กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา! นิยาย บท 482

คนทั้งสามมาถึงหน้าผาหินแล้วต่างคนก็ต่างนั่งลง ตำแหน่งที่อยู่ตรงข้ามกับเฉินผิงอัน ทั้งชุยตงซานและเผยเฉียนต่างก็ไม่เต็มใจจะไปนั่ง เพราะห่างจากอาจารย์ของพวกเขาไกลไปหน่อย

ประตูเรือนหลังใหญ่แสงจันทร์น้อยกว่าแสงไฟ ป่าเขาลำเนาไพรสว่างไสวน่าชื่นชม

คนทั้งสามทอดสายตามองไปไกลด้วยกัน คนที่มีศักดิ์ฐานะสูงที่สุด กลับกลายเป็นคนที่ทอดสายตามองไปในระยะใกล้มากที่สุด ต่อให้อาศัยแสงจันทร์ เฉินผิงอันก็ยังไม่มองไปไกลนัก เผยเฉียนกลับมองไปเห็นว่าทางฝั่งของเมืองหงจู๋ยังคงมีแสงสว่างเรืองรอง ตรงภูเขาฉีตุนก็เป็นสีเขียวอ่อนจางๆ นั่นคือแสงไอน้ำที่ผืนป่าไผ่เฟิ่นหย่งจากภูเขาชิงเสินซึ่งเว่ยป้อเป็นผู้ปลูกเหลือไว้หล่อเลี้ยงบำรุงผืนป่า ในฐานะเซียนดินก่อกำเนิด ชุยตงซานย่อมมองเห็นไปไกลยิ่งกว่านั้น เค้าโครงคร่าวๆ ของแม่น้ำใหญ่สามสายอย่างซิ่วฮวา ชงตั้นและอวี้เย่ ความลดเลี้ยวเคี้ยวคดของพวกมันล้วนอยู่ในสายตาของเขาทั้งหมด

เผยเฉียนหยิบเมล็ดแตงกำหนึ่งออกจากในกระเป๋ามาวางไว้บนโต๊ะหิน มีความสุขคนเดียวไม่สู้มีความสุขร่วมกัน เพียงแต่ว่าตำแหน่งที่นางวางกลับค่อนข้างจะพิถีพิถัน เพราะค่อนข้างอยู่ใกล้กับอาจารย์และตนเอง

ชุยตงซานฟังเสียงแผ่วเบาที่เปลือกเมล็ดแตงร่วงลงสู่พื้น พอคืนสติก็นึกถึงเรื่องหนึ่งขึ้นมาได้ จึงบิดหมุนข้อมือ หยิบเอาถุงไม่เล็กไม่ใหญ่ออกมาสี่ใบแล้ววางลงบนโต๊ะเบาๆ ประกายแสงเรืองรองไหลเวียนวน แต่ละถุงสีสันต่างกันออกไป ถูกทัศนียภาพหลากสีบนพื้นผิวของถุงกลบทับแสงจันทร์ไว้เบาๆ ชุยตงซานยิ้มกล่าว “อาจารย์ นี่ก็คือดินห้าสีที่เอามาจากสี่ขุนเขาในอนาคตของแจกันสมบัติทวีป อย่าเห็นว่าถุงไม่ใหญ่ เพราะน้ำหนักของพวกมันหนักมาก ถุงที่เล็กที่สุดก็ยังหนักถึงสี่สิบกว่าจิน ขุดมาจากรากภูเขาสายบรรพบุรุษของแต่ละขุนเขาใหญ่ นอกจากภูเขาพีอวิ๋นที่เป็นขุนเขาเหนือแล้ว ที่เหลือก็ล้วนครบถ้วนหมดแล้ว”

เฉินผิงอันยิ้มกล่าว “ลำบากเจ้าแล้ว”

ชุยตงซานหัวเราะร่า “ลำบากอะไรกัน หากไม่เป็นเพราะมีความหวังเล็กๆ นี่อยู่ การออกจากภูเขาไปครั้งนี้ก็คงทำให้ศิษย์อัดอั้นใจตายไปแล้ว”

เผยเฉียนกระดกก้นขึ้น ยืดลำคอออกไปมอง “ขอข้าเปิดออกดูได้ไหม?”

ชุยตงซานโบกมือหนึ่งครั้ง “ดูเถอะๆ ตัวขาดทุนที่ต้องละอายใจจนตายอย่างเจ้ามาลองดูสิว่าลูกศิษย์อย่างข้าแบ่งเบาภาระของอาจารย์อย่างไร แล้วค่อยหันไปมองตัวเจ้าเอง ในฐานะลูกศิษย์ใหญ่เปิดขุนเขาของอาจารย์ วันๆ ทำตัวเอ้อระเหยลอยชาย หาเงินให้ร้านในตรอกฉีหลงได้แค่เดือนละสิบกว่าตำลึงก็พอใจแล้ว? แต่ละเดือนไม่ได้กำไรสุทธิยี่สิบสามสิบตำลึงเงิน เจ้าก็ยังกล้าเอามาโอ้อวดขอความดีความชอบอีกหรือ? หากปีหนึ่งหาเงินได้สามร้อยตำลึงเงิน ซื้อเรือนหลังเล็กๆ ที่เข้าท่าเข้าทีในเขตการปกครองหลงเฉวียนสักหลัง นั่นถึงจะถือว่าพอใช้ได้”

เผยเฉียนยกสองมือกอดอก “ดูกับผายลมอะไร ไม่ดูแล้ว”

ชุยตงซานหัวเราะคิกคัก “ถ้าอย่างนั้นข้าจะขอร้องให้เจ้าดู จะดูหรือไม่?”

เผยเฉียนยกนิ้วโป้งให้ “ใจกว้าง!”

เผยเฉียนไม่ให้โอกาสชุยตงซานได้เปลี่ยนใจ หลังจากลุกขึ้นยืนแล้วก็วิ่งปรู๊ดอ้อมเฉินผิงอันไปเปิดดินห้าสีในตำนานแต่ละถุง นางนั่งยองเบิกตากว้าง ประกายแสงระยิบระยับสาดสะท้อนอยู่บนใบหน้า จุ๊ปากชื่นชมไม่หยุด อาจารย์เคยบอกว่าในตำราเทพเซียนบางเล่มได้บันทึกดินชนิดหนึ่งที่ชื่อว่าดินกวนอิน (หรือกวนอิม) เอาไว้ เวลาหิวขึ้นมาก็เอามากินแทนข้าวได้ ไม่รู้ว่าดินห้าแสงหกสีพวกนี้จะกินได้หรือไม่?

ชุยตงซานถีบก้นเผยเฉียนหนึ่งที “แม่นางน้อยสายตาตื้นเขินขนาดนี้ ระวังวันหน้าเมื่อไปท่องในยุทธภพจะเจอเข้ากับพวกบัณฑิตปากหวานแล้วถูกหลอกเข้าล่ะ”

เผยเฉียนยื่นมือมาปัดก้น พูดโดยไม่แม้แต่จะหันหน้ากลับมามอง “หากไม่เล่นงานจนพวกเขาเลือดอาบหน้า ก็ถือว่าข้ามีจิตใจของจอมยุทธมากแล้ว”

ชุยตงซานเริ่มพูดคุยธุระจริงจัง เขาหันหน้ามามองเฉินผิงอันแล้วเอ่ยเนิบช้าว่า “อาจารย์เดินทางไปเยือนอุตรกุรุทวีปครั้งนี้ แม้แต่ส่วนของเว่ยป้อก็ต้องพกไปด้วย สามารถรอให้ข่าวแพร่ไปถึงที่อุตรกุรุทวีป เวลาประมาณหนึ่งปีครึ่งถึงสองปี รอให้สกุลซ่งต้าหลีแต่งตั้งอีกสี่ขุนเขาที่เหลืออย่างเป็นทางการเมื่อไหร่ ก็คือช่วงเวลาที่ดีที่สุดที่อาจารย์จะหลอมวัตถุชิ้นนี้ การหลอมวัตถุครั้งนี้จะรีบหลอมไม่ได้ แต่สามารถล่าช้าได้ อันที่จริงไม่ใช่ข้อต้องห้ามอะไร ในอนาคตหากหลอมดินห้าสีที่ขุนเขากลางจะได้ผลเก็บเกี่ยวอุดมสมบูรณ์มากที่สุด และยิ่งง่ายที่จะชักนำให้เกิดภาพเหตุการณ์ประหลาดและการประทานโชค เพียงแต่ว่าพวกเรายังคงต้องเหลือหน้าตาให้กับสกุลซ่งต้าหลีบ้าง ไม่อย่างนั้นจะเป็นการตบหน้ากันเกินไป ขุนนางบุ๋นบู๊ของทั้งราชสำนักต่างก็มองดูอยู่ เจ้าเด็กซ่งเหอผู้นั้นเพิ่งจะขึ้นครองราชย์ก็กลายเป็นกษัตริย์องค์แรกในรอบพันปีที่บุกเบิกที่ดินมากที่สุดในแจกันสมบัติทวีปแล้ว ง่ายที่จะหัวร้อน พอมีคนที่อยู่เบื้องล่างคอยยุแยง ต่อให้เจ้าตะพาบเฒ่าจะกำราบได้อยู่ แต่สำหรับภูเขาลั่วพั่วแล้วก็ถือว่าเป็นภัยร้ายในภายหลัง ถึงอย่างไรเมื่อถึงเวลานั้นเจ้าตะพาบเฒ่าจะต้องยุ่งมาก เรื่องราวทางโลกก็เป็นเช่นนี้ คนที่ลงมือทำเรื่องอะไรสักอย่าง ส่วนใหญ่มักจะทำเยอะผิดเยอะแล้วก็ไม่ได้รับผลดีกลับคืนมา เมื่อถึงช่วงเวลาที่แจกันสมบัติทวีปถูกรวบรวมให้เป็นปึกแผ่น เจ้าตะพาบเฒ่าก็จะต้องเผชิญหน้ากับการงัดข้ออีกมากมายจากทวีปแดนเทพแผ่นดินกลาง ไม่มีทางเป็นปัญหาเล็กๆ เลย หันกลับมามองซ่งเหอที่ไม่เคยทำอะไร กลับกลายเป็นว่าได้ใช้ชีวิตเสพสุขอย่างผ่อนคลาย คนเราขอแค่มีเวลาว่างก็ง่ายที่จะเกิดความไม่พอใจ”

“เรื่องของการหลอมดินห้าสี ในใจข้ารู้แล้วว่าควรจะทำเช่นไร”

เฉินผิงอันพยักหน้ารับแล้วก็เอ่ยอย่างเป็นกังวลว่า “รอจนกองทัพม้าเหล็กต้าหลีได้ครอบครองแจกันสมบัติทวีปในรวดเดียว พวกขุนนางที่มีคุณูปการได้รับการตบรางวัลไปแล้ว จิตใจคนก็ย่อมเกิดการเพิกเฉยอย่างเลี่ยงไม่ได้ อีกทั้งในช่วงเวลาสั้นๆ นั้นยังไม่อาจเปิดเผยความลับสวรรค์กับพวกเขาได้อีก เวลานั้นจึงจะเป็นช่วงเวลาของการทดสอบความสามารถในการปกครองบ้านเมืองและวิชาบังคับใจคนของเจ้ากับชุยฉานได้ดีที่สุด”

ชุยตงซานยิ้มกล่าว “ถึงเวลานั้นก็ถูกกำหนดมาแล้วว่าเรื่องที่น่ารำคาญใจจะต้องมีเยอะมาก แต่ไม่มีทางเกิดปัญหาวุ่นวายครั้งใหญ่ บ้านหลังใหม่ เมื่อรากฐานแข็งแรงมั่นคง วางโครงไว้ได้ดีแล้ว เสาคานไม่เกิดรอยแยก ก็ไม่ต้องกลัวว่าเมื่อถูกลมพัดหรือฝนตกใส่ กระดาษหน้าต่างจะขาด กระเบื้องหลังคาจะร่วงลงมา ล้วนเป็นเรื่องเล็กน้อยของการซ่อมแซมเท่านั้น รอจนบ้านหลังใหม่เปลี่ยนเป็นบ้านหลังเก่าแล้ว หน้าต่างบานประตูผุพัง เสาคานแห้งแตก ในบ้านมีมดมีหนูมีงู ถึงเวลานั้นก็จะไม่ใช่เรื่องที่ข้ากับเจ้าตะพาบเฒ่าต้องเหนื่อยใจอีกแล้ว”

เฉินผิงอันพยักหน้ารับ ไม่พูดอะไรให้มากความอีก เรื่องของการสร้างความดีความชอบนั้น เดิมทีก็เป็นงานเล็กละเอียดที่ต้องพิถีพิถัน อย่าลืมล่ะว่าคนตรงหน้าผู้นี้ก็คือบรรพบุรุษของวิชาความรู้นี้

ชุยตงซานหันหน้าไปมองเรือนไม้ไผ่แวบหนึ่ง หลังดึงสายตากลับมาแล้วก็ถามว่า “ตอนนี้ภูเขามีเยอะแล้ว ภูเขาลั่วพั่วไม่ต้องพูดให้มากความ เพราะดีจนดีไปมากกว่านี้ไม่ได้อีกแล้ว ภูเขาลูกอื่นอย่างภูเขาฮุยเหมิง ภูเขาหลังอ๋าว แท่นบูชากระบี่ ฯลฯ วัตถุสยบความชั่วร้ายคว้าชัยชนะที่ต้องฝังไว้ใต้ดินของแต่ละสถานที่ อาจารย์เลือกไว้เรียบร้อยแล้วหรือยัง?”

เฉินผิงอันยิ้มจืดชืด “ต่อให้เป็นสตรีที่มีฝีมือ แต่หากไม่มีวัตถุดิบก็ปรุงอาหารรสเลิศออกมาไม่ได้ มีความคิดบ้างแล้ว แต่ไม่มีวัตถุที่เหมาะสมเลย”

ที่แท้เงินฝนธัญพืชที่เดิมทีจะนำมาใช้สร้างค่ายกลใหญ่ปกป้องภูเขาลั่วพั่ว ตอนนี้กลายเป็นการเบิกใช้รายรับล่วงหน้าแล้ว ถึงอย่างไรนี่ก็ไม่ใช่แผนในระยะยาว ดังนั้นการเดินทางไปเยือนอุตรกุรุทวีปในครั้งนี้ นอกจากฝึกกระบี่แล้ว จะต้องทดลองไปเป็นผู้ฝึกตนอิสระที่สมชื่ออย่างจริงจังดูสักครั้ง ขึ้นภูเขาไปเยือนซากปรักหักพังของจวนตระกูลเซียน ลงน้ำไปค้นหาสถานที่ลับอย่างวังมังกร ดูว่าจะหาทรัพย์สินที่ไม่คาดฝันบางส่วนมาเติมเต็มค่าใช้จ่ายในบ้านได้หรือไม่

ชุยตงซานกำลังจะเปิดปากพูด

เฉินผิงอันกลับโบกมือเสียก่อน “คนละเรื่องกัน พี่น้องแท้ๆ ในครอบครัวเดียวกันก็ยังจำเป็นต้องคิดบัญชีกันให้ชัดเจน”

ชุยตงซานรู้สึกขุ่นเคืองเล็กน้อย ขอแค่เขายินดีเรียนรู้ความสามารถในการเป็นกุมารแจกทรัพย์ของอาจารย์ คาดว่าใต้หล้าไพศาลนี้ก็คงมีแต่คนแซ่หลิวของธวัลทวีปเท่านั้นที่พอจะทัดเทียมกับเขาได้

เฉินผิงอันถามชวนคุย “เว่ยเซี่ยนติดตามเจ้าไปตลอดทาง ตอนนี้ขอบเขตของเขาเป็นอย่างไรบ้างแล้ว”

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา!