บุรุษที่เมื่อครู่นอนหลับอยู่ในร่องเว้าของก้อนหินริมลำธารสะบัดชายแขนเสื้อ น้ำในลำธารก็พลันเหมือนไข่มุกสีขาวหิมะที่พากันปลิวหายเข้าไปในน้ำ เขายิ้มถามว่า “คุณชายท่านนี้ เรื่องมาถึงขั้นนี้แล้ว จะเอาอย่างไร?”
เฉินผิงอันกล่าว “ข้าไม่มีเงินอะไรทั้งนั้น ไม่คิดจะแข่งขันกับเจ้า”
บุรุษมีสีหน้าปิติยินดี พยักหน้ารับ “ถ้าอย่างนั้นข้าก็ขอรับน้ำใจเจ้า”
ทว่าจิ้งจอกเฒ่าภูเขาตะวันตกตนนั้นกลับไม่สบอารมณ์ เขาใช้ไม้เท้ากระแทกพื้นหนักๆ จากนั้นก็ยื่นนิ้วสองข้างถ่างอ้า แยกกันชี้ไปที่เฉินผิงอันและบุรุษเสื้อผ้าขาดวิ่น “ข้าผู้อาวุโสบอกแล้วว่าใครมีเงินคนนั้นก็เป็นลูกเขยของข้า ไม่มีน้ำใจอะไรให้พูดกันทั้งนั้น! เจ้าเด็กรุ่นหลังสวมงอบผู้นี้ลงมือทีใจกว้าง อีกทั้งข้ายังจงใจทดสอบนิสัยใจคอของเจ้าซ้ำแล้วซ้ำเล่า เจ้าล้วนผ่านด่านมาได้ เรื่องมาถึงขั้นนี้ก็ขาดแค่ข้าวสารยังไม่กลายเป็นข้าวสุกเท่านั้น เจ้าต้องรู้จักทะนุถนอมเห็นค่า!”
“หากบุตรสาวของข้าติดตามเจ้า ชั่วชีวิตนี้ก็ไม่คงต้องกลัดกลุ้มเรื่องกินเรื่องอยู่ ได้สวมใส่เครื่องประดับเงินทอง ไม่แน่ว่าเมื่อเทียบกับนางกำนัลหญิงภายใต้การปกครองของฟ่านอวิ๋นหลัวแห่งนครฟูนี่แล้วอาจจะยังเหมือนคุณหนูผู้สูงศักดิ์มากกว่าเสียอีก ส่วนเจ้าขอทานผู้นั้น กินลมตะวันออกเฉียงเหนืออยู่ที่นี่มานานหลายเดือน สภาพเส็งเคร็งเฮงซวยแค่ไหน ข้าผู้อาวุโสรู้กระจ่างชัดอยู่ในใจ ฟ้าดินกว้างใหญ่ยังไม่ใหญ่เท่าคำพูดวางโตของเจ้า ไม่ได้ๆ บุตรสาวของข้าคนนี้เกิดมาก็มีชะตาจะได้เสวยสุข ไม่อาจทนรับความยากลำบาก ข้าผู้อาวุโสไม่มีทางทนมองบุตรสาวที่รักกระโดดลงหลุมไฟอย่างแน่นอน!”
เฉินผิงอันนับว่าได้เปิดโลกทัศน์แล้ว ตลอดหลายปีที่ผ่านมาเขาเดินทางท่องไปยังสถานที่ต่างๆ เคยได้เห็นเทพภูเขาแต่งภรรยา เคยเห็นปีศาจจิ้งจอกหลอกลวงบัณฑิต แล้วก็ยิ่งเคยได้เห็นเทพอภิบาลเมืองรับอนุภรรยา แต่กลับไม่เคยเห็นคนที่หาลูกเขยให้บุตรสาวส่งเดชขนาดนี้มาก่อน
บุรุษเนื้อตัวมอมแมมที่หน้าตาไม่โดดเด่นเอ่ยอย่างจนใจ “ท่านพ่อตา บนร่างข้าไม่มีเงิน ไม่มีเงินเกล็ดหิมะแม้แต่เหรียญเดียว บุตรเขยไม่อาจหลอกท่านได้ลงคอ แต่ก่อนที่ข้าจะมายังหุบเขาผีร้ายแห่งนี้ เคยได้ทำการค้าครั้งใหญ่ครั้งหนึ่งจริงๆ ร้ายกาจนักล่ะ วัตถุจื่อชื่อคลังอาวุธแห่งหนึ่ง กับเงินเทพเซียนและสมบัติอาคมมากมายที่อยู่ในนั้น หากเอาออกไปขายพร้อมกัน แท้จริงแล้วข้าก็ไม่จนเลย”
จิ้งจอกเฒ่าเดือดดาลอย่างหนัก ใช้ไม้เท้ากระแทกพื้นแรงๆ อยู่หลายครั้ง แผดเสียงเต็มที่ “คิดจะหลอกข้าอีกแล้ว! ไสหัวไปให้พ้นเลย ดวงตาสุนัขคู่นี้ของข้าผู้อาวุโสเห็นแต่เงินอย่างเดียวเท่านั้น!”
เฉินผิงอันควักเงินเทพเซียนกำหนึ่งออกมา “บนร่างข้ามีเงินเทพเซียนอยู่แค่นี้เอง”
จิ้งจอกเฒ่าภูเขาตะวันตกกล่าวอย่างอ่อนระโหยโรยแรง “เด็กอย่างเจ้าพูดจาวกไปวนมา เหมือนมีไอหมอกบดบัง จนข้าไม่แน่ใจแล้วว่าจริงหรือเท็จ แต่ก็ไม่เป็นไร ถึงอย่างไรก็ดีกว่าเจ้าขอทานผู้นั้น บุตรเขยของข้าก็คือเจ้าแล้ว! วันหน้าการแตกกิ่งก้านสาขาของเผ่าจิ้งจอกภูเขาตะวันตกของพวกเราก็ต้องพึ่งลูกเขยอย่างเจ้าแล้ว ฉวยโอกาสตอนที่ยังเป็นหนุ่มเรี่ยวแรงดีออกแรงให้มากๆ หน่อย ใช่แล้ว บุตรสาวคนนี้ของข้ามีชื่อว่าเหวยไท่เจิน นางยังมีน้องชายอีกคนชื่อว่าเหวยเกาอู่ เป็นพวกไม่ได้เรื่องไม่ได้ราว เข้าบ้านหลังไหนก็เป็นคนของครอบครัวนั้น วันหน้าเจ้าก็ต้องหัดดูแลน้องภรรยาให้มากสักหน่อย วันหน้าเมื่อออกจากหุบเขาผีร้ายไปอยู่ข้างนอกด้วยกัน มีโอกาสก็ช่วยหาสตรีตระกูลเซียนมาแต่งงานกับเขาสักสิบเจ็ดสิบแปดคน…”
แต่เฉินผิงอันกลับยื่นมือชี้ไปทางบุรุษผู้นั้น
บุรุษยิ้มอย่างรู้ใจ “เงินเทพเซียนพวกนี้ให้ข้ายืมก็ได้ หรือจะมอบให้ข้าเลยก็ยิ่งดี เมื่อเป็นเช่นนี้ข้าก็จะมีเงินแล้ว”
จ้องจอกเฒ่ากลอกตาล่อกแล่ก คงไม่ได้เป็นผู้ช่วยที่เจ้าขอทานผู้นี้ไหว้วานให้มาร่วมมือกันหลอกบุตรสาวของตนหรอกนะ?
เด็กสาวที่หลบอยู่ด้านหลังร่มสีเขียวคันเล็กถามอย่างขลาดๆ “คุณชาย ข้าขอถามแค่เรื่องเดียว ท่านเคยเห็นปิ่นทองด้านล่างลำธารหรือไม่?”
เฉินผิงอันส่ายหน้าตอบตามสัตย์จริง “ไม่เคยเห็น”
เด็กสาวถอนหายใจเบาๆ นางลุกขึ้นยืนอย่างเชื่องช้า เรือนกายบอบบางอรชร ยังคงก้มหน้าหลบซ่อนอยู่ในร่มมรกต ร่มคันเล็กที่น่ารักงดงามเหมือนกับเจ้านายของมันมีรูโหว่ขนาดใหญ่เท่าก้อนหินรูหนึ่งทำให้ดูเสียบรรยากาศไปบ้าง อันที่จริงน้ำเสียงของเด็กสาวเยียบเย็น แต่กลับมีท่วงทำนองที่เย้ายวนตามธรรมชาติ คาดว่านี่น่าจะเป็นวิชาอภินิหารแห่งชะตาชีวิตของจิ้งจอกบนโลก “คุณชายอย่าได้ตำหนิท่านพ่อข้าเลย คิดเสียว่าได้ฟังเรื่องตลกก็แล้วกัน”
เด็กสาวกระตุกชายแขนเสื้อของจิ้งจอกเฒ่า พูดเสียงอ่อนหวานว่า “ท่านพ่อ ไปกันเถิด”
ผู้เฒ่าตวัดตามองคนหนุ่มสวมงอบอย่างดุดันหนึ่งที ยิ่งมองก็ยิ่งเหมือนจอมลวงโลก เขาจึงแค่นเสียงเย็นเอ่ยว่า “เรื่องการแต่งงานจะทำเป็นเล่นไม่ได้ พวกเรากลับไปก่อนค่อยว่ากัน”
จิ้งจอกเฒ่าภูเขาตะวันตกกับเด็กสาวถือร่มรีบร้อนพากันจากไป
เนื่องจากฝีเท้าสับสนวุ่นวาย น้ำเต้าสีเขียวมรกตที่ผูกไว้บนหัวไม้เท้าจึงแกว่งส่ายไม่หยุดนิ่ง
พอจิ้งจอกหนึ่งแก่หนึ่งเด็กจากไป ทางแถบของลำธารกลางภูเขานี้ก็กลับคืนสู่ความเงียบสงบอีกครั้ง
ไม่มีนกกาบินผ่าน ภูเขาแม่น้ำเงียบสงัด แต่แท้จริงแล้วในความสงบร่มเย็นนี้กลับแฝงไว้ด้วยความเปลี่ยวร้างไร้ชีวิตชีวา
เฉินผิงอันเก็บเงินเกล็ดหิมะกำนั้นใส่ไว้ในชายแขนเสื้อ
บุรุษผู้นั้นยิ้มกล่าวว่า “ถือว่าข้าหยางฉงเสวียนติดค้างน้ำใจเจ้าครึ่งหนึ่ง”
เฉินผิงอันส่ายหน้า “ไม่จำเป็นต้องเกรงใจกันเช่นนี้ ข้าแค่คิดว่ามีเรื่องเพิ่มมากขึ้นไม่สู้มีเรื่องลดน้อยลง”
บุรุษไม่เอ่ยอะไรอีก คงเป็นเพราะหิวจนไม่มีเรี่ยวแรงแล้วจึงหามุมก้อนหินที่ค่อนข้างราบเรียบแล้วเอนตัวนอนเหม่อ
เฉินผิงอันปลดงอบจ้องนิ่งไปยังประกายแสงที่เหมือนแสงหิ่งห้อยยามค่ำคืนกลางธารน้ำเส้นนั้น
ในเมื่อมาเยือนภูเขากระจกวิเศษแล้ว แน่นอนว่าต้องหวังจะได้เจอโชควาสนาหรือไม่ก็สมบัติอาคม แม้ว่าจะมีความหวังไม่มาก แต่สรรพสิ่งอยู่ที่คนกำหนด ใต้หล้านี้ทรัพย์สินและโชควาสนาที่นอนเฉยๆ ก็พุ่งมาหามีอยู่ก็จริง แต่ถึงอย่างไรก็มีน้อยยิ่งกว่าน้อย ที่มากกว่านั้นยังคงเป็นวิธีการหาเงินของผู้ฝึกตนอิสระที่เป็นดั่งนกนางแอ่นคาบดินโคลน ดั่งมดที่ย้ายรัง หากโชคดีเจอเข้ากับโชควาสนาบนเส้นทางการฝึกตนก็ต้องมีความเสี่ยงมาพร้อมกับโชคลาภ จำเป็นต้องระวังแล้วระวังอีก ไม่แน่ว่าอาจจะยังต้องเดิมพันด้วยชีวิตอีกด้วย
ก็เหมือนกับคู่รักห้าขอบเขตล่างที่ตอนนี้น่าจะอยู่ในตลาดด่านไน่เหอแล้วคู่นั้นที่ก่อนหน้าจะมาถึงสันเขาอีกาก็ได้พลิกๆ ค้นๆ ตามหามาตลอดทาง เจอกับความยากลำบากมากมาย แต่แท้จริงแล้วกลับหาเงินมาไม่ได้แม้แต่เหรียญเกล็ดหิมะเดียว
หากยังเดินไปทางเมืองชิงหลูที่อยู่ทางเหนือขึ้นไปอีก ไม่แน่ว่าอาจต้องตายกันทั้งคู่ ถึงเวลานั้นก็ไม่เสียแรงที่มีสถานะเป็นคู่บำเพ็ญตน เพราะต้องกลายเป็นคู่ยวนยางสิ้นชีพคู่หนึ่งอย่างแท้จริง
ส่วนชื่อ ‘หยางฉงเสวียน’ นี้ เฉินผิงอันไล่หาในสมองรอบหนึ่งก็ไม่เจอความทรงจำแม้แต่น้อย ในเมื่อไม่มีบันทึกไว้ใน ‘รวมเล่มวางใจ’ ถ้าอย่างนั้นก็จดจำไว้ก่อนแล้วกัน
น่าจะไม่ใช่เจ้านครวิญญาณวีรบุรุษที่เป็นดั่งสิ่งศักดิ์สิทธิ์ในพื้นที่ของหุบเขาผีร้าย หรือวิญญาณหยินแข็งแกร่งบางตนที่อยู่ในนครกรงขาวซึ่งฟังคำสั่งจากศูนย์กลาง แต่ยังคงสถานะของของการตั้งตนเป็นอิสระ
คิดดูแล้วน่าจะเป็นคนแปลกถิ่นที่มาฝึกประสบการณ์ที่นี่เหมือนกัน
ส่วนตบะนั้น ไม่อาจดูแคลน
เพราะเฉินผิงอันมองรากฐานและความตื้นลึกของอีกฝ่ายไม่ออกเลยแม้แต่น้อย
ก็เหมือนผู้เฒ่าชุดดำในกลุ่มคนที่เดินผ่านซุ้มประตูมาด้วยกันก่อนหน้านี้ที่เก็บแก่นของความคิดไว้ภายใน จิตวิญญาณที่แท้จริงถูกซ่อนไว้อย่างลึกล้ำ เฉินผิงอันยังพอจะเดาออกว่าอย่างน้อยคนผู้นั้นก็น่าจะเป็นผู้ฝึกกระบี่เซียนดินขอบเขตโอสถทอง
แน่นอนว่าความเป็นไปได้มากกว่านั้นก็คือ เดิมทีหยางฉงเสวียนนี้ก็เป็นแค่นามแฝงนามหนึ่ง
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา!