บนลานหยกขาวหน้าประตูจวนของเจ้านครฟูนี่ แผ่นหยกส่องแสงแวววาวดุจกระจก ใสแจ๋วจนส่องเห็นตัวคน
เด็กหญิงคนหนึ่งกำสองมือเป็นหมัดวางไว้ตรงหน้าอก นางยู่หน้า เบ้ปาก มองรถลากที่เสียหายยับเยินฝั่งตรงข้าม น้ำตานางก็คลอเจียนจะหยด
โชคดีที่มาถึงบ้านของข้าผู้อาวุโสแล้ว
หลังจากที่เจ้านครฟูนี่ท่านนี้หนีเอาชีวิตรอดมาได้สองครั้งติดก็ไม่ได้รู้สึกว่าตัวเองโชคดีแม้แต่น้อย ความรู้สึกเดียวที่มีคือความเจ็บปวดใจ
ครั้งแรกอันที่จริงนางก็ยอมรับชะตากรรมแล้ว รู้ว่าฝีมือตัวเองสู้คนอื่นไม่ได้ นี่เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นบ่อยในหุบเขาผีร้าย เจ้านครหลายคนที่ในประวัติศาสตร์มีหน้ามีตาอย่างถึงที่สุด ทุกวันนี้ยังมีชีวิตสู้นางไม่ได้ด้วยซ้ำ ต้องเป็นวัวเป็นม้าให้กับนครกรงขาว นครเซียงสือ มีชีวิตเทียบกับหมูหมากาไก่สักตัวก็ยังไม่ได้ ไก่และหมายังกล้าขัน กล้าเห่าใส่คนที่เดินผ่านทาง ทว่าผีใหญ่ที่เคยเป็นเจ้านครเหล่านั้น ทุกวันนี้กล้าหรือ?
แต่ว่าครั้งที่สอง มองดูเหมือนผ่อนคลายสบายๆ ไม่มีกลิ่นคาวเลือดแม้แต่น้อย ทว่ากลับทำให้ฟ่านอวิ๋นหลัวกลุ้มใจเป็นที่สุด
ติดค้างน้ำใจ ‘เซียนกระบี่กระดูกขาว’ ผู้มีชื่อเสียงเลื่องลือแห่งหุบเขาผีร้ายผู้นั้น แต่ไหนแต่ไรมาต้องใช้คืนเสมอ
ไม่เคยมีครั้งไหนเป็นข้อยกเว้น
ฟ่านอวิ๋นหลัวสูดจมูก ยกมือเช็ดใบหน้า เดินอ้อมรถลากอันเป็นสมบัติที่รักไปหนึ่งรอบ เดี๋ยวก็ลูบตรงนี้ เดี๋ยวก็เช็ดตรงนั้นด้วยความเจ็บปวดหัวใจอย่างถึงที่สุด
คิดจะซ่อมแซมให้กลับมาเป็นเหมือนเดิม จะต้องใช้เงินร้อนน้อยอีกหลายเหรียญ อยู่ในหุบเขาผีร้าย หากไม่ใช่ทรัพย์สินเดิมที่มีอยู่ คิดจะหาเงินเทพเซียนใหม่ๆ เข้ามาเพิ่มเติม ยากเท่าใดกัน?
ทันใดนั้นฟ่านอวิ๋นหลัวก็ใช้หน้าผากโขกรถลาก เสียงตึงดังสนั่น
แล้วนางก็เริ่มร้องคร่ำครวญอย่างไร้น้ำตา
ทำเอาหญิงชราที่โชคดีมีชีวิตรอดกลับมาถึงเมืองยิ่งรู้สึกใจฝ่อ ตอนนั้นที่อยู่ในสันเขาอีกา นางกับพวกผีสาวทั้งสี่ที่สวมชุดชาววังเผ่นหนีแตกฮือกันไปสี่ทิศ บางคนโชคไม่ดี ประหนึ่งบ้านที่รูรั่วแล้วต้องเจอฝนตกติดต่อกันหลายๆ คืน ถูกผีโอสถทองตนนั้นลักพาตัวจากไป แบบนี้ไม่สู้ตายไปใต้คมกระบี่ของเซียนกระบี่หนุ่มผู้นั้นเสียยังดีกว่า นางหลบซ่อนตัวได้เร็ว ภายหลังยังรวบรวมตัวนางกำนัลหญิงของนครฟูนี่มาได้อีกหลายคน ถือเป็นการทำความดีเล็กๆ ชดใช้ความผิด แต่ตอนนี้ดูจากท่าทางเช่นนี้ของเจ้านครแล้ว ในใจหญิงชราก็เต้นรัวราวกับตีกลอง เจ้านครมีท่าทางเช่นนี้ คงไม่ใช่ว่าจะให้นางเอาเงินส่วนตัวออกมาซ่อมแซมรถลากวิเศษคันนี้หรอกกระมัง?
ชั่วขณะนั้นหญิงชราก็ถึงขั้นเกิดความคิดที่จะเปลี่ยนไปสวามิภักดิ์นครแห่งอื่นแล้ว
อยู่ในหุบเขาผีร้าย ปลาใหญ่กินปลาเล็ก ปลาเล็กกินกุ้ง ส่วนกุ้งที่อยู่ระดับล่างที่สุดก็ได้แต่กินดินโคลน
หากเกิดสถานการณ์ที่สูญเสียกองกำลังทหารขึ้นมา ผลลัพธ์ย่อมเลวร้ายจนมิอาจคาดคิด ง่ายที่จะชักนำให้กลุ่มอิทธิพลโดยรอบจ้องเล่นงานตาเป็นมัน หากกองกำลังหลายฝ่ายแอบเป็นพันธมิตรกันอย่างลับๆ ขึ้นมา โดนรุมทึ้งเมื่อไหร่ นครฝูนี่ก็ถูกกำหนดมาแล้วว่าต้องมีจุดจบที่ต้องแตกแยกเป็นเสี่ยงๆ อย่างแน่นอน
อยู่ที่นี่ ขอแค่เป็นการเข่นฆ่า สิ่งที่กริ่งเกรงกันมากที่สุดก็คือสถานการณ์ชะงักงันไม่เดินหน้า หรือไม่ก็สังหารศัตรูหนึ่งพันตัวเองเสียหายแปดร้อย เพราะมักจะมีกลุ่มอิทธิพลที่ใหญ่ยิ่งกว่าฉวยโอกาสแทรกซอนเข้ามา สองฝ่ายที่ต่อสู้กันเอาเป็นเอาตาย หากสุดท้ายต้องกลายเป็นว่าตัดชุดแต่งงานให้คนอื่นจะไม่เท่ากับว่าเหนื่อยเปล่าหรอกหรือ ทว่าหากนครแห่งใดแห่งหนึ่งในหุบเขาผีร้ายตัดสินใจที่จะลงมือแล้วล่ะก็ ก็ความเป็นไปได้เกินครึ่งว่าหลังจากชั่งน้ำหนักมาดีแล้วว่าตนเองจะได้กินเหยื่อที่หมายล่า ส่วนใหญ่ก็มักจะโจมตีเอาชีวิตในคราวเดียว โอกาสชนะมีมากถึงเก้าในสิบส่วน
แม้ว่าฟ่านอวิ๋นหลัวจะมีตบะเป็นโอสถทอง แต่เห็นได้ชัดว่ากองกำลังของนครฟูนี่ยังคงน้อยนิด ดังนั้นฟ่านอวิ๋นหลัวจึงชอบแสร้งวางท่าข่มขู่คนอื่นมากที่สุด ยกตัวอย่างเช่นนางเปิดเผยกับภายนอกแบบกึ่งเปิดกึ่งปิดว่าตนกับสำนักพีหมามีความสัมพันธ์ที่ไม่เลวต่อกัน ตัวนางได้รับผู้ฝึกตนผู้สืบทอดสายตรงของศาลบรรพจารย์สำนักพีหมาที่เฝ้าพิทักษ์อยู่ในเมืองชิงหลูเป็นพี่ชายบุญธรรม แต่หญิงชราที่รู้รากฐานของนางดีกลับรู้ว่านางพูดจาเหลวไหลไปเอง เพราะหากอีกฝ่ายยอมรับในเรื่องนี้ อย่าว่าแต่พี่ชายบุญธรรมที่ถือว่าลำดับศักดิ์เท่ากันเลย ต่อให้จะเป็นพ่อบุญธรรมหรือแม้แต่บรรพบุรุษ ฟ่านอวิ๋นหลัวก็ยังยินดี โชคดีที่ผู้ฝึกตนท่านนั้นตั้งใจฝึกตนไม่สนใจเรื่องทางโลก เขาที่อยู่ในสำนักพีหมาก็เป็นลูกรักแห่งสวรรค์ที่มีหวังบนมหามรรคาไม่ต่างจากหยางหลินของนครปี้ฮว่า จึงคร้านจะมาสนใจความคิดสกปรกน้อยนิดแค่นี้ของนครฟูนี่
คนในนครฟูนี่อย่างพวกนาง เดิมทีก็เป็นกองกำลังลำดับล่างสุดในบรรดานครมากมายทางทิศใต้ของหุบเขาผีร้ายอยู่แล้ว ผีสาวที่ถูกพาไปยังสันเขาอีกากลุ่มนั้นล้วนเป็นคนสนิทของฟ่านอวิ๋นหลัวที่ต่อสู้เก่ง คราวนี้จึงกล่าวได้ว่านครฟูนี่เสียหายถึงรากฐานอย่างแท้จริง
ป๋ายเหนียงเนียงผู้นั้นก็ได้รับบาดเจ็บสาหัส อย่างสั้นคือหกปี อย่างยาวคือร้อยปีที่ได้แต่นอนแบ๊บอยู่ในนครอย่างร่อแร่ ขาดพลังการต่อสู้ไปส่วนหนึ่งยังไม่นับว่าเป็นอะไรได้ เพราะแต่ไหนแต่ไรมาป๋ายเหนียงเนียงผู้นี้ก็ไม่ได้มีพลังการต่อสู้ที่สูงที่สุดอยู่แล้ว ทว่านางคือชู้รักที่เจ้านครเฟิ่นหลางแอบเลี้ยงดูไว้ภายนอก นี่เป็นเรื่องจริงที่ทุกคนทั่วทิศใต้ของหุบเขาผีร้ายต่างก็รู้กันดี ไม่ถือว่าเป็นความลับอะไร ภรรยาของเจ้านครท่านนั้นไม่เพียงแต่เป็นคู่บำเพ็ญเพียรของเจ้านคร นางยังเป็นคนที่ดูแลเรื่องราวต่างๆ ด้วยตัวเองอย่างแท้จริง และเรื่องของป๋ายเหนียงเนียงนี้ก็ทำให้ทางนครเฟิ่นหลางเกลียดขี้หน้านครฟูนี่มาโดยตลอด
หญิงชราก้มหน้าลงน้อยๆ สีหน้าเดี๋ยวมืดเดี๋ยวสว่างไม่แน่นอน กำลังคิดว่าถ้าไม่ทำก็คือไม่ทำ แต่ถ้าทำก็ต้องไปให้ถึงที่สุด ถ้างั้นก็ไม่สู้แอบขโมยอาวุธอันเป็นจุดศูนย์กลางของค่ายกลใหญ่พิทักษ์เมืองไปสวามิภักดิ์กับฮูหยินของนครเฟิ่งหลางผู้นั้นดีหรือไม่?
ขอแค่นครเฟิ่นหลางฮุบกลืนนครฟูนี่เอาไว้ได้ ไม่แน่ว่าตำแหน่งเจ้านครฟูนี่คนต่อไปก็อาจมีหวังว่าจะเป็นตน
นครน้อยใหญ่ทางทิศเหนือและทิศใต้ของหุบเขาผีร้ายมีรวมกันทั้งหมดสามสิบหกแห่ง ส่วนใหญ่แล้วเจ้านครล้วนเป็นดั่งน้ำไหล ส่วนนครก็ดั่งสร้างขึ้นมาจากเหล็ก การผลัดเปลี่ยนเจ้านครก็แค่อาศัยความชื่นชอบของแต่ละคนมาเปลี่ยนชื่อเรียกใหม่เท่านั้น
นี่ก็คือกฎที่ไม่เป็นลายลักษณ์อักษรของหุบเขาผีร้าย ว่ากันว่าแพร่มาจากนครจิงกวานกระดูกขาวแห่งนั้น จู่โจมเมืองบุกตีฐานทัพ ต่างฝ่ายต่างผลักไสปัดแข้งปัดขากันเอง ไม่ว่าเจ้าที่เป็นฝ่ายชนะจะถอนรากถอนโคน กลืนกินคนทั้งเป็น หรือสังหารภูตผี ก็ล้วนไม่สำคัญ สิ่งเดียวที่ทำไม่ได้ก็คือไม่อนุญาตให้ทำลายล้างอย่างกำเริบเสิบสานจนเป็นเหตุให้นครแห่งหนึ่งกลายเป็นเพียงซากปรักหักพัง เว้นเสียแต่ว่ามีรากฐานและเงินทุน สามารถสร้างนครอีกแห่งหนึ่งขึ้นมาใหม่บนซากปรักภายในสิบปี ไม่อย่างนั้นเมื่อสิบปีมาถึง แม่ทัพผีเซียนดินใหญ่หลายคนในนครจิงกวานจะนำทัพลงใต้ นั่นต่างหากถึงจะเรียกว่าแม้แต่หมูหมากาไก่ก็ไม่เว้นอย่างแท้จริง
หญิงชราลังเลตัดสินใจไม่ได้ แม้จะบอกว่านางมีแนวโน้มที่จะหักหลังนครฟูนี่และฟ่านอวิ๋นหลัวที่ไม่เป็นโล้เป็นพายมากกว่า แต่ว่านางก็ยังรู้สึกลำบากใจอยู่ดี เรื่องสกปรกที่ขายเจ้านายเพื่อความรุ่งโรจน์ประเภทนี้ ถึงอย่างไรก็ไม่เป็นที่ชื่นชอบในหุบเขาผีร้าย ต่อให้ผลัดเปลี่ยนเจ้านายที่ถวายการรับใช้ก็ยังต้องถูกพวกขุนนางเก่าแก่ผู้มีคุณูปการผลักไสอย่างหนัก และใช้โอกาสนี้มาหาเรื่องอยู่ดี
ความหวังเพียงอย่างเดียวก็คือ เนื่องจากฮูหยินนครเฟิ่นหลางผู้นั้นเป็นสตรีเหมือนกัน ก็หวังว่านางจะไม่ถือสาความภักดีหรือไม่ภักดีพวกนี้
ฟ่านอวิ๋นหลัวพลันหยุดการกระทำที่เหมือนคนเสียสตินั้นลง นางหันมาทางหญิงชรา พูดอย่างน่าสงสารว่า “หลังจากเจ้าคนแซ่ผูของนครกรงขาวผู้นั้นช่วยเหลือข้าแล้วก็บอกว่าของบรรณาการของปีนี้และครั้งหน้าจะต้องเพิ่มเป็นสองเท่า ฉางหมัวมัว เจ้าว่าเราจะทำอย่างไรกันดี? ด้วยกองกำลังที่พ่ายแพ้ยับเยินซึ่งเหลืออยู่น้อยนิดของนครฟูนี่ของพวกเรานี้ ตอนนี้จะไปหาของวิเศษที่พอเป็นหน้าเป็นตา พอจะเข้าตาของนครกรงขาวได้จากที่ไหน”
หญิงชราใจสั่น ยิ้มกล่าวว่า “เจ้านคร นี่คือความโชคดีท่ามกลางความโชคร้าย คือเรื่องดีจริงๆ! ในเมื่อเจ้านครใหญ่ผูเปิดปากแล้ว อย่างน้อยภายในเวลาหนึ่งร้อยปี นครฟูนี่ของพวกเราก็ไม่ต้องกังวลว่าจะถูกโจรชั่วคนใดหมายหัวอีกแล้ว”
บนใบหน้าอ่อนเยาว์ของฟ่านอวิ๋นหลัวยังคงเต็มไปด้วยพยับเมฆหนาครึ้ม “แต่รายได้ของนครฟูนี่ไม่พอกับรายจ่าย ต้องคอยควักทรัพย์สมบัติที่เป็นเงินทุนอยู่ทุกครั้ง ต่อให้ฝืนทนอยู่ได้ร้อยปี ตายช้าแต่ก็ยังต้องตายอยู่ดีไม่ใช่หรือ”
หญิงชราได้แต่เค้นรอยยิ้ม เอ่ยปลอบใจนางว่า “เจ้านครไม่จำเป็นต้องหมดอาลัยตายอยาก เวลาร้อยปีจะว่ายาวก็ไม่ยาว จะว่าสั้นก็ไม่สั้น ขอแค่โชคชะตาเข้าข้างสักครั้งสองครั้ง ไม่แน่ว่านครฟูนี่ของพวกเราอาจจะผลัดเปลี่ยนสถานะ กลายไปเป็นนครใหญ่อันดับหนึ่งทางทิศใต้ก็เป็นได้ ถึงเวลานั้นอย่าว่าแต่เจ้านครต้องคอยดูสีหน้าของนครเซียงสือ นครเฟิ่นหลางเลย ไม่แน่ว่าแม้แต่เจ้านครฟูก็อาจจะต้องหันมาพึ่งพาท่าน”
ฟ่านอวิ๋นหลัวพยักหน้ารับ
นางยื่นนิ้วออกมาเกาตรงหัวตาเหมือนแมวน้อยลูบใบหน้าตัวเอง พูดอย่างกังขาว่า “ข้าเสียใจถึงขนาดนี้แล้ว เหตุใดถึงไม่มีน้ำตาไหลออกมาสักหยดกันนะ แบบนี้ไม่ค่อยเข้าท่าเลย”
หญิงชราบื้อใบ้ไร้คำพูดตอบโต้
ฟ่านอวิ๋นหลัวโบกชายแขนเสื้อเป็นวงกว้าง เก็บรถลากไว้ในชายแขนเสื้อใหญ่ เดินไปทางประตูใหญ่ของจวนแล้วโหวกเหวกเสียงดังว่า “ข้าจะไปเก็บฟางมาทำเป็นหุ่นคุณไสยทิ่มแทงให้เจ้าคนสารเลวสวมงอบผู้นั้นตายไปเลย!”
หญิงชราติดตามอยู่ด้านหลัง ความคิดแล่นเร็วจี๋
คำพูดประโยคนี้ของเจ้านครกำลังพูดกระทบกระเทียบตน? หรือว่าเอ่ยขึ้นอย่างไม่ได้ตั้งใจ?
ฟ่านอวิ๋นหลัวหยุดเท้าไม่เดินต่อ หันขวับกลับมาถามว่า “ใช่แล้ว คนผู้นั้นชื่ออะไรแล้วนะ?”
หญิงชรากล่าวอย่างกระอักกระอ่วน “ดูเหมือนว่าอีกฝ่ายจะไม่ได้บอกชื่อแซ่ของตัวเอง”
ฟ่านอวิ๋นหลัวหยุดยืนนิ่ง อึ้งงันเป็นไก่ไม้ พลันยกสองแขนขึ้นโบก กระทืบเท้าสองข้างสะเปะสะปะ พูดด้วยความเจ็บใจขมขื่นเป็นที่สุด “แม้แต่หุ่นคุณไสยที่ข้าถนัดที่สุดก็ใช้การไม่ได้หรือ”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา!