไม่เจอ พอเงยหน้าขึ้นถึงเห็นว่าเจ้าคนสวมชุดขาวผู้นั้นห้อยหัวอยู่ใต้ชายคา ทำเอาเผยเฉียนตกใจนั่งแปะลงไปบนพื้น น้ำตาเริ่มมาคลอที่ดวงตาของเผยเฉียน ขณะที่นางกำลังจะแผดเสียงร้องไห้ ชุยตงซานที่เหมือนแท่งน้ำแข็งย้อยจากชายคาในวันที่หิมะตกหนักก็ทิ้งตัวตรงๆ ลงมาบนพื้น พอเห็นภาพนี้ เผยเฉียนก็หัวเราะได้ทั้งน้ำตา ความน้อยเนื้อต่ำใจหายวับไปในทันที

ชุยตงซานพลิกตัวกลับขึ้นมา สะบัดชายแขนเสื้อสีขาวหิมะ ถามชวนคุยว่า “สาวใช้ตาไร้แววผู้นั้นเล่า?”

เผยเฉียนตอบอย่างระมัดระวัง “ตอนนี้พี่หญิงสือโหรวช่วยดูแลกิจการอยู่ที่ร้านยาสุ้ย ช่วยหาเงินร่วมกับข้า ไม่มีคุณความชอบก็มีคุณความเหนื่อยยาก เจ้าห้ามรังแกนางอีก ไม่อย่างนั้นข้าจะฟ้องอาจารย์”

ชุยตงซานหลุดหัวเราะพรืด “ฟ้อง? อาจารย์ของเจ้าคืออาจารย์ของข้า เห็นได้ชัดว่าสนิทกับข้ามากกว่า ตอนที่ข้าได้รู้จักกับอาจารย์ เจ้าก็ไม่รู้ว่าไปมั่วเล่นดินเล่นทรายอยู่ตรงไหน”

เผยเฉียนไม่ยินดีจะอ่อนข้อให้เขาในเรื่องนี้ จึงคิดแล้วเอ่ยว่า “คราวนี้อาจารย์เดินทางไปท่องเที่ยวในยุทธภพของแคว้นซูสุ่ย ยังเอาของขวัญมาฝากข้าอีกกองใหญ่ นับก็นับได้ไม่หมด เจ้ามีไหม? ต่อให้มี จะมีได้เยอะเท่าข้าหรือ?”

ชุยตงซานยิ้มกล่าว “เจ้าคิดจะแข่งเรื่องทรัพย์สมบัติกับนายท่านใหญ่ผู้มีสมบัติมากมายที่คนในยุทธภพเรียกขานกันอย่างข้างั้นหรือ?”

เผยเฉียนพูดอย่างจริงจัง “ของตัวเองไม่นับ พวกเรามาแข่งกันแค่ของที่อาจารย์มอบให้พวกเรา”

ชุยตงซานแบสองมือ “แพ้ให้ศิษย์พี่หญิงใหญ่ก็ไม่น่าอายหรอก”

เผยเฉียนพยักหน้ารับ “ผู้ที่รู้จักสถานการณ์คือผู้มีสติปัญญา”

ชุยตงซานยื่นนิ้วมาจิ้มหน้าผากเผยเฉียน “เจ้าแสร้งทำท่าเป็นปัญญาชนเช่นนี้ คงทำให้อริยะปราชญ์สมัยโบราณโมโหตายเลยกระมัง”

เผยเฉียนเอามือปัดเท้าสุนัขของชุยตงซานทิ้ง พูดอย่างขุ่นเคืองว่า “บังอาจ”

ชุยตงซานขำก๊าก คำดีๆ เช่นนี้ กลับถูกเจ้าถ่านดำน้อยนำมาใช้อย่างไร้ความองอาจเสียได้

ชุยตงซานเริ่มเดินออกไปนอกลานบ้าน “ไป ไปหาหัวหมูเล่นกัน”

เผยเฉียนไม่ง่วงแล้ว จึงเดินตามหลังชุยตงซานไปอย่างอารมณ์ดี เล่าให้เขาฟังถึงวีรกรรมยิ่งใหญ่ที่ตนไปแหย่รังผึ้งกับพี่หญิงเป่าผิง ชุยตงซานเอ่ยถาม “ตนเองซุกซนก็ช่างเถิด ยังเดือดร้อนให้เป่าผิงน้อยต้องซวยไปด้วย อาจารย์ไม่ตีเจ้าหรือไร?”

เผยเฉียนกลอกตามองบน “เชิญพูดจาโง่เง่าได้ตามสบาย”

ชุยตงซานทอดถอนใจ “อาจารย์ของข้าเลี้ยงเจ้าเป็นเหมือนลูกสาวตัวเองจริงๆ”

เผยเฉียนชอบใจอยางยิ่ง เจ้าห่านขาวเข้าใจพูดกว่าพ่อครัวเฒ่ามากนัก

ส่วนเจ้าห่านขาวที่ว่านี้ ก็คือฉายาที่เผยเฉียนแอบตั้งให้ชุยตงซาน เรื่องนี้นางบอกแค่พี่หญิงเป่าผิงที่ ‘ปิดปากสนิทเหมือนปิดขวด’ ที่สุดเท่านั้น

เดินผ่านเรือนแห่งหนึ่งก็มีเสียงอาภรณ์สะบัดดังทึบๆ จากการฝึกท่าหมัดเดินนิ่งดังลอยมาจากในกำแพง

ชุยตงซานเหยียบอากาศเดินขึ้นไปยืนอยู่นอกหัวกำแพง เห็นว่าเป็นเด็กสาวหน้าตางดงามเรือนร่างสะโอดสะองคนหนึ่งกำลังฝึกท่าเดินนิ่งหกก้าวที่อาจารย์ของตนเชี่ยวชาญที่สุด เผยเฉียนวางไม้เท้าพิงผนังเอาไว้ ถอยหลังไปหลายก้าว แล้วกระโดดขึ้นสูง เหยียบลงบนไม้เท้าเดินป่า สองมือคว้าจับหัวกำแพง สองแขนออกแรงเล็กน้อยก็สามารถยื่นหัวออกไปดูได้สำเร็จ ชุยตงซานขยี้ข้างแก้มของตัวเอง พูดพึมพำว่า “วิชาหมัดนี้ต่อยได้บาดตาข้าจริงๆ”

เผยเฉียนกดเสียงต่ำเอ่ยว่า “เฉินยวนจีผู้นี้นิสัยไม่เลว เพียงแค่โง่ไปหน่อยเท่านั้น”

ชุยตงซานพยักหน้ารับ “มองออกอยู่เหมือนกัน”

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา!