ภูตน้ำลักษณะคล้ายผู้เฒ่าลัทธิขงจื๊อคนหนึ่งโผล่หัวออกมาจากผิวน้ำ ลังเลอยู่นานกว่าจะขยับเข้ามาใกล้อย่างขลาดกลัว
ยังคงไม่กล้าขึ้นฝั่งเข้ามาใกล้คนทั้งสอง เพียงยืนอยู่ในลำคลอง เอ่ยเสียงสั่น “ราชันย์เฮยเหอให้ข้านำความมาบอกเซียนซือทั้งสองท่านว่า ขอแค่ปล่อยตัวฟู่ไห่หยวนจวินไป เซียนซือทั้งสองก็เอาสมบัติที่อยู่ในถ้ำสถิตของฟู่ไห่หยวนจวินไปได้ตามสบาย ถือเสียว่าเป็นการผูกบุญสัมพันธ์ต่อกันครั้งหนึ่ง”
สตรีที่อยู่ในหลุมก้มหน้าลง
บัณฑิตเอ่ยสัพยอกว่า “พ่อของเจ้าคนนี้ไม่กังวลเรื่องความเป็นความตายของเจ้าเลยจริงๆ แค่ส่งทหารกุ้งหอยปูปลาให้มารับมือกับพวกเราเนี่ยน่ะ?”
สตรีเพียงแค่ก้มหน้าไม่พูดจา ความจองหองและโทสะก่อนหน้านี้ล้วนไม่เหลืออยู่เลย
ภูตตนนั้นเอ่ยอย่างกล้าๆ กลัวๆ ว่า “สองแคว้นเปิดศึกกันล้วนไม่สังหารทูตที่มาช่วยเจรจา ไม่ว่าเซียนซือทั้งสองท่านจะตอบรับหรือไม่ก็ควรปล่อยให้ข้านำความกลับไปแจ้งที่โพรงมังกรเฒ่า”
บัณฑิตหลุดขำกับคำพูดของอีกฝ่าย เขาหันหน้ามามองเฉินผิงอัน “เอาอย่างไร?”
เฉินผิงอันยิ้มกล่าว “ถ้าอย่างนั้นเจ้าก็กลับไปเถอะ บอกไปว่าพวกเรายอมตอบรับเงื่อนไขนี้”
บัณฑิตเอ่ยเสริมไปว่า “แต่ฟู่ไห่เทียนจวินท่านนี้ต้องอยู่ต่อก่อน”
ภูตผู้นั้นร้องโอดครวญ “ราชันย์เฮยเหอบอกข้าว่าต้องพาหยวนจวินเหนียงเนียงกลับไปด้วยกันให้ได้”
เฉินผิงอันกล่าว “ทำงานได้ไม่ดีพอก็อาจจะมีโอกาสตายด้วยน้ำมือของราชันย์เฮยเหอ แต่ถึงอย่างไรก็คงดีกว่าต้องมาตายที่นี่อย่างแน่นอนกระมัง?”
ภูตตนนั้นหดคอ รีบหันหลังกลับแล้วเผ่นหนีไปในน้ำทันที
บัณฑิตเอ่ย “ข้าจะไปบุกประตูใหญ่ของจวนใต้น้ำตอนนี้เลยนะ?”
เฉินผิงอันชี้ไปยังสตรีที่อยู่ในหลุมพลางพยักหน้ารับ “ข้าจะเฝ้าอยู่ที่ผิวน้ำใกล้กับถ้ำสถิตแห่งนั้น เจ้าพานางไปไว้ข้างกายด้วยเลย ไม่แน่ว่าระหว่างทางอาจถูกเจ้าพูดเกลี้ยกล่อมได้สำเร็จ และนางยอมเปิดประตูใหญ่ให้ด้วยตัวเอง จะช่วยลดปัญหาความยุ่งยากไปได้มาก”
ทั้งสองฝ่ายต่างก็ไม่ได้มัวอืดอาดชักช้า บัณฑิตกุมลำคอของสตรีเรือนกายกำยำผู้นั้นอีกครั้งแล้วกระชากนางมาไว้ในมือ เฉินผิงอันก็ติดตามบัณฑิตมุ่งหน้าไปยังลำคลองตอนบนด้วยกัน
สุดท้ายบัณฑิตก็ผลุบหายลงไปใต้น้ำ
เฉินผิงอันยืนอยู่ข้างลำคลอง
หนึ่งเค่อต่อมา
เฉินผิงอันหัวเราะหยันอยู่ในใจ ตะพาบเฒ่าตัวนี้ตัดสินใจได้เด็ดขาดและอำมหิตเสียจริง ถึงขนาดไม่สนใจชีวิตของบุตรสาวเลยหรือ?
เห็นเพียงว่าตลอดทั้งลำคลองเฮยเหอ น้ำในลำคลองที่เดิมทีขุ่นมัวพลันเปลี่ยนมาเป็นสีหมึก จากนั้นกระแสน้ำนับตั้งแต่ตอนบนของลำคลองที่ห่างไปไกลเป็นต้นมาก็จับตัวกลายเป็นน้ำแข็งอย่างรวดเร็ว
ดูท่าคงจะตัดสินใจแล้วว่าจะสังหารบัณฑิตที่ลงน้ำไปหาสมบัติให้ตายอยู่ในลำคลอง
ไม่เพียงเท่านี้ ม่านฟ้าที่ห่างไปไกลยังมีชายร่างกำยำที่ทั่วร่างเต็มไปด้วยสายฟ้าตัดสลับถักทอกันพุ่งบุกมาสังหารอย่างดุดัน
คือขุนพลเทพชื่อเหลยแห่งภูเขาจีเซียว
ทว่านอกจากท่านนี้แล้ว ดูเหมือนว่าจะไม่มีปีศาจตนอื่นมาเข้าร่วมและล้อมโจมตีอีก พวกปีศาจที่รวมถึงอริยะใหญ่ปานซานนั้น หากไม่ไปหลบอยู่ไกลยิ่งกว่าก็คงเลือกที่จะอยู่เฉยรอดูสถานการณ์ไปก่อน
เฉินผิงอันรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย หรือว่าปีศาจแห่งภูเขาจีเซียวตนนี้รู้ว่ามีคนไปขุดเอาแส้สายฟ้าสีทองพวกนั้นมา ไม่มีที่ให้ระบายไฟโทสะ พอได้รับการแจ้งข่าวจากตะพาบเฒ่าก็เลยทิ้งพันธมิตรคนอื่นๆ บุกมาสังหารศัตรูที่นี่เพียงลำพัง?
ตะพาบเฒ่าร่ายวิชาอภินิหารแห่งชะตาชีวิต ผนึกน้ำในลำคลองเฮยเหอให้กลายเป็นน้ำแข็งในระยะร้อยลี้ ความผิดปกติเช่นนี้ ต่อให้เฉินผิงอันมีใจแต่ก็ไร้กำลังจะรับมือ
ทว่าถึงอย่างไรก็ควรจะต้องขัดขวางปีศาจแห่งภูเขาจีเซียวตนนั้นไว้สักหน่อย
ดูท่าปีศาจที่ตั้งบรรดาศักดิ์ให้ตัวเองเป็นขุนพลเทพชื่อเหลยผู้นี้จะโมโหจริงๆ ตอนนั้นที่อยู่บนภูเขาตี้หย่ง รอบกายยังมีแค่แผ่นป้ายสองแผ่นล้อมวน ตอนนี้กลับเพิ่มมาเป็นสามแผ่น ด้านบนเขียนคำสั่งวิชาอสนีเอาไว้ มีความเป็นไปได้มากว่าจะหลอมมาจากแส้สายฟ้าสีทอง
เขาหยุดลอยตัวอยู่กลางอากาศ คำรามกร้าว “เจ้าโจรชั่ว เป็นเจ้าที่ขโมยบ่อสายฟ้าของข้าไปใช่หรือไม่?!”
เฉินผิงอันอึ้งตะลึง ก่อนจะยิ้มเอ่ยว่า “หากข้ามีความสามารถเทียมฟ้าเช่นนั้นจริง พวกเจ้าที่อยู่ภูเขาตี้หย่งจะยังมีชีวิตรอดกันอีกหรือ?”
เขาเหมือนจะเสียสติไปแล้ว เอาแต่คำรามไม่หยุด บนร่างก็ปลดปล่อยประกายแสงสายฟ้าออกมาอย่างต่อเนื่อง “เจ้าโจรชั่วสมควรตาย กล้าทำลายรากฐานของข้า ข้าจะต้องทำให้เจ้าถูกแล่เนื้อเถือหนังเป็นพันเป็นหมื่นครั้ง ข้าจะดึงเอาจิตวิญญาณของเจ้าออกมาแล้วให้รับทัณฑ์สายฟ้าร้อยปีพันปี!”
เขากระโจนมายังริมตลิ่งลำคลองเฮยเหอแห่งนี้ ขณะเดียวกันก็เผยร่างจริงของภูตครึ่งตัวอยู่กลางอากาศ มีศีรษะเป็นอินทรีสีทอง และมีร่างคนสูงจั้งกว่าๆ
ป้ายคำสั่งทั้งสามแผ่นแยกกระจายตัวกันออกไป
เขาปล่อยหมัดต่อยเข้าใส่เฉินผิงอัน
เฉินผิงอันไม่ได้ชักกระบี่ แค่ใช้หมัดต้านรับ
ไม่เสียแรงที่ปีศาจขึ้นชื่อเรื่องเรือนกายที่แข็งแกร่งทนทาน เฉินผิงอันที่ยืนอยู่บนพื้นไถลออกไปหลายจั้ง ปีศาจอินทรีทองตนนั้นก้าวยาวๆ มาข้างหน้า แผ่นป้ายคำสั่งทั้งสามต่างก็มีสายฟ้าสีทองเชื่อมโยงพวกมันไว้ด้วยกัน เวลานี้ก็มีสายฟ้าขนาดเท่าแขนคนสาดยิงเข้าหาเฉินผิงอันอย่างต่อเนื่อง วิถีการโคจรยุ่งเหยิงไม่เป็นระเบียบ ไม่แยกแยะศัตรูหรือคนกันเอง เพียงแต่ว่าเมื่อสายฟ้าตกกระทบลงบนร่างของปีศาจตนนั้นกลับไม่เพียงแต่ไม่สามารถหยุดยั้งเรือนกายของมันไว้ได้ กลับกันยังแผ่ลามไปทั่วกายภายในเสี้ยววินาที สุดท้ายไปรวมตัวกันอยู่ที่แขน หมัดแรกของมัน บนหมัดเต็มไปด้วยแสงสีทอง ตลอดทั้งลำแขนก็เหมือนมีงูตัวเล็กสีทองหลายสิบตัวนอนขดอยู่
เฉินผิงอันคิดจะต่อสู้ประชิดตัวกับอีกฝ่าย เขาไม่เพียงแต่ไม่ใช่เจี้ยนเซียน แม้แต่ชูอีสืออู่ที่อยู่ในน้ำเต้าเลี้ยงกระบี่ก็ยังไม่เรียกออกมาด้วย
หมัดของทั้งสองฝ่ายปะทะกันเนื้อต่อเนื้อ
ปีศาจตนนั้นฮึกเหิมพร้อมเข่นฆ่า มันหัวเราะเสียงเหี้ยมไม่หยุด ทุกครั้งที่ออกหมัดจะต้องมาพร้อมกับพลานุภาพของสายฟ้าที่ดังครืนครั่น แสงสีทองบนร่างก็ยิ่งระเบิดพร่างตา
ก่อนหน้านี้ตอนที่อยู่บนภูเขาตี้หย่ง ยามที่คนผู้นี้เผ่นหนีอย่างกระเซอะกระเซิงได้ถูกวานรย้ายภูเขาเหวี่ยงค้อนทุบหนึ่งครั้งก็กระอักเลือดไม่หยุด สีหน้าซีดขาว ร่างโซซัดโซเซ เรือนกายที่อ่อนแอถึงเพียงนี้ก็ยังกล้าจะมาวัดด้านความแข็งแกร่งทนทานของเรือนกายกับข้าผู้อาวุโสอย่างนั้นหรือ?
เตียวน้อยตัวนั้นพูดไม่ผิดเลยจริงๆ ไอ้หมอนี่คือผู้ฝึกกระบี่คนหนึ่ง แต่บางทีอาจเป็นเพราะกระบี่ยาวที่สะพายไว้ด้านหลังมีระดับขั้นสูงเกินไป จึงไม่อาจควบคุมได้อย่างสมบูรณ์ ทุกครั้งที่ใช้จึงต้องเผาผลาญปราณวิญญาณไปอย่างมหาศาล อีกทั้งในช่วงเวลาสั้นๆ นี้ก็ต้องไม่มีทางชดเชยกลับมาให้เต็มพร้อมได้แน่นอน
มิน่าเล่าทั้งก่อนและหลังถึงได้กล้าแค่ไปหาเรื่องตำหนักกว่างหานและตะพาบน้อย!
แต่หากเปลี่ยนมาเป็นบัณฑิตที่มีวิชาคาถามากมายผู้นั้น มันก็คงไม่กล้าประมาทมาต่อสู้ประชิดตัวกับอีกฝ่ายเช่นนี้
บุรุษร่างกำยำปล่อยหมัดคู่ออกไปพร้อมกับคำรามเสียงแหบแห้ง “คืนบ่อสายฟ้าข้ามา!”
เฉินผิงอันใช้สองฝ่ามือต้านรับสองหมัด คราวนี้ร่างของเขาแน่นิ่งไม่กระดุกกระดิก
ท่ามกลางสายฟ้าที่แลบแปลบปลาบและลมพายุที่พัดกระหน่ำ ปีศาจที่มีศีรษะเป็นอินทรีทองตนนั้นเห็นใบหน้าที่ถูกเปลี่ยนรูปโฉมใหม่ รวมไปถึงสายตาที่เดิมทีควรคุ้นเคย แต่กลับไม่คุ้นเคย
หัวใจของเขาบีบรัดตัวแน่น รีบร้อนถอยหนี
เฉินผิงอันยกเท้ากระทืบลงบนพื้นหนักๆ หนึ่งทีก็มาอยู่ด้านหน้าปีศาจในเสี้ยววินาที หมัดหนึ่งถูกปล่อยออกไปอย่างเบาสบาย
ปีศาจตนนั้นประเมินน้ำหนักหมัดของอีกฝ่ายอย่างรวดเร็ว ครั้นจึงปล่อยหมัดออกไปเต็มกำลัง เห็นได้ชัดว่าคิดจะใช้บาดแผลแลกบาดแผลกับเจ้าหมอนี่!
หมัดของอีกฝ่ายไม่เจ็บไม่คันอย่างที่คาดไว้จริงๆ น่าจะเทียบเคียงได้กับพละกำลังของผู้ฝึกยุทธขอบเขตห้าของนอกหุบเขาผีร้ายเท่านั้น ทว่าหมัดนี้ของตนกลับกระแทกลงบนใบหน้าของอีกฝ่ายอย่างจัง
แต่เหตุใดศีรษะของอีกฝ่ายถึงไม่เคลื่อนขยับเลยเล่า?
ผิดปกติ!
หมัดที่สองพุ่งมาถึงแล้ว
เร็วเกินไป
ปีศาจกัดฟันแลกเปลี่ยนหมัดกับอีกฝ่ายต่ออีกครั้ง
หลังจากหลายหมัดผ่านปี ขุนพลเทพชื่อเหลยผู้นี้ก็ค้นพบด้วยความตะลึงพรึงเพริดว่า การที่ตนคิดจะแลกเปลี่ยนอาการบาดเจ็บกับอีกฝ่ายกลายเป็นเรื่องที่เพ้อฝันเสียแล้ว
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา!