กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา! นิยาย บท 487

เฉินผิงอันยิ้มบางๆ ตอบกลับ “ตกลง ขอบคุณมากที่มาเตือน”

เด็กหนุ่มโบกมือ แล้วก็หมุนตัวเตรียมจะวิ่งกลับร้าน

เฉินผิงอันเอ่ยถาม “ขอละลาบละล้วงถามอะไรสักหน่อยได้ไหม?”

เด็กหนุ่มหยุดเท้าทันที หันมาพยักหน้ารับ “ถามมาได้เลย อะไรที่พูดได้ ข้าจะไม่ปิดบังแน่นอน”

เฉินผิงอันถาม “ภาพฝาผนังเทพหญิงแปดภาพนี้มีโชควาสนายิ่งใหญ่ถึงเพียงนั้น เหตุใดสำนักพีหมาถึงไม่ล้อมปิดไว้? ต่อให้ลูกศิษย์ของตัวเองไม่อาจคว้าโชควาสนาไว้ได้ แต่น้ำดีไม่ไหลเข้านาของคนอื่น นี่มิใช่หลักการทั่วไปหรอกหรือ?”

เด็กหนุ่มยิ้มกล่าว “สำนักพีหมาไม่ได้ขี้เหนียวขนาดนั้น แทนที่จะยึดครองพื้นที่วิเศษ ฮุบเอาโชควาสนาไว้เพียงลำพัง ไม่สู้สร้างบุญสัมพันธ์กับพวกคนที่มีโชควาสนา ศาลบรรพจารย์ของสำนักพีหมามีประโยคหนึ่งที่สืบทอดต่อกันมา ‘คนอย่างเราฝึกตนบนมหามรรคา จงจำไว้ว่าอย่าทำตัวเหมือนพ่อค้าหาบเร่ที่แย่งชิงถนนหนทาง’”

เฉินผิงอันขบคิดประโยคนี้อย่างละเอียดแล้วก็เอ่ยอย่างปลงอนิจจังว่า “สำนักพีหมาช่างใจกว้างองอาจยิ่งนัก!”

เด็กหนุ่มหัวเราะชอบใจทันใด อย่าเห็นว่าเด็กหนุ่มตัวไม่สูง หน้าตาก็ธรรมดา เพราะแท้จริงแล้วเขาก็คือลูกศิษย์ฝ่ายในของศาลบรรพจารย์สำนักพีหมา ฝึกตนจนพอจะประสบความสำเร็จ จึงเป็นเหตุให้สามารถเก็บความคิดจิตใจไว้ภายใน แม้ว่าอายุจะยังน้อยมาก แต่ลำดับศักดิ์กลับไม่ต่ำ เพียงแต่รู้จักกับเด็กสาวของร้านในนครปี้ฮว่ามาตั้งแต่เด็ก พอมีโอกาสก็จะลงจากภูเขามาช่วยงาน เมื่อกลับไปถึงสำนักพีหมา ผู้ฝึกตนเฒ่าผมขาวโพลนที่ต้องเรียกขานเขาว่าอาจารย์อาน้อยก็มีอยู่ไม่น้อย

เอ่ยขอบคุณเด็กหนุ่มอีกครั้ง เฉินผิงอันก็เดินตรงไปยังทางเข้า ในเมื่อซื้อภาพเทพหญิงทั้งหลายมาแล้ว ในฐานะต้นทุนในการเปิดร้านทำกิจการที่อุตรกุรุทวีปแห่งนี้ก็ถือว่าไม่ได้มาเสียเที่ยว จึงไม่คิดจะเดินเที่ยวชมนครปี้ฮว่าต่ออีก อันที่จริงตลอดทางเขาก็ได้เห็นอาวุธของผู้ฝึกตนผีที่วางขายตามร้านน้อยใหญ่ ยังไม่พูดถึงว่าวัตถุเหล่านั้นดีหรือเลว แต่ราคากลับแพงมากจริงๆ คาดว่าหากจะหาของดีและของชั้นยอดจริงๆ คงต้องอยู่ที่นี่สักระยะเวลาหนึ่ง ค่อยๆ ตามหาร้านเก่าแก่ที่หลบอยู่ตามหลืบลึกของตรอกซอกซอย ถึงจะมีโอกาสได้เจอของดี ไม่อย่างนั้นเถ้าแก่หวงของเรือข้ามฟากก็คงไม่เอ่ยเตือน เพียงแต่เฉินผิงอันไม่คิดจะมาเสี่ยงดวง นอกจากนี้หุ่นเชิดวิญญาณหยินที่ยอดเยี่ยมที่สุดของนครปี้ฮว่าที่จะซื้อมาเป็นข้ารับใช้ ก็เป็นสิ่งที่ไม่จำเป็นที่สุดสำหรับเฉินผิงอัน ดังนั้นเขาจึงเร่งเดินทางไปยังศาลเทพลำคลองเหยาเย่ที่ห่างจากสำนักพีหมาไปหกร้อยลี้

ออกจากนครปี้ฮว่า มองไอเมฆหมอกที่ล้อมวนเวียนอยู่บนยอดเขาบดบังสำนักพีหมาที่อยู่สูงขึ้นไป อยู่ดีๆ เฉินผิงอันก็นึกถึงภูเขาไท่ผิงของใบถงทวีปขึ้นมาอย่างอดไม่ได้

ตรงตีนเขาผู้คนเบียดเสียดกันแน่นขนัด จวนตระกูลเซียนที่มีผู้สืบทอดสายตรงสามสิบหกคน และฝ่ายนอกหนึ่งร้อยแปดคนแห่งนี้ สำหรับถ้ำสถิตที่มีอักษรคำว่าจงในชื่อแล้ว ผู้ฝึกตนก็ถือว่าน้อยไปหน่อยจริงๆ บนภูเขาก็คงจะเงียบสงัดวังเวงอยู่ไม่น้อย

อันที่จริงภูเขาลั่วพั่วของตนในตอนนี้ก็ไม่ได้ต่างกันสักเท่าไหร่

คนยังน้อยเกินไป

แต่ในอนาคตหากมีคนมาเพิ่ม เฉินผิงอันก็เป็นกังวลเหมือนกัน กังวลว่าจะมีกู้ช่านคนที่สองปรากฎขึ้น ต่อให้จะเป็นแค่กู้ช่านครึ่งตัว เฉินผิงอันก็น่าจะหัวโตแล้ว

ลัทธิเต๋าเคยมีเรื่องราวของคนเมืองฉี่กังวลว่าฟ้าจะถล่ม (เปรียบเปรยถึงคนที่มัวกังวลอยู่กับเรื่องที่ไม่เป็นเรื่อง) เฉินผิงอันเปิดอ่านอยู่หลายครั้ง ยิ่งอ่านก็ยิ่งรู้สึกว่าชวนให้ขบคิดอย่างยิ่ง

เฉินผิงอันปลดน้ำเต้าเลี้ยงกระบี่ลงมาดื่มเหล้า ขยับห่อสัมภาระให้เข้าที่ เก็บความคิดทั้งหมดกลับคืนแล้วออกเดินทางไกลต่ออีกครั้ง

ยังคงเดินเท้าไปเบื้องหน้า

ส่วนลมหายใจช้าเร็วและฝีเท้าที่ตื้นหรือลึก เขาจงใจคงสภาพให้อยู่ในลักษณะของผู้ฝึกยุทธห้าขอบเขตทั่วไปในโลก

ศาลเทพลำคลองหาได้ง่ายมาก ขอแค่เดินเลียบไปตามลำคลองเหยาเย่ จากนั้นก็ขึ้นเหนือไปอีกระยะทางหนึ่งก็ได้แล้ว หุบเขาผีร้ายตั้งอยู่ทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือของศาลแห่งนั้น จึงพอจะถือว่าไปทางเดียวกันได้

ผืนน้ำของลำคลองเหยาเย่กว้างขวางอย่างยิ่ง มองไปไม่เห็นจุดสิ้นสุด กระแสน้ำลึกไหลช้า ให้ความรู้สึกคล้ายทะเลสาบแห่งหนึ่ง

ลำคลองเหยาเย่ไม่มีสะพาน ว่ากันว่าเทพลำคลองผู้นี้ไม่ชอบให้คนมาเดินอยู่เหนือหัวของเขา ดังนั้นจึงมีท่าเรือและเรือข้ามฟากอยู่เป็นจำนวนมาก เฉินผิงอันหยุดพักเท้าที่ท่าเรือเล็กๆ แห่งหนึ่ง ดื่มชาอินเฉินของท้องถิ่นหนึ่งถ้วย โดยทั่วไปแล้วน้ำที่นำมาใช้ต้มชา น้ำในลำคลองถือว่าเป็นระดับล่างๆ ชาอินเฉินของที่นี่เอาน้ำมาจากในลำคลอง แต่น้ำชากลับหวานสดชื่น คาดว่าคงจะเกี่ยวข้องกับโชคชะตาน้ำที่เข้มข้นของลำคลองเหยาเย่เป็นแน่ โชคชะตาน้ำโชติช่วง อีกทั้งยังประทานคุณให้แก่สองฟากฝั่งโดยที่มองไม่เห็น ต้นไม้ใบหญ้าจึงเขียวชอุ่มหนาครึ้ม ต้นกกต้นอ้อกอใหญ่ขึ้นเรียงเป็นแถบ เป็นช่วงต้นฤดูหนาว แต่กลับยังคงเป็นสีเขียวสดปลั่ง เป็นเหตุให้มีนกน้ำบินมาเกาะพักพิงอยู่เป็นจำนวนมาก

ตลอดทางที่เดินมานี้ บางครั้งก็พอจะเห็นผู้ฝึกตนที่มาท่องเที่ยวได้บ้าง ข้างกายพวกเขามีผู้ติดตามวิญญาณหยินที่สวมเสื้อเกราะเสียดสีกันส่งเสียงดังเคร้งคร้าง แต่ฝีเท้ากลับแผ่วเบาแทบไม่แตะฝุ่น เหมือนยอดฝีมือในยุทธภพของแคว้นใต้อาณัติเล็กๆ ในแจกันสมบัติทวีป เสื้อเกราะที่สวมอยู่บนร่างเป็นเกราะชั้นดี สลักอักขระยันต์ของลัทธิเต๋า เส้นสีเงินสีทองตัดสลับกันส่องประกายแสงระยิบระยับ เห็นได้ชัดว่าไม่ใช่ของธรรมดา วิญญาณหยินร่างกำยำสวมหน้ากากที่แทบจะปิดบังใบหน้าทั้งหมด ผิวพรรณที่เปิดเปลือยส่วนใหญ่ล้วนเป็นสีเขียวเข้ม

น้ำของหนึ่งพื้นที่หล่อเลี้ยงคนของหนึ่งพื้นที่ ผู้ฝึกตนของอุตรกุรุทวีป ไม่ว่าขอบเขตจะสูงหรือต่ำ เมื่อเทียบกับความระมัดระวัง สำรวมตนของผู้ฝึกตนในแจกันสมบัติทวีปยามที่เดินอยู่ตามท่าเรือใหญ่ๆ แล้ว ผู้ฝึกตนของที่แห่งนี้ล้วนมีสีหน้าไม่แยแสผู้ใด หยิ่งทระนงในตนเองอย่างยิ่ง

หากเผยเฉียนมาถึงที่นี่ คาดว่าคงจะเป็นดั่งปลาที่ได้น้ำเลยกระมัง

เฉินผิงอันสั่งน้ำชาอินเฉินมาอีกสองถ้วย ไม่ใช่ว่าเฉินผิงอันกระหายจนต้องดื่มเหมือนวัวกินน้ำเช่นนี้ แต่กฎของร้านน้ำชาคือน้ำชาสามถ้วยราคาหนึ่งเหรียญเงินเกล็ดหิมะ ดื่มไม่ถึงสามถ้วยก็คิดเริ่มต้นที่หนึ่งเหรียญเงินเกล็ดหิมะเหมือนกัน

เฉินผิงอันไม่ได้รีบร้อนเดินทางมากนัก เขาจึงค่อยๆ ดื่มชา และโต๊ะสิบกว่าตัวในร้านก็มีคนนั่งไปแล้วเกินครึ่ง ล้วนเป็นคนที่มาพักเท้าอยู่ที่นี่ เพราะหากเดินทางไปอีกหนึ่งร้อยลี้กว่าจะมีโบราณสถานแห่งหนึ่ง ริมตลิ่งของลำคลองเหยาเย่แถบนั้นมีวัวเหล็กยุคบรรพกาลที่ล้มกองกับพื้นอยู่ตัวหนึ่ง ประวัติความเป็นมาไม่แน่ชัด ระดับขั้นสูงอย่างถึงที่สุด เกือบจะใกล้เคียงกับสมบัติอาคม ยังไม่ถูกเทพลำคลองของลำคลองเหยาเย่รับเข้าไปพิทักษ์โชคชะตาน้ำ แล้วก็ไม่ถูกผู้ฝึกตนใหญ่ของชายหาดโครงกระดูกเก็บเข้าไปไว้ในกระเป๋า เคยมีเซียนดินคนหนึ่งพยายามจะขโมยของสิ่งนี้ไป แต่จุดจบกลับไม่ค่อยดีนัก เทพลำคลองแสร้งทำเป็นมองไม่เห็นเรื่องนี้ แล้วก็ไม่ได้ร่ายใช้วิชาอภินิหารขัดขวาง ทว่าน้ำในลำคลองเหยาเย่กลับซัดเชี่ยวไหลกรากโถมตัวกลบฟ้ากลบดิน ถึงขนาดม้วนหอบเอาเซียนดินโอสถทองผู้นั้นเข้าไปในลำคลองโดยตรง จนกระทั่งเขาจมน้ำตายทั้งเป็น หลังจากนั้นมาก็ไม่มีใครกล้าปรารถนาอยากครอบครองวัวเหล็กหนักหลายแสนชั่งตัวนี้อีกเลย

เฉินผิงอันเพิ่งจะดื่มน้ำชาถ้วยที่สองหมด ห่างไปไม่ไกลก็มีลูกค้าของโต๊ะหนึ่งทะเลาะกับลูกจ้างในร้านน้ำชาด้วยเรื่องที่ว่าน้ำชาสี่ชาม เหตุใดทางร้านถึงต้องเก็บเงินถึงสองเหรียญเงินเกล็ดหิมะ

เถ้าแก่เป็นชายฉกรรจ์ท่าทางเกียจคร้าน เห็นลูกจ้างของตัวเองทะเลาะกับลูกค้าจนหน้าดำหน้าแดงกลับรู้สึกมีความสุขบนความทุกข์ของผู้อื่น เขาฟุบตัวนอนคว่ำอยู่บนโต๊ะคิดเงินที่เต็มไปด้วยคราบน้ำมันพลางกินอาหารของตัวเองอยู่เพียงลำพัง ด้านหน้าวางจานกับแกล้มเอาไว้ นั่นคือขึ้นฉ่ายน้ำรสชาติสดใหม่ที่เก็บมาจากริมตลิ่งลำคลองเหยาเย่ ลูกจ้างหนุ่มก็เป็นคนนิสัยดื้อดึง ไม่ขอความช่วยเหลือจากเถ้าแก่ คนคนเดียวถูกลูกค้าสี่คนรุมล้อม แต่เขาก็ยังคงยืนกรานในความคิดของตัวเองว่า หากไม่ควักเงินเกล็ดหิมะสองเหรียญมาจ่ายแต่โดยดี ถ้าเช่นนั้นก็ต้องมีความสามารถมากพอจะชักดาบไม่จ่ายเงิน เพราะถึงอย่างไรทางร้านน้ำชาก็ไม่คิดจะรับเงินขาวสักแดงเดียวอยู่แล้ว

ชายฉกรรจ์เคราดกใบหน้าเป็นสีม่วง ด้านหลังมีข้ารับใช้วิญญาณหยินที่มีพลังอำนาจน่าตื่นตะลึงตนหนึ่งยืนอยู่ ด้านหลังของหุ่นเชิดที่สำนักพีหมาเป็นผู้สร้างตนนี้สะพายหีบใบใหญ่ ชายฉกรรจ์ใบหน้าม่วงเตรียมจะลงไม้ลงมือให้แตกหักกันไปข้าง แต่กลับถูกสตรีโตเต็มวัยพกดาบที่นั่งขัดสมาธิอยู่บนม้านั่งยาวคนหนึ่งเอ่ยเกลี้ยกล่อม ชายฉกรรจ์จึงควักเงินร้อนน้อยหนึ่งเหรียญออกมาตบลงบนโต๊ะอย่างแรง “สองเหรียญเงินเกล็ดหิมะใช่ไหม? ถ้าอย่างนั้นก็หามาทอนข้าผู้อาวุโส!”

นี่เห็นได้ชัดว่าจะสร้างความลำบากใจและความโมโหให้แก่ร้านน้ำชา

ผู้ฝึกตนบนภูเขา รวมไปถึงผู้ฝึกยุทธเต็มตัวที่มีฝีมือติดตัว ยามเดินทางอยู่ข้างนอก โดยทั่วไปแล้วจะเตรียมเงินเกล็ดหิมะไว้มากกว่า ไม่ว่าอย่างไรก็ไม่น่าจะขาดเงินนี้ได้ ส่วนเงินร้อนน้อยนั้น แน่นอนว่าต้องพอมีบ้าง เพราะถึงอย่างไรวัตถุนี้ก็เบากว่าเงินเกล็ดหิมะ สะดวกในการพกพามากกว่า หากเป็นเซียนดินที่พอจะมีวัตถุฟางชุ่นประเภทเนินเซียนขนาดเล็ก หรือคลังอาวุธจิ๋ว หรือได้รับสมบัติสืบทอดจากตระกูลเซียนบนภูเขาลูกใหญ่มาตั้งแต่เด็ก ก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง

ส่วนเงินฝนธัญพืชที่ล้ำค่ามากกว่านั้น ไม่ใช่ว่ายิ่งมีมากเท่าไหร่ก็ยิ่งดี เพราะสถานที่ที่สามารถใช้เงินฝนธัญพืชได้นั้น มีไม่ค่อยมาก เว้นเสียจากว่าพอลงจากภูเขามาก็ไปทำการแลกเปลี่ยนครั้งใหญ่โดยตรง

ผลคือถูกลูกจ้างหนุ่มย้อนกลับว่า “ทำไมเจ้าไม่ควักเงินฝนธัญพืชออกมาเลยเล่า?”

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา!