กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา! นิยาย บท 491

ฟ้าเริ่มสาง เฉินผิงอันก็ออกจากโรงเตี๊ยม บอกกล่าวแก่ลูกจ้างร้านที่นอนฟุบงีบหลับอยู่ตรงโต๊ะคิดเงินว่าจะคืนห้อง

ลูกจ้างหนุ่มก็ไม่เห็นเป็นสำคัญ เพียงพยักหน้ารับ ถือว่ารับรู้แล้ว

แม้ว่าจอมยุทธพเนจรหนุ่มที่สวมงอบคนนี้จะคืนห้องก่อนกำหนดสองวัน แต่เงินส่วนนี้ไม่ได้ร่วงเข้ามาในกระเป๋าของตนเสียหน่อย ลูกจ้างหนุ่มจึงกระตือรือร้นไม่ขึ้น เพียงแค่บอกให้สตรีที่ทำงานจุกจิกของโรงเตี๊ยมไปทำความสะอาดห้อง แล้วอีกเดี๋ยวค่อยว่ากัน

ลูกจ้างหนุ่มหันหน้ามองไปยังถนนที่เงียบสงัดนอกโรงเตี๊ยม ไม่มีเงาร่างของจอมยุทธหนุ่มอยู่แล้ว

พอเขานึกถึงข่าวลือเล็กๆ ที่แพร่มาจากทางนครปี้ฮว่าก็เริ่มรู้สึกอารมณ์ไม่ดี โชควาสนาภาพเทพขุนนางหญิงแห่งสรวงสวรรค์ทั้งสามภาพล้วนถูกคนนอกมาแย่งชิงไปหมดแล้ว เสียแรงที่เวลาตนอยู่ว่างๆ ไม่มีอะไรทำก็มักจะไปที่นั่น ในใจคิดว่าเทพหญิงทั้งสามท่านก็ไม่ได้มีความเป็นเซียนสักเท่าไหร่ พวกนางต้องเห็นแก่รูปลักษณ์ ชาติกำเนิดของบุรุษก็เลยพุ่งเข้าหาอย่างแน่นอน พอลูกจ้างหนุ่มคิดอย่างนี้ก็ยิ่งโมโห หนูขุดรูของหนูอยู่อาศัย ช่างชวนให้คนโมโหจนตายได้จริงๆ

เฉินผิงอันออกจากตลาดไปยังซุ้มป้ายทางเข้าของหุบเขาผีร้าย จ่ายเงินให้กับผู้ฝึกตนของสำนักพีหมาที่เฝ้าประตูไปห้าเหรียญเงินเกล็ดหิมะ ได้ป้ายหยกผ่านทางที่สลักเป็นตราเก้าคด (คือลายตัวอักษรที่พับทบซ้อนกันไปมา นิยมใช้ในตราประทับหลวงของราชวงศ์ซ่ง) มาชิ้นหนึ่ง หากมีชีวิตรอดออกมาจากหุบเขาผีร้ายได้ สามารถถือป้ายนี้มารับเงินเกล็ดหิมะคืนได้สองเหรียญ

ค่าผ่านทางนี้ไม่ถือว่าแพง ก็แค่น้ำชาอินเฉินของลำคลองเหยาเย่สิบกว่าถ้วยเท่านั้น

อีกทั้งเงินเทพเซียนก้อนนี้ยังสามารถติดค้างสำนักพีหมาไว้ก่อนได้ ดังนั้นคนเดนตายที่ไร้หนทางให้เดินต่อหลายคนของหลายแคว้นที่อยู่ทางทิศเหนือของชายหาดโครงกระดูก เมื่อเข้ามาในชายหาดโครงกระดูกแล้วก็จะทำอยู่สามอย่าง จ่ายเงินไม่กี่อีแปะซื้อธูปสามดอกกราบไหว้ที่ลำคลองเหยาเย่ ขอพรจากเทพลำคลองท่านนั้น จากนั้นก็ไปเสี่ยงดวงเอาที่ภาพเทพหญิงของนครปี้ฮว่า แล้วค่อยซื้อ ‘รวมเล่มวางใจ’ เล่มหนึ่งมาจากตลาดด้วยความจำใจ เมื่อเดินผ่านซุ้มประตูมาแล้วก็สามารถมอบชีวิตให้สวรรค์จัดการได้แล้ว

มอบเงินเรียบร้อย และได้รับแผ่นป้ายที่สลักคำว่า ‘อานุภาพสวรรค์เกริกก้อง สยบหมื่นภูตผี’ มา พวกวิญญาณหยินที่แข็งแกร่งซึ่งอยู่ใกล้กับนครทางทิศใต้ของหุบเขาผีร้าย ส่วนใหญ่จะไม่เป็นฝ่ายไปหาเรื่องพวกคนที่พกป้ายหยกก่อน เพราะถึงอย่างไรกั๋วฉือเซียนซือเจ้าสำนักพีหมาก็มาปักหลักอยู่ที่หุบเขาผีร้ายตลอดทั้งปี และมักจะนำพาผู้ฝึกตนของสองเมืองออกล่าวัตถุหยิน แต่เจ้านครน้อยใหญ่ก็ไม่คิดจะพันธนาการผีร้ายผีเร่ร่อนใต้บังคับบัญชาของตัวเองด้วยเหตุนี้ ในอดีตมีพวกเจ้านครทางทิศใต้หลายคนที่คิดจะลองดี ชอบฉวยโอกาสลอบสังหารพวกคนที่พกป้ายหยก ผลกลับถูกจู๋เฉวียนกั๋วฉือเซียนซือที่ไม่เสียดายค่าตอบแทนนำพาผู้ฝึกตนเซียนดินผู้สืบทอดของศาลบรรพจารย์บุกเข้าไปถึงถิ่นของศัตรูอยู่หลายครั้ง นางยอมให้รากฐานมหามรรคาของตนได้รับความเสียหาย แต่ก็ต้องตัดหัวผู้บงการทั้งหลายต่อหน้าฝูงชนให้จงได้ การที่กั๋วฉือเซียนซือได้เลื่อนขั้นเป็นขอบเขตหยกดิบช้าขนาดนี้ก็เกี่ยวข้องกับการที่นางเสี่ยงอันตรายคอยสังหารศัตรูอยู่มาก เป็นเหตุให้นางหยุดอยู่ที่ขอบเขตก่อกำเนิดมานานจนเกินไป

ครั้งหนึ่งที่สถานการณ์อันตรายที่สุดมีเพียงกั๋วฉือเซียนซือคนเดียวเท่านั้นที่บาดเจ็บสาหัสกลับมา ตรงเอวห้อยศีรษะของวิญญาณหยินที่เป็นเจ้านครไว้สามหัว หลังจากนั้นมานางก็ถูกอดีตเจ้าสำนักจับขังอยู่ในคุกหลังภูเขา ออกคำสั่งว่าหากนางไม่เลื่อนขั้นเป็นห้าขอบเขตบนก็ห้ามลงจากภูเขาเด็ดขาด รอจนกระทั่งนางสามารถออกจากภูเขาได้ เรื่องแรกที่นางทำก็คือย้อนกลับไปที่หุบเขาผีร้าย หากไม่เป็นเพราะก่อนที่บรรพบุรุษผู้บุกเบิกขุนเขาจะจากโลกนี้ไปได้ออกคำสั่งห้ามอย่างเด็ดขาดว่า ไม่อนุญาตให้เจ้าสำนักทุกรุ่นใช้อาวุธกึ่งเซียนที่สำนักเบื้องบนในแผ่นดินกลางประทานมาให้ระดมพลทหารหยินแสนกว่านายที่เลี้ยงไว้ไปโจมตีหุบเขาผีร้ายโดยพลการ เกรงว่าด้วยนิสัยของกั๋วฉือเซียนซือ ป่านนี้ก็คงยอมให้สำนักสูญเสียพลังต้นกำเนิดครั้งใหญ่ แต่ก็ต้องยกทัพบุกไปสังหารถึงเมืองจิงกวานกระดูกขาวให้จงได้แล้ว

เวลานี้นอกจากเฉินผิงอันที่เดินทางเพียงลำพังแล้วยังมีคนอีกสามกลุ่มมารออยู่ตรงนั้น มีทั้งคนที่มีสหายเข้าไปในหุบเขาผีร้ายเป็นเพื่อนกัน แล้วก็มีทั้งคนที่มีองค์รักษ์ข้ารับใช้ติดตามมา กำลังรอคอยให้ถึงยามเหม่าพร้อมกัน

เข้าหุบเขาผีร้ายไปหาประสบการณ์ ขอแค่ไม่คิดจะเดิมพันด้วยชีวิตก็ล้วนพิถีพิถันในเรื่องฤกษ์งามยามดีทั้งสิ้น

เหล่าผู้อาวุโสของตระกูลหรือของสำนักบางแห่งต่างก็กำชับเด็กรุ่นหลังที่อายุไม่มากซึ่งอยู่ข้างกายตัวเองว่า เมื่อเข้าไปในหุบเขาผีร้ายแล้วต้องระวังตัวให้มาก คำเตือนส่วนใหญ่ อันที่จริงแล้วก็ล้วนถูกเอ่ยถึงอยู่บ่อยๆ ใน ‘รวมเล่มวางใจ’

เฉินผิงอันรัดแผ่นหยกไว้ตรงเอว ยืนห่างออกมาไกลหน่อย ถูมือเป่าลมใส่หาความอบอุ่นอยู่เพียงลำพัง

เมื่อถึงยามเหม่า ผู้ฝึกตนเฒ่าของสำนักพีหมาที่ยืนอยู่ตรงกลางซุ้มป้ายแก้วใสสองสีป้ายแรกก็หลีกทางให้ จากนั้นก็เอ่ยประโยคอวยพรอย่างเป็นมงคลว่า “ขออวยพรให้ทุกท่านราบรื่นสมปรารถนา เดินทางปลอดภัย”

เฉินผิงอันยิ้มชอบใจ

ตนช่างมีชื่อที่ดีจริงๆ

เฉินผิงอันเดินอยู่ด้านหลังสุด ซุ้มป้ายแต่ละซุ้มมีลักษณะรูปร่างไม่เหมือนกัน เนื้อหาในกรอบป้ายก็ไม่เหมือนกัน ทำให้คนได้เปิดหูเปิดตา

เข้ามาในหุบเขาผีร้ายครั้งนี้ เฉินผิงอันสวมชุดคลุมอาคมสีเขียวที่มีนามว่าหญ้าเขียวซึ่งอู๋ยวนเจียวเพศเมียแห่งจวนจื่อหยางมอบให้ หยิบเอาสร้อยข้อมือแกนลูกท้อที่หลิวจื้อเม่าแห่งเกาะชิงเสียมอบให้ออกมาจากวัตถุฟางชุ่น พร้อมกับยันต์กระดาษเหลืองหนึ่งปึกที่เขียนเสร็จเรียบร้อยตั้งแต่เมื่อคืนวาน นำมาซ่อนไว้ในชายแขนเสื้อทางฝั่งซ้ายมือ ยันต์ส่วนใหญ่ล้วนเป็นยันต์ปราณหยางส่องไฟ ยันต์ทำลายสิ่งกีดขวางระดับพื้นฐานของ ‘มหัศจรรย์ที่แท้จริงตำราสีชาด’ แน่นอนว่าก็ยังมียันต์ย่อพื้นที่สามแผ่น แผ่นหนึ่งในนั้นวาดขึ้นด้วยกระดาษสีทองที่ล้ำค่าหายาก เมื่อคืนวานเฉินผิงอันเผาผลาญจิงชี่เสินไปไม่น้อย สามารถนำมาใช้หนีเอาชีวิตรอด แล้วก็สามารถนำมาใช้ต่อสู้ได้เช่นกัน ยันต์ฟางชุ่นสีทองแผ่นนี้จับคู่กับกระบวนท่าเทพตีกลองสายฟ้า ผลลัพธ์จะยอดเยี่ยมอย่างถึงที่สุด

ทางสายนี้ทุกคนต้องใช้เวลาเดินกันถึงหนึ่งก้านธูปเต็ม ระหว่างทางเดินผ่านสิบป้ายสิบสองซุ้ม สองฝั่งซ้ายขวาข้างทางตั้งรูปปั้นแม่ทัพบู๊สวมเสื้อเกราะสูงสองจั้งกว่าเอาไว้หลายตน สร้างแยกขึ้นเป็นสองขบวนทัพที่คุมเชิงกันอยู่บนซากปรักสมรภูมิรบโบราณของชายหาดโครงกระดูก สงครามครั้งที่ราชวงศ์ใหญ่สองแห่งกับแคว้นใต้อาณัติสิบหกแคว้นตีกันอย่างอลหม่าน สองกองทัพคุมเชิงกัน เข่นฆ่าสังหารจนเกิดศึกแห่งโศกนาฎกรรมที่กินระยะเวลายาวนานถึงสิบปีเต็ม ถึงท้ายที่สุดทุกคนล้วนฆ่ากันจนตาแดงก่ำ ไม่สนใจเรื่องโชคชะตาแห่งแคว้นอะไรอีกทั้งนั้น ว่ากันว่าตอนนั้นผู้ฝึกลมปราณบนภูเขาที่เดินทางไกลจากทิศเหนือมาชมศึกมีมากถึงหมื่นกว่าคน

เฉินผิงอันหันหน้ากลับไปมองก็เห็นว่าเงาร่างของผู้ฝึกตนสำนักพีหมาที่เฝ้าอยู่หน้าประตูพร่าเลือนมองเห็นได้ไม่ชัดแล้ว ทุกคนทยอยกันหยุดเดิน ทันใดนั้นการมองเห็นพลันเปิดกว้าง ฟ้าสูงแผ่นดินไพศาล เพียงแต่ว่าเมฆทะมึนอึมครึมบดบังแสงสว่าง และทันใดนั้นปราณหยินเข้มข้นของฟ้าดินขนาดเล็กแห่งนี้ก็ไหลกรูเข้าสู่ช่องโพรงลมปราณใหญ่แห่งต่างๆ ทำให้คนหายใจไม่สะดวก รู้สึกกดดันหนักอึ้งขึ้นอีกเป็นเท่าตัว บทการเดินทางที่ระบุไว้ใน ‘รวมเล่มวางใจ’ มีอธิบายวิธีการรับมือไว้อย่างละเอียด ผู้ฝึกลมปราณและผู้ฝึกยุทธเต็มตัวสามกลุ่มที่อยู่เบื้องหน้าต่างก็ทำตามเป็นขั้นเป็นตอน แต่ละคนพยายามต้านทานการโจมตีของปราณหยิน

ผู้ฝึกลมปราณเด็กหนุ่มคนหนึ่งในนั้นที่สวมชุดคลุมยาวสีทองยังคงดูแคลนปราณหยินที่บุกเข้ามาด้วยอำนาจดุดันของหุบเขาผีร้ายแห่งนี้เกินไป เขาจึงรับมือไม่ทันอยู่บ้าง ใบหน้าพลันแดงก่ำ สตรีห้อยดาบไว้ด้านหลังที่อยู่ข้างกายเขารีบยื่นขวดกระเบื้องสีเขียวใบหนึ่งส่งมาให้ เด็กหนุ่มดื่มน้ำค้างหวานที่ศาลซานหลางตระกูลบนภูเขาของตนหมักขึ้นเองขวดนั้นเข้าไปแล้ว สีหน้าถึงเปลี่ยนมาเป็นอิ่มเอิบเปล่งปลั่ง เด็กหนุ่มรู้สึกลำบากใจอยู่บ้าง หันไปยิ้มขออภัยให้กับสตรีที่ลักษณะคล้ายผู้ติดตามคนนั้น สตรีคลี่ยิ้มส่งกลับมา แล้วก็เริ่มกวาดตามองไปรอบด้าน สายตาของนางประสานเข้ากับผู้เฒ่าชุดสีดำที่ยืนอยู่ด้านหลังเด็กหนุ่มตลอดเวลา ผู้เฒ่าบอกเป็นนัยแก่นางว่าไม่ต้องเป็นห่วง

หุบเขาผีร้ายเป็นทั้งสถานที่ที่ดีในการหาประสบการณ์ แล้วก็เป็นช่วงเวลาอันเหมาะสมที่ศัตรูคู่แค้นจะส่งนักฆ่ามาลอบสังหาร

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา!