กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา! นิยาย บท 486

สรุปบท บทที่ 486.2 คนในอดีต เรื่องราวในอดีต กลับมาพบเจอกันอีกครั้ง: กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา!

อ่านสรุป บทที่ 486.2 คนในอดีต เรื่องราวในอดีต กลับมาพบเจอกันอีกครั้ง จาก กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา! โดย Internet

บทที่ บทที่ 486.2 คนในอดีต เรื่องราวในอดีต กลับมาพบเจอกันอีกครั้ง คืออีกหนึ่งตอนเด่นในนิยายกำลังภายใน กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา! ที่นักอ่านห้ามพลาด การดำเนินเรื่องในตอนนี้จะทำให้คุณเข้าใจตัวละครมากขึ้น พร้อมกับพลิกสถานการณ์ที่ไม่มีใครคาดคิด เขียนโดย Internet อย่างเฉียบคมและลึกซึ้ง

เถ้าแก่ร้านซวีเฮิ่นแซ่หวงส่ายหน้า “สำนักกุยหยกใครก็เป็นคนโง่ได้ มีเพียงสวินยวนที่ไม่ใช่ ต่อให้จะไม่เคยคบค้าสมาคมกันมาก่อน แค่ดูจากการที่ผู้อาวุโสท่านนี้สามารถกำราบเจียงซ่างเจินได้ ก็รู้แล้วว่าเขาไม่ธรรมดา เจียงซ่างเจินมีนิสัยเป็นอย่างไร? ตอนนั้นก็มีแค่ตบะโอสถทอง ท่องอยู่ในอุตรกุรุทวีปของพวกเราเพียงลำพัง ผลกลับกลายเป็นว่าเขาทำร้ายภูเขาและเทพธิดาไปกี่มากน้อย? สุดท้ายเขาที่กินเรียบยังหนีไปได้สำเร็จ ชั่วชีวิตนี้ข้าผู้อาวุโสไม่มีปมในใจใดๆ มีเพียงเรื่องที่อาจารย์อาหญิงน้อยของข้าตรอมใจตายไปเท่านั้นที่ข้าไม่อาจปล่อยวางได้! ปีนั้นอาจารย์อาหญิงน้อยมีพระคุณช่วยปกป้องและช่วยพิทักษ์มรรคาให้แก่ข้า หากไม่เป็นเพราะได้นางช่วยดูแล ป่านนี้บนหลุมศพข้าคงมีหญ้าขึ้นสามฉื่อแล้ว เจ้าเจียงซ่างเจินที่สมควรโดนแทงพันครั้งผู้นี้ อาจารย์อาหญิงน้อยของข้าเป็นสตรีที่ดีขนาดไหน เฮ้อ มารดามันเถอะ พอพูดถึงไอ้หมอนี่ ต่อให้ข้าผู้อาวุโสมีโทสะเต็มท้องก็จำต้องยอมแพ้”

เวลาปกติที่เถ้าแก่ผู้เฒ่าพูดคุยกับคนอื่น อันที่จริงเขาค่อนข้างจะสุภาพ ไม่เหมือนผู้ฝึกตนอุตรกุรุทวีปคนอื่นๆ แต่พอพูดถึงเจียงซ่างเจิน เขากลับถึงขั้นเข่นเขี้ยวเคี้ยวฟัน

ผู้ฝึกตนเฒ่าก่อกำเนิดกล่าวอย่างมีความสุขบนความทุกข์ของคนอื่น “กระบุงของข้าเต็มแล้วล่ะ”

เถ้าแก่ผู้เฒ่าถ่มน้ำลายหนึ่งคำ คล้ายว่าอยากจะถ่มเอาความอัดอั้นตันใจออกมาพร้อมกันด้วย

เขาถามอย่างใคร่รู้ “ดูจากท่าทาง สกุลซ่งต้าหลีเหมือนมีเจตนาจะยกระดับของท่าเรือภูเขาหนิวเจี่ยวให้สูงขึ้น ไม่ได้คิดจะขยับขยายท่าเรือของตำหนักฉางชุนเลยสักนิด ถึงเวลานั้นเหล่าซูเจ้าจำเป็นต้องไปมาหาสู่กับงูเจ้าถิ่นตัวใด? คือแม่ทัพบู๊ต้าหลี หรือว่าเป็นผู้ฝึกตนที่ถวายการรับใช้?”

ผู้ฝึกตนเฒ่าก่อกำเนิดส่ายหน้า “ต้าหลีมีข้อห้ามใหญ่สุดคือไม่ให้คนนอกเข้ามาสืบเสาะหาข่าว ศาลบรรพจารย์ของพวกเรากำชับมาเป็นพิเศษว่า วิธีการหลายอย่างที่ใช้มาจนเคยชิน ห้ามนำมาใช้กับอาณาเขตขุนเขาเหนือของต้าหลีเด็ดขาด หลีกเลี่ยงไม่ให้ต้องแตกหักกันด้วยเรื่องนี้ ตอนนี้ต้าหลีไม่เหมือนในอดีต พวกเขามีความมั่นใจมากพอที่จะขัดขวางไม่ให้เรือข้ามฟากของชายหาดโครงกระดูกมุ่งหน้าลงใต้ ดังนั้นตอนนี้ข้าจึงยังไม่แน่ใจในตัวเลือกของอีกฝ่าย แต่ถึงอย่างไรก็เหมือนกันนั่นแหละ ข้าไม่สนใจจะสืบเสาะเรื่องพวกนี้ แค่ทั้งสองฝ่ายยังรักษาหน้าตาของตัวเองเอาไว้ได้ก็พอแล้ว”

ก่อกำเนิดผู้เฒ่าจุ๊ปากพูด “นี่เพิ่งจะผ่านไปได้กี่ปีเอง ตอนนั้นท่าเรือตระกูลเซียนแห่งแรกของต้าหลีที่สามารถรองรับเรือข้ามทวีปได้ หลังจากเปิดใช้อย่างเป็นทางการแล้ว ผู้ฝึกตนและขุนนางบู๊ที่เฝ้าพิทักษ์ก็ล้วนถือเป็นผู้มีความสามารถอันดับหนึ่งของต้าหลีแล้ว มีใครบ้างที่ไม่ใช่ผู้สูงศักดิ์มากอำนาจที่ไปไหนก็ได้รับการต้อนรับ แต่เวลาที่พบเจอกับพวกเรา แต่ละคนคอยยิ้มประจบ ตั้งแต่ต้นจนจบเอวก็ไม่เคยยืดตรงสักครั้ง เจ้าเองก็เคยได้เห็นมาแล้ว แล้วมามองดูตอนนี้ องค์เทพแห่งขุนเขาเหนือคนหนึ่ง ชื่อเว่ยป้อใช่ไหม เป็นอย่างไร? เคยค้อมเอวให้ไหม? ไม่เคยกระมัง ลมและน้ำหมุนเวียนเปลี่ยนผ่าน อีกไม่นานก็จะกลายเป็นพวกเราที่ต้องไปขอร้องคนอื่นแล้ว”

หัวใจของผู้ฝึกตนเฒ่าก่อกำเนิดพลันบีบรัดตัวแน่น หันไปส่งสายตาให้เถ้าแก่ผู้เฒ่า ฝ่ายหลังก็เหมือนเผชิญหน้ากับศัตรูตัวฉกาจ ผู้ฝึกตนเฒ่าส่ายหน้า บอกเป็นนัยให้รู้ว่าไม่ต้องตึงเครียดมากเกินไป

ขอแค่อยู่ในอาณาเขตของชายหาดโครงกระดูกก็ไม่มีทางเกิดเรื่องใหญ่อะไรขึ้น คิดว่าค่ายกลใหญ่ปกป้องภูเขาของสำนักพีหมาเราตั้งประดับไว้เฉยๆ อย่างนั้นหรือ?

คนทั้งสองหันหน้าไปมองพร้อมกันก็เห็น ‘ผู้โดยสาร’ คนหนึ่งที่เดินสวนกระแสผู้คนมา ลักษณะเป็นชายวัยกลางคน บนศีรษะสวมกวานสีม่วงทอง ตรงเอวรัดเข็มขัดหยกสีขาว สง่างามอย่างยิ่ง คนผู้นี้เดินมาช้าๆ กวาดตามองไปรอบด้านคล้ายรู้สึกเสียดาย สุดท้ายเขามายืนอยู่ไม่ห่างจากด้านหลังของคนทั้งสองที่กำลังคุยกันนัก ยิ้มตาหยีมองเถ้าแก่ผู้เฒ่าแล้วถามว่า “อาจารย์อาหญิงน้อยคนนั้นของเจ้าชื่ออะไร? ไม่แน่ว่าข้าอาจจะรู้จัก”

เรื่องอื่นล้วนพูดคุยกันได้ แต่เกี่ยวพันกับเรื่องส่วนตัว โดยเฉพาะอย่างยิ่งเป็นเรื่องของอาจารย์อาหญิงน้อย เถ้าแก่ผู้เฒ่าก็ไม่ใช่คนพูดง่ายอีกต่อไป เขาหน้าดำทะมึน “เจ้าคือหอมต้นไหน? โผล่มาจากไหนก็มุดกลับไปทางนั้นเลย!”

คนผู้นั้นพูดภาษากลางของอุตรกุรุทวีปด้วยสำเนียงถูกต้องคล่องปาก เขาพยักหน้ารับเอ่ยว่า “เดินไม่เปลี่ยนชื่อ นั่งไม่เปลี่ยนแซ่ (หมายถึงภาคภูมิใจในตัวเอง กล้าเปิดเผยตัวตนอย่างองอาจ) ข้าน้อยโจวเฝยแห่งตำหนักคลื่นวสันต์”

เถ้าแก่ผู้เฒ่าหัวเราะอย่างฉุนๆ “ไม่ใช่เจ้าเจียงซ่างเจินผู้นั้นก็ไสหัวกลับไปซะ”

ผู้ฝึกตนวัยกลางคนคิดแล้วก็ยิ้มบางๆ เอ่ยว่า “ได้ ถ้าอย่างนั้นข้าจะไสหัวไป”

แล้วเขาก็หมุนตัวเดินลงไปจากเรือจริงๆ

เถ้าแก่ผู้เฒ่ามองผู้ฝึกตนก่อกำเนิดที่มีสีหน้าเคร่งเครียด กล่าวอย่างสงสัย “คงไม่ได้เป็นก่อกำเนิดเหมือนเจ้าเหล่าซูหรอกกระมัง?”

ก่อกำเนิดผู้เฒ่ายื่นนิ้วข้างหนึ่งออกมาชี้ไปด้านบน

เถ้าแก่ผู้เฒ่ากลับไม่กลัว อย่างน้อยก็ไม่ได้มีท่าทางตกตะลึงลนลาน เขาลูบคลำปลายคางเอ่ยว่า “ไม่อย่างนั้นข้าไปหลบอยู่ที่ศาลบรรพจารย์สักเดือนดีไหม? ถึงเวลานั้นหากต้องตีกันขึ้นมาจริงๆ ศาลบรรพจารย์ของสำนักพีหมาได้รับความเสียหาย ควรต้องชดใช้เท่าไหร่ ข้าย่อมควักเงินมาใช้ให้แน่นอน แต่เห็นแก่ที่พวกเราสนิทสนมกันมานานก็ลดให้สักแปดส่วนได้ไหม?”

ก่อกำเนิดผู้เฒ่าตบไหล่ของเขา “แค่มองก็รู้แล้วว่าอีกฝ่ายไม่ใช่พวกคนดี เจ้าน่ะภาวนาให้ตัวเองโชคดีเถอะ คนผู้นั้นยังไม่จากไปไกล ไม่อย่างนั้นเจ้าไปขอโทษเขาดีไหมล่ะ? ถ้าจะให้ข้าพูดนะ เจ้าเป็นคนทำการค้าคนหนึ่ง ในเมื่อกล้าพูดว่าข้าไม่เหมาะจะทำการค้า แล้วตัวเจ้าเองยังต้องรักหน้าตาเล็กๆ น้อยๆ แค่นี้ไปไย”

เถ้าแก่ผู้เฒ่าร้องเพ้ยหนึ่งที “หากเจ้าหมอนั่นมีความสามารถจริงๆ ก็มาฆ่าข้าให้ตายต่อหน้าเจ้าเหล่าซูเลยสิ”

ปากของผู้เฒ่าก่อกำเนิดบอกว่าไม่สนใจเรื่องคนอื่น แต่ว่าชั่วพริบตานั้น ทั่วร่างยอดฝีมือสำนักพีหมาผู้นี้กลับแผ่ประกายรัศมีไหลวน จากนั้นก็ประกบสองนิ้วคล้ายจะคว้าจับอะไรบางอย่าง

แต่ก็ยังช้าไปเสี้ยวหนึ่ง

เห็นเพียงว่าใบหลิวสีเขียวปลั่งราวกับจะคั้นน้ำได้ใบหนึ่งมาลอยอยู่ตรงหว่างคิ้วของเถ้าแก่ผู้เฒ่า

แล้วก็มีเสียงหนึ่งดังขึ้นที่ราวรั้วแถบนี้ “ก่อนหน้านั้นเจ้าใช้ควันธูปน้อยนิดนั่นหมดไปแล้ว หากยังพูดมากอีก คงจะต้องผิดหวังจริงๆ แล้ว”

แล้วใบหลิวก็พุ่งวาบหายไป

ครู่หนึ่งต่อมา ก่อกำเนิดผู้เฒ่าก็เอ่ยว่า “จากไปไกลแล้ว”

เถ้าแก่ผู้เฒ่าสีหน้าซับซ้อน เงียบไปนานถึงเอ่ยว่า “หากข้ากระจายข่าวนี้ออกไปจะได้เงินเทพเซียนมาสักเท่าไหร่?”

ก่อกำเนิดผู้เฒ่ายิ้มกล่าว “ข้าว่าเจ้าอย่าวู่วามดีกว่า มีชีวิตหาเงิน แต่จะไม่มีชีวิตได้ใช้เงิน”

เถ้าแก่ผู้เฒ่าต้องข่มกลั้นแล้วข่มกลั้นอีก ใช้ฝ่ามือทุบหนักๆ ลงบนราวระเบียง ใจอยากจะแผดเสียงตะเบ็งให้ดังว่า เจียงซ่างเจินชาติสุนัขผู้นั้นมาสร้างหายนะให้เหล่าสตรีในอุตรกุรุทวีปอีกแล้ว

……

ตรงทางเข้านครปี้ฮว่าซึ่งตั้งอยู่ตรงตีนเขาของสำนักพีหมามีผู้คนสัญจรกันอย่างเนืองแน่น เฉินผิงอันเดินมาครึ่งก้านธูปกว่าจะเจอสถานที่ที่ค่อนข้างจะเงียบสงบแห่งหนึ่ง เขาปลดงอบลง นั่งกินอาหารกลางวันในร้านข้างทางอย่างง่ายๆ กำลังจะลุกขึ้นคิดเงิน กลับเห็นว่าคนคุ้นเคยคนหนึ่งที่ไม่รู้ว่าปรากฏตัวตั้งแต่เมื่อไหร่ได้ควักเงินจ่ายค่าอาหารให้ตนเรียบร้อยแล้ว

ตอนที่บุรุษกลุ่มนั้นจากไป พวกเขาซุบซิบกัน คนหนึ่งในนั้นก็คือคนที่สั่งเกี๊ยวน้ำหนึ่งชามในร้านข้างทางก่อนหน้านี้ แล้วก็เป็นเขาที่รู้สึกว่าจอมยุทธหนุ่มสวมงอบผู้นั้นน่าจะลงมือด้วยง่าย

บนทางเดิน สตรีแต่งงานแล้วไม่มีเวลามามัวเช็ดคราบเลือดที่มุมปาก ถึงอย่างไรก็มีคนเดินไปเดินมาไม่หยุด หากเกะกะทางเทพเซียนผู้เฒ่าตัวจริงขึ้นมา จะไม่ใช่เรื่องเล็กแค่โดนเตะสองทีและโดนตบอีกแล้ว นางรีบหยิบผ้าฝ้ายผืนใหญ่ชิ้นหนึ่งออกมาจากชายแขนเสื้อ เก็บเศษกระเบื้องมารวมกันไว้ในห่อผ้าแล้วจากไปอย่างร้อนรน

ออกจากทางเข้าลาดเอียงของนครปี้ฮว่า มาถึงบ้านในตรอกแห่งหนึ่งที่แปะภาพเทพทวารบาล กลอนคู่สีค่อนข้างซีดขาวและยังมีตัวอักษรชุนที่อยู่สูงที่สุด

นางนวดคลึงข้างแก้ม จัดระเบียบอาภรณ์ให้ดี ฉีกรอยยิ้มออกมา แล้วถึงได้ผลักประตูเดินเข้าไป ด้านในมีเด็กสองคนกำลังเล่นกันอยู่ในลาน้บาน

สตรีแต่งงานแล้วปิดประตูเรือน เดินไปติดไฟทำอาหารที่ห้องครัว มองถังข้าวที่ด้านในเหลือข้าวสารบางๆ ติดก้นถัง สตรีแต่งงานแล้วก็ถอนหายใจเบาๆ

รอจนนางทำอาหารที่ฝืดเคืองมื้อหนึ่งเสร็จแล้ว

จู่ๆ เด็กคนหนึ่งก็วิ่งเข้ามาอย่างลิงโลด ด้านหลังยังมีเด็กตัวเล็กกว่าตามมาที่ห้องครัวด้วยกัน สองมือยกประคองเงินสีขาวหิมะสองเหรียญ เด็กสองคนนั้นดวงตาเป็นประกาย ถามว่า “ท่านแม่ๆ ที่หน้าประตูมีเงินสองเหรียญ ท่านดูสิ ดูสิ เงินนี่ออกมาจากปากของท่านเทพทวารบาลหรือไม่?”

สตรีแต่งงานแล้วอึ้งตะลึง

เงินเกล็ดหิมะสองเหรียญนี่มาจากไหนกัน?

คนมีเงินไม่เคยคิดจะมาสนใจพวกนางสามแม่ลูก นางไม่มีความงดงามแม้แต่น้อย ลูกสองคนของตนก็ยิ่งธรรมดาสามัญ นี่มันเกิดเรื่องอะไรขึ้นกันแน่?

คนหนุ่มสวมงอบผู้หนึ่งเดินออกมาจากตรอก พูดพึมพำกับตัวเองว่า “แค่ครั้งนี้เท่านั้น วันหน้าไม่ต้องมารับรู้เรื่องของคนอื่นแบบนี้อีกแล้ว”

เขาเดินไปช้าๆ หันหน้าไปมองก็เห็นว่าเด็กที่ยังเล็กมากทั้งสองใช้กำลังทั้งหมดที่มีวิ่งสุดฝีเท้า ปากก็ร้องตะโกนว่าจะไปซื้อถังหูลู่ มีถังหูลู่ให้กินแล้ว

มือกระบี่ชุดเขียวผู้นั้นยิ้มตามไปด้วย จับประคองงอบให้เข้าที สายตาที่ตลอดหลายปีมานี้มีเพียงความมืดมนนิ่งสนิทน้อยครั้งนักที่จะเผยความอบอุ่นอย่างในเวลานี้ “ถ้าอย่างนั้นคราวหน้าลองรับรู้อีกสักครั้ง?”

ไม่รู้ว่าเหตุใด หลังจากตัดสินใจว่าจะ ‘หาเรื่องใส่ตัว’ อีกสักครั้ง มือกระบี่หนุ่มต่างถิ่นที่ก้าวยาวๆ ไปข้างหน้าพลันรู้สึกว่าในหัวใจของตน ไม่เพียงแต่ไม่มีความรู้สึกติดขัดหนักอึ้งเหมือนคนเดินลากขาอยู่ในปลักโคลน กลับยังรู้สึกเพียงว่าฟ้าดินกว้างใหญ่ ตนที่เป็นเช่นนี้ถึงจะสามารถไปเยือนทุกสถานที่ได้อย่างแท้จริง

—–

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา!