อ่านสรุป บทที่ 494.1 พันภูเขาหมื่นแม่น้ำ ดวงจันทร์ดวงเดียว จาก กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา! โดย Internet
บทที่ บทที่ 494.1 พันภูเขาหมื่นแม่น้ำ ดวงจันทร์ดวงเดียว คืออีกหนึ่งตอนเด่นในนิยายกำลังภายใน กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา! ที่นักอ่านห้ามพลาด การดำเนินเรื่องในตอนนี้จะทำให้คุณเข้าใจตัวละครมากขึ้น พร้อมกับพลิกสถานการณ์ที่ไม่มีใครคาดคิด เขียนโดย Internet อย่างเฉียบคมและลึกซึ้ง
บุรุษที่เมื่อครู่นอนหลับอยู่ในร่องเว้าของก้อนหินริมลำธารสะบัดชายแขนเสื้อ น้ำในลำธารก็พลันเหมือนไข่มุกสีขาวหิมะที่พากันปลิวหายเข้าไปในน้ำ เขายิ้มถามว่า “คุณชายท่านนี้ เรื่องมาถึงขั้นนี้แล้ว จะเอาอย่างไร?”
เฉินผิงอันกล่าว “ข้าไม่มีเงินอะไรทั้งนั้น ไม่คิดจะแข่งขันกับเจ้า”
บุรุษมีสีหน้าปิติยินดี พยักหน้ารับ “ถ้าอย่างนั้นข้าก็ขอรับน้ำใจเจ้า”
ทว่าจิ้งจอกเฒ่าภูเขาตะวันตกตนนั้นกลับไม่สบอารมณ์ เขาใช้ไม้เท้ากระแทกพื้นหนักๆ จากนั้นก็ยื่นนิ้วสองข้างถ่างอ้า แยกกันชี้ไปที่เฉินผิงอันและบุรุษเสื้อผ้าขาดวิ่น “ข้าผู้อาวุโสบอกแล้วว่าใครมีเงินคนนั้นก็เป็นลูกเขยของข้า ไม่มีน้ำใจอะไรให้พูดกันทั้งนั้น! เจ้าเด็กรุ่นหลังสวมงอบผู้นี้ลงมือทีใจกว้าง อีกทั้งข้ายังจงใจทดสอบนิสัยใจคอของเจ้าซ้ำแล้วซ้ำเล่า เจ้าล้วนผ่านด่านมาได้ เรื่องมาถึงขั้นนี้ก็ขาดแค่ข้าวสารยังไม่กลายเป็นข้าวสุกเท่านั้น เจ้าต้องรู้จักทะนุถนอมเห็นค่า!”
“หากบุตรสาวของข้าติดตามเจ้า ชั่วชีวิตนี้ก็ไม่คงต้องกลัดกลุ้มเรื่องกินเรื่องอยู่ ได้สวมใส่เครื่องประดับเงินทอง ไม่แน่ว่าเมื่อเทียบกับนางกำนัลหญิงภายใต้การปกครองของฟ่านอวิ๋นหลัวแห่งนครฟูนี่แล้วอาจจะยังเหมือนคุณหนูผู้สูงศักดิ์มากกว่าเสียอีก ส่วนเจ้าขอทานผู้นั้น กินลมตะวันออกเฉียงเหนืออยู่ที่นี่มานานหลายเดือน สภาพเส็งเคร็งเฮงซวยแค่ไหน ข้าผู้อาวุโสรู้กระจ่างชัดอยู่ในใจ ฟ้าดินกว้างใหญ่ยังไม่ใหญ่เท่าคำพูดวางโตของเจ้า ไม่ได้ๆ บุตรสาวของข้าคนนี้เกิดมาก็มีชะตาจะได้เสวยสุข ไม่อาจทนรับความยากลำบาก ข้าผู้อาวุโสไม่มีทางทนมองบุตรสาวที่รักกระโดดลงหลุมไฟอย่างแน่นอน!”
เฉินผิงอันนับว่าได้เปิดโลกทัศน์แล้ว ตลอดหลายปีที่ผ่านมาเขาเดินทางท่องไปยังสถานที่ต่างๆ เคยได้เห็นเทพภูเขาแต่งภรรยา เคยเห็นปีศาจจิ้งจอกหลอกลวงบัณฑิต แล้วก็ยิ่งเคยได้เห็นเทพอภิบาลเมืองรับอนุภรรยา แต่กลับไม่เคยเห็นคนที่หาลูกเขยให้บุตรสาวส่งเดชขนาดนี้มาก่อน
บุรุษเนื้อตัวมอมแมมที่หน้าตาไม่โดดเด่นเอ่ยอย่างจนใจ “ท่านพ่อตา บนร่างข้าไม่มีเงิน ไม่มีเงินเกล็ดหิมะแม้แต่เหรียญเดียว บุตรเขยไม่อาจหลอกท่านได้ลงคอ แต่ก่อนที่ข้าจะมายังหุบเขาผีร้ายแห่งนี้ เคยได้ทำการค้าครั้งใหญ่ครั้งหนึ่งจริงๆ ร้ายกาจนักล่ะ วัตถุจื่อชื่อคลังอาวุธแห่งหนึ่ง กับเงินเทพเซียนและสมบัติอาคมมากมายที่อยู่ในนั้น หากเอาออกไปขายพร้อมกัน แท้จริงแล้วข้าก็ไม่จนเลย”
จิ้งจอกเฒ่าเดือดดาลอย่างหนัก ใช้ไม้เท้ากระแทกพื้นแรงๆ อยู่หลายครั้ง แผดเสียงเต็มที่ “คิดจะหลอกข้าอีกแล้ว! ไสหัวไปให้พ้นเลย ดวงตาสุนัขคู่นี้ของข้าผู้อาวุโสเห็นแต่เงินอย่างเดียวเท่านั้น!”
เฉินผิงอันควักเงินเทพเซียนกำหนึ่งออกมา “บนร่างข้ามีเงินเทพเซียนอยู่แค่นี้เอง”
จิ้งจอกเฒ่าภูเขาตะวันตกกล่าวอย่างอ่อนระโหยโรยแรง “เด็กอย่างเจ้าพูดจาวกไปวนมา เหมือนมีไอหมอกบดบัง จนข้าไม่แน่ใจแล้วว่าจริงหรือเท็จ แต่ก็ไม่เป็นไร ถึงอย่างไรก็ดีกว่าเจ้าขอทานผู้นั้น บุตรเขยของข้าก็คือเจ้าแล้ว! วันหน้าการแตกกิ่งก้านสาขาของเผ่าจิ้งจอกภูเขาตะวันตกของพวกเราก็ต้องพึ่งลูกเขยอย่างเจ้าแล้ว ฉวยโอกาสตอนที่ยังเป็นหนุ่มเรี่ยวแรงดีออกแรงให้มากๆ หน่อย ใช่แล้ว บุตรสาวคนนี้ของข้ามีชื่อว่าเหวยไท่เจิน นางยังมีน้องชายอีกคนชื่อว่าเหวยเกาอู่ เป็นพวกไม่ได้เรื่องไม่ได้ราว เข้าบ้านหลังไหนก็เป็นคนของครอบครัวนั้น วันหน้าเจ้าก็ต้องหัดดูแลน้องภรรยาให้มากสักหน่อย วันหน้าเมื่อออกจากหุบเขาผีร้ายไปอยู่ข้างนอกด้วยกัน มีโอกาสก็ช่วยหาสตรีตระกูลเซียนมาแต่งงานกับเขาสักสิบเจ็ดสิบแปดคน…”
แต่เฉินผิงอันกลับยื่นมือชี้ไปทางบุรุษผู้นั้น
บุรุษยิ้มอย่างรู้ใจ “เงินเทพเซียนพวกนี้ให้ข้ายืมก็ได้ หรือจะมอบให้ข้าเลยก็ยิ่งดี เมื่อเป็นเช่นนี้ข้าก็จะมีเงินแล้ว”
จ้องจอกเฒ่ากลอกตาล่อกแล่ก คงไม่ได้เป็นผู้ช่วยที่เจ้าขอทานผู้นี้ไหว้วานให้มาร่วมมือกันหลอกบุตรสาวของตนหรอกนะ?
เด็กสาวที่หลบอยู่ด้านหลังร่มสีเขียวคันเล็กถามอย่างขลาดๆ “คุณชาย ข้าขอถามแค่เรื่องเดียว ท่านเคยเห็นปิ่นทองด้านล่างลำธารหรือไม่?”
เฉินผิงอันส่ายหน้าตอบตามสัตย์จริง “ไม่เคยเห็น”
เด็กสาวถอนหายใจเบาๆ นางลุกขึ้นยืนอย่างเชื่องช้า เรือนกายบอบบางอรชร ยังคงก้มหน้าหลบซ่อนอยู่ในร่มมรกต ร่มคันเล็กที่น่ารักงดงามเหมือนกับเจ้านายของมันมีรูโหว่ขนาดใหญ่เท่าก้อนหินรูหนึ่งทำให้ดูเสียบรรยากาศไปบ้าง อันที่จริงน้ำเสียงของเด็กสาวเยียบเย็น แต่กลับมีท่วงทำนองที่เย้ายวนตามธรรมชาติ คาดว่านี่น่าจะเป็นวิชาอภินิหารแห่งชะตาชีวิตของจิ้งจอกบนโลก “คุณชายอย่าได้ตำหนิท่านพ่อข้าเลย คิดเสียว่าได้ฟังเรื่องตลกก็แล้วกัน”
เด็กสาวกระตุกชายแขนเสื้อของจิ้งจอกเฒ่า พูดเสียงอ่อนหวานว่า “ท่านพ่อ ไปกันเถิด”
ผู้เฒ่าตวัดตามองคนหนุ่มสวมงอบอย่างดุดันหนึ่งที ยิ่งมองก็ยิ่งเหมือนจอมลวงโลก เขาจึงแค่นเสียงเย็นเอ่ยว่า “เรื่องการแต่งงานจะทำเป็นเล่นไม่ได้ พวกเรากลับไปก่อนค่อยว่ากัน”
จิ้งจอกเฒ่าภูเขาตะวันตกกับเด็กสาวถือร่มรีบร้อนพากันจากไป
เนื่องจากฝีเท้าสับสนวุ่นวาย น้ำเต้าสีเขียวมรกตที่ผูกไว้บนหัวไม้เท้าจึงแกว่งส่ายไม่หยุดนิ่ง
พอจิ้งจอกหนึ่งแก่หนึ่งเด็กจากไป ทางแถบของลำธารกลางภูเขานี้ก็กลับคืนสู่ความเงียบสงบอีกครั้ง
ไม่มีนกกาบินผ่าน ภูเขาแม่น้ำเงียบสงัด แต่แท้จริงแล้วในความสงบร่มเย็นนี้กลับแฝงไว้ด้วยความเปลี่ยวร้างไร้ชีวิตชีวา
เฉินผิงอันเก็บเงินเกล็ดหิมะกำนั้นใส่ไว้ในชายแขนเสื้อ
บุรุษผู้นั้นยิ้มกล่าวว่า “ถือว่าข้าหยางฉงเสวียนติดค้างน้ำใจเจ้าครึ่งหนึ่ง”
เฉินผิงอันส่ายหน้า “ไม่จำเป็นต้องเกรงใจกันเช่นนี้ ข้าแค่คิดว่ามีเรื่องเพิ่มมากขึ้นไม่สู้มีเรื่องลดน้อยลง”
บุรุษไม่เอ่ยอะไรอีก คงเป็นเพราะหิวจนไม่มีเรี่ยวแรงแล้วจึงหามุมก้อนหินที่ค่อนข้างราบเรียบแล้วเอนตัวนอนเหม่อ
เฉินผิงอันปลดงอบจ้องนิ่งไปยังประกายแสงที่เหมือนแสงหิ่งห้อยยามค่ำคืนกลางธารน้ำเส้นนั้น
ในเมื่อมาเยือนภูเขากระจกวิเศษแล้ว แน่นอนว่าต้องหวังจะได้เจอโชควาสนาหรือไม่ก็สมบัติอาคม แม้ว่าจะมีความหวังไม่มาก แต่สรรพสิ่งอยู่ที่คนกำหนด ใต้หล้านี้ทรัพย์สินและโชควาสนาที่นอนเฉยๆ ก็พุ่งมาหามีอยู่ก็จริง แต่ถึงอย่างไรก็มีน้อยยิ่งกว่าน้อย ที่มากกว่านั้นยังคงเป็นวิธีการหาเงินของผู้ฝึกตนอิสระที่เป็นดั่งนกนางแอ่นคาบดินโคลน ดั่งมดที่ย้ายรัง หากโชคดีเจอเข้ากับโชควาสนาบนเส้นทางการฝึกตนก็ต้องมีความเสี่ยงมาพร้อมกับโชคลาภ จำเป็นต้องระวังแล้วระวังอีก ไม่แน่ว่าอาจจะยังต้องเดิมพันด้วยชีวิตอีกด้วย
ก็เหมือนกับคู่รักห้าขอบเขตล่างที่ตอนนี้น่าจะอยู่ในตลาดด่านไน่เหอแล้วคู่นั้นที่ก่อนหน้าจะมาถึงสันเขาอีกาก็ได้พลิกๆ ค้นๆ ตามหามาตลอดทาง เจอกับความยากลำบากมากมาย แต่แท้จริงแล้วกลับหาเงินมาไม่ได้แม้แต่เหรียญเกล็ดหิมะเดียว
หากยังเดินไปทางเมืองชิงหลูที่อยู่ทางเหนือขึ้นไปอีก ไม่แน่ว่าอาจต้องตายกันทั้งคู่ ถึงเวลานั้นก็ไม่เสียแรงที่มีสถานะเป็นคู่บำเพ็ญตน เพราะต้องกลายเป็นคู่ยวนยางสิ้นชีพคู่หนึ่งอย่างแท้จริง
ส่วนชื่อ ‘หยางฉงเสวียน’ นี้ เฉินผิงอันไล่หาในสมองรอบหนึ่งก็ไม่เจอความทรงจำแม้แต่น้อย ในเมื่อไม่มีบันทึกไว้ใน ‘รวมเล่มวางใจ’ ถ้าอย่างนั้นก็จดจำไว้ก่อนแล้วกัน
น่าจะไม่ใช่เจ้านครวิญญาณวีรบุรุษที่เป็นดั่งสิ่งศักดิ์สิทธิ์ในพื้นที่ของหุบเขาผีร้าย หรือวิญญาณหยินแข็งแกร่งบางตนที่อยู่ในนครกรงขาวซึ่งฟังคำสั่งจากศูนย์กลาง แต่ยังคงสถานะของของการตั้งตนเป็นอิสระ
คิดดูแล้วน่าจะเป็นคนแปลกถิ่นที่มาฝึกประสบการณ์ที่นี่เหมือนกัน
ส่วนตบะนั้น ไม่อาจดูแคลน
เพราะเฉินผิงอันมองรากฐานและความตื้นลึกของอีกฝ่ายไม่ออกเลยแม้แต่น้อย
ก็เหมือนผู้เฒ่าชุดดำในกลุ่มคนที่เดินผ่านซุ้มประตูมาด้วยกันก่อนหน้านี้ที่เก็บแก่นของความคิดไว้ภายใน จิตวิญญาณที่แท้จริงถูกซ่อนไว้อย่างลึกล้ำ เฉินผิงอันยังพอจะเดาออกว่าอย่างน้อยคนผู้นั้นก็น่าจะเป็นผู้ฝึกกระบี่เซียนดินขอบเขตโอสถทอง
แน่นอนว่าความเป็นไปได้มากกว่านั้นก็คือ เดิมทีหยางฉงเสวียนนี้ก็เป็นแค่นามแฝงนามหนึ่ง
จิ้งจอกเฒ่าภูเขาตะวันตกเดินลงจากภูเขากระจกวิเศษ มือหนึ่งถือไม้เท้า อีกมือหนึ่งลูบหนวด เดินทอดถอนใจไปตลอดทาง
เด็กสาวใจลอยเล็กน้อย
ผู้เฒ่าพลันถามว่า “ไท่เจิน ไม่สู้แต่งให้กับแม่ทัพผีนครซานโต้วไปดีไหม? วัตถุหยินตนนั้น จะดีจะชั่วก็เป็นแม่ทัพผู้กล้าหาญอันดับหนึ่งใต้บังคับบัญชาของเจ้านครซานโต้ว ไม่เหมือนกับวัตถุหยินทั่วไป เมื่อเทียบกับเจ้าพวกที่ชอบอ้าปากกว้างแดงฉาน หรือไม่ก็มีแต่โครงกระดูกไม่มีเนื้อแม้แต่ครึ่งตำลึงแล้ว ก็ยังนับว่าหน้าตาสมบูรณ์แบบ อยู่ในสถานที่แบบนี้ของพวกเรา จะบอกว่าเขาเป็นเด็กรุ่นหลังที่หน้าตาหล่อเหลาก็ไม่เกินไปเลยแม้แต่น้อย”
เด็กสาวขมวดคิ้วกลัดกลุ้มอยู่ไม่คลาย
ผู้เฒ่ากล่าวอย่างจนใจว่า “ใช่ ปีนั้นนักพรตที่เดินทางผ่านมาได้บอกว่าคู่ชีวิต สามีที่มีบุญสัมพันธ์กับเจ้าจะต้องเป็นคนที่มองเห็นปิ่นทองในธารลึก แต่นี่ผ่านไปตั้งกี่ปีแล้ว สองร้อยปีกระมัง? หรือสามร้อยปี? หากนำไปวางไว้ในหมู่ชาวบ้านนอกหุบเขาผีร้าย อายุอย่างเจ้า หลานของหลานของหลานก็น่าจะแต่งงานมีเมียมีลูกกันไปหมดแล้ว…”
เด็กสาวเบื่อหน่ายอย่างถึงที่สุด นางจึงบิดหมุนร่มคันเล็กสีเขียวมรกตที่มีรูโหว่เบาๆ หันหน้าไปมองทางกึ่งกลางภูเขาของภูเขากระจกวิเศษแล้วพึมพำว่า “ท่านพ่อ อย่าได้เร่งลูกเลย รออีกหน่อยเถิด อย่างมากสุดอีกร้อยปี หากยังไม่ได้เจอเขา ลูกก็จะแต่งกับใครก็ได้ตามใจท่าน”
ผู้เฒ่าถอนหายใจหนึ่งที “ถ้าอย่างนั้นก็ต้องแต่งกับคนที่มีเงิน ทางที่ดีที่สุดอย่าได้เป็นพวกเจ้าเล่ห์เกินไป แล้วก็ต้องมีความกตัญญู ต้องรู้จักทำดีต่อพ่อตาของเขาให้มากหน่อย นอกจากสินสอดทองหมั้นจะมีครบครันพร้อมสรรพแล้วยังต้องคอยกตัญญูต่อพ่อตาบ่อยๆ แล้วยังมีเจ้าอีกคน ออกเรือนไปแล้วก็อย่าได้ทำตัวเป็นน้ำที่สาดออกไปจริงๆ เด็ดขาด ครึ่งชีวิตที่เหลือนี้ของพ่อจะได้มีวันเวลาที่สุขสบายกับเขาบ้างหรือไม่ก็ล้วนต้องฝากความหวังไว้ที่เจ้าและลูกเขยในอนาคตแล้ว”
เด็กสาวลังเลอยู่ชั่วครู่ แล้วก็พลันถามขึ้นว่า “ท่านพ่อ จะเป็นอย่างที่แม่ทัพนครซานโต้วพูดจริงๆ หรือ หากลูกแต่งงานกับเขา เจ้านครซานโต้วก็จะช่วยสร้างศาลให้ท่านพ่อบนภูเขากระจกวิเศษ ให้ท่านได้เป็นเทพวารีที่ได้กินควันธูป?”
ผู้เฒ่าหลุดหัวเราะพรืด “คำพูดของคนยังเชื่อถือไม่ได้ แล้วนับประสาอะไรกับคำพูดผีๆ ของผีเล่า สิ่งศักดิ์สิทธิ์แห่งภูเขาและสายน้ำในหุบผีร้ายสูงศักดิ์แค่ไหน เจ้าจะไม่รู้เลยหรือ? ทางเหนือและทางใต้มีเจ้านครมากมายขนาดนั้น แต่คนที่ได้เป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์มีสักกี่คนกัน? แม้จะบอกว่าชาติกำเนิดอย่างพวกเรา คิดจะสร้างร่างทองกลายเป็นเทพภูเขานั้นเป็นสิ่งที่ไม่กล้าเพ้อฝันเด็ดขาด เพราะกฎของเหล่าอริยะลัทธิขงจื๊อกำหนดไว้ตายตัว ใครเล่าจะกล้าละเมิด ทว่าเทพน้ำของพื้นที่หนึ่งนั้น ยังถือว่าพอจะมีความหวังอยู่บ้าง แต่น่าเสียดาย พ่อรู้ดีว่าตัวเองไม่ได้มีวาสนาเช่นนั้น พ่อได้แต่ฝึกวิชาเซียนสายน้ำจากตำราลับไม่สมบูรณ์ฉบับหนึ่ง แอบขโมยกินโชคชะตาน้ำของภูเขากระจกวิเศษ อาศัยวิธีที่โง่เขลามาค่อยๆ เพิ่มพูนตบะทีละนิด นี่ถือเป็นขีดจำกัดสูงสุดแล้ว”
เด็กสาวคลี่ยิ้มหวาน “ท่านพ่อ ท่านคงกลัวผจญกับความยากลำบากที่ต้อง ‘ร่างกายเหลือเพียงโครงกระดูกยืนตั้ง ดวงวิญญาณเหมือนถูกทอดอยู่ในกระทะน้ำมันร้อน’ ซึ่งต้องเผชิญยามที่ต้องกลายมาเป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์กระมัง?”
ผู้เฒ่าก็เป็นคนหน้าหนาคนหนึ่ง “นั่นมันแน่อยู่แล้ว ใต้หล้านี้ไม่ว่าจะคนเป็น สิ่งของไร้ชีวิตหรือภูตผีอย่างพวกเรา เมื่อได้มาเดินอยู่บนโลกมนุษย์ใบนี้ก็ล้วนอยากวิ่งเข้าหาชีวิตที่ได้เสพสุขกันทั้งนั้น เหตุใดการกลายเป็นเทพของวิญญาณวีรบุรุษแห่งราชวงศ์ถึงง่ายกว่า นั่นก็เพราะว่ามีโชคชะตาแคว้นคอยให้การปกป้อง มีบุญกุศลอยู่ติดกาย ส่วนภูตผีที่คิดจะกลายเป็นเทพ เหตุใดถึงได้มีแต่ความยากลำบากเสี่ยงอันตราย แล้วยังต้องอยู่ไกลห่างจากวิถีทางโลก ไม่อาจสะสมผลบุญไว้ได้ ต้องเชื่อว่าบุญกุศลมาจากสวรรค์ ตลอดชีวิตที่พ่ออยู่ในหุบเขาผีร้ายแห่งนี้มาเพิ่งจะได้เห็นคนเป็นสักกี่คนเชียว? พวกเขามีบุญกุศลกะผายลมเสียที่ไหน แล้วนับประสาอะไรกับที่พอเจอคนหนึ่งก็ต้องทำร้ายพวกเขาให้ถึงตาย หลอกผู้ฝึกลมปราณมากมายขนาดนั้นให้ไปชมน้ำในลำธารกลางภูเขา ทำให้จิตวิญญาณของพวกเขาต้องถูกดึงไป ตลอดหลายร้อยปีที่ผ่านมานี้ ทุกครั้งที่ถึงช่วงเทศกาลชิงหมิง พ่อจะต้องท่องไปรอบภูเขากระจกวิเศษ ขุดดินจุดธูปครั้งแล้วครั้งเล่า เจ้าคิดว่าสนุกนักหรือ? นี่เป็นเพราะในใจพ่อมีความละอายต่างหาก”
อยู่ดีๆ ผู้เฒ่าก็กระทืบเท้ากล่าวอย่างขุ่นเคือง “ลูกสาวเจ้าหน้าตางดงามขนาดนี้ เหตุใดพวกเจ้านครทั้งหลายถึงไม่ถูกใจเจ้า? ไม่อย่างนั้นก็อย่าว่าแต่นกกระจอกกลายเป็นหงส์ ได้เป็นภรรยาเอกที่ถูกต้องของเจ้านครคนใดเลย ต่อให้เป็นเมียน้อยที่ได้รับความโปรดปราน พ่อและน้องชายที่ไม่ได้เรื่องของเจ้าก็คงจะได้ดิบได้ดีเจริญรุ่งเรืองกันไปแล้ว ไหนเลยจะต้องมาอยู่บนภูเขากระจกวิเศษที่แม้แต่นกก็ยังไม่อยากมาขี้ ได้แต่จ้องตากันไปมา รอความตายไปวันๆ เช่นนี้? อย่างเจ้าคนบ้าตันหาของนครเฟิ่นหลางผู้นั้นไง ก่อนหน้านี้ยังพูดปาวๆ ว่าจะยกเกี้ยวแปดคนหามมาสู่ขอเจ้าไปเป็นภรรยาที่ถูกต้อง แต่เหตุใดหลายปีมานี้ถึงได้ทำจิตใจให้สะอาดผ่องใสไร้ความปรารถนา ไม่มีความคิดเช่นนั้นอีกแล้ว?”
สีหน้าของเด็กสาวค่อนข้างจะไร้เดียงสา
คนอื่นชอบหรือไม่ชอบตน จะไปบังคับกันได้อย่างนั้นหรือ?
นางมีดวงตาที่งดงามมากคู่หนึ่ง
จิ้งจอกเฒ่าสะทกสะท้อนใจไม่หยุด เผ่าจิ้งจอกภูเขาตะวันตกนับวันจำนวนก็ยิ่งลดน้อยลงจนเหลืออีกแค่ไม่กี่ตัวแล้ว
ได้ยินมาว่าแจกันสมบัติทวีปมีสถานที่แห่งหนึ่งที่เผ่าจิ้งจอกเจริญรุ่งเรือง ทว่าจิ้งจอกเฒ่าก็เชื่อมั่นว่าต่อให้บุตรสาวคนนี้ของตนไปที่นั่น ก็ยังต้องเป็นสาวงามที่ครองความงามเป็นอันดับหนึ่งของที่แห่งนั้นอย่างแน่นอน
—–
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา!