กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา! นิยาย บท 500

เจียงซ่างเจินรีบเช็ดปาก พูดอย่างน่าสงสารว่า “ต่อให้อยู่ในซากปรักตระกูลเซียนแห่งนี้ การเรียกชื่ออริยะโดยตรงก็ยังไม่เหมาะสมอยู่ดี”

เฉินผิงอันยิ้มกล่าว “บุญคุณความแค้นบางอย่าง จะด่ามากขึ้นหรือด่าน้อยลงก็ไม่อาจเปลี่ยนแปลงอะไรได้”

“เฉินผิงอัน เจ้าพูดความในใจที่แท้จริงกับข้ามาเถอะ”

เจียงซ่างเจินกะพริบตาปริบๆ ขยับก้นเล็กน้อย ชี้ไปที่เหนือศีรษะ “ท่านผู้นั้นคิดจะฆ่าเจ้าให้ตายจริงๆ หรือ?”

เฉินผิงอันส่ายหน้า “ไม่ได้ถึงขนาดนั้น บัญชีเก่าถือว่าชำระกันไปได้พอสมควรแล้ว คนเขาเป็นถึงนายท่านเจ้าลัทธิที่ดูแลปวงประชาตลอดทั้งใต้หล้า ไม่ได้มีเวลาว่างมากขนาดนั้นมาสนใจข้า แต่แน่นอนว่าคงจะเห็นข้าขวางหูขวางตา เพราะฉะนั้นในอนาคตจะไปท่องเที่ยวที่ใต้หล้ามืดสลัวหรือไม่ ข้าก็ยังลังเลอยู่มาก”

เก้าทวีปของใต้หล้าไพศาล และยังมีอีกสามใต้หล้าที่เหลือ เฉินผิงอันล้วนอยากจะไปเยือนให้ครบทุกที่

เจียงซ่างเจินถึงได้ขยับมานั่งบนราวระเบียงอีกครั้ง หากลู่เฉินตัดสินใจเด็ดขาดว่าจะเล่นงานเฉินผิงอัน เขาก็จะวิ่งกลับไปเป็นเต่าหดหัวอยู่ที่ทะเลสาบซูเจี่ยนแห่งแจกันสมบัติทวีปแต่โดยดี ถึงอย่างไรน้ำในทะเลสาบก็ลึกขนาดนั้น ไม่เป็นตะพาบไม่เป็นเต่า หรือจะให้เป็นนกที่โบยบินออกจากผืนป่า? ตาเฒ่าสวินพร่ำพูดเป็นหมื่นรอบแล้วว่าพอไปถึงทะเลสาบซูเจี่ยนจะต้องรีบเข้าเมืองตาหลิ่วหลิ่วตาตาม ทำตัวเป็นงูเจ้าถิ่นตัวหนึ่ง อย่าได้ทำตัวเป็นมังกรข้ามแม่น้ำอะไรเด็ดขาด

เฉินผิงอันกล่าว “ข้ารู้ดีว่าเรื่องบางอย่างเจ้าก็ไม่อาจเข้าไปยุ่งเกี่ยวด้วยได้ ถ้าอย่างนั้นเจ้าก็แค่พูดเรื่องที่พอจะพูดได้ให้ฟังหน่อยได้ไหม?”

เจียงซ่างเจินจิบเหล้าหนึ่งคำ พยักหน้ารับ “เกาเฉิงมีจิตใจที่ทะเยอทะยานอย่างมาก เป็นความทะเยอทะยานที่สามารถทำให้คนตกใจตายได้ เขาถึงขนาดคิดจะสร้างวังยมบาลเมืองเฟิงตูที่อยู่ควบระหว่างโลกแห่งแสงสว่างและโลกแห่งความมืดขึ้นมา การเวียนว่ายตายเกิดของมนุษย์ล้วนเกิดขึ้น ณ ที่แห่งนี้ หากเขาทำสำเร็จ ก็จะมีข้อดีที่ใหญ่เทียมฟ้าอยู่สองอย่าง หนึ่งคือลมและน้ำของหุบเขาผีร้ายจะไหลย้อนกลับ ได้เลื่อนขั้นเป็นขอบเขตมหัศจรรย์ที่คล้ายคลึงกับถ้ำสวรรค์พื้นที่มงคล ไม่ใช่ฟ้าดินขนาดเล็กอะไรอีกต่อไป จะมีครบทั้งสามอย่างทั้งฟ้าดินและมนุษย์ สรรพสิ่งเกิดการเปลี่ยนแปลงหลากหลาย จะมีพระอาทิตย์ขึ้น พระอาทิตย์ตก มีสี่ฤดูกาล มีสภาพอากาศที่หมุนเวียนเปลี่ยนผันอย่างแท้จริง เขาเกาเฉิงก็คือเทพเทวดาบนสรวงสวรรค์อย่างสมชื่อ เมื่อเทียบกับอริยะทุกคนที่นั่งบัญชาการณ์ฟ้าดินขนาดเล็กแล้วยังถือว่าสูงกว่าอีกหนึ่งระดับ ไม่แน่ว่าอาจเดินขึ้นฟ้าได้ในก้าวเดียว เกาเฉิงจะได้เลื่อนจากขอบเขตหยกดิบข้ามขอบเขตเซียนเหริน เลื่อนสู่ขอบเขตบินทะยานไปโดยตรงอย่างรวดเร็ว ถึงเวลานั้นเกาเฉิงก็จะคล้ายคลึงกับ…สิ่งมีชีวิตแปลกประหลาดบนโลกไม่กี่ตนที่มีน้อยจนนับนิ้วได้เหล่านั้น จะได้รับอิสระเสรีที่แท้จริง สามารถฝ่ากรงขังของฟ้าดินไปได้ คนที่สามารถฆ่าเขาได้ มีความเป็นไปได้อย่างยิ่งว่าเนื่องจากมองไปสูงมองไปไกล จึงไม่แน่เสมอไปว่าจะลงมือ ส่วนคนที่อยากจะสังหารเกาเฉิงอย่างแท้จริง กลับไม่อาจทำได้”

“นอกจากนี้แล้วสงครามการเข่นฆ่าใดๆ ก็ตามที่เกิดขึ้นหลังจากนั้น ต่อให้ถูกสำนักพีหมากดกำราบอยู่ในหุบเขาผีร้ายจนเงยหัวไม่ขึ้น แต่กระนั้นเกาเฉิงและนครจิงกวานก็ถือว่ายืนอยู่ในสถานะมิพ่ายได้อย่างมั่นคง ถึงขั้นที่ว่าผู้ฝึกตนสำนักพีหมาทุกคนที่รบตายไปก็จะเท่ากับว่าช่วยเพิ่มรากฐานส่วนหนึ่งให้กับหุบเขาผีร้าย หากเกิดเรื่องใดๆ ขึ้นที่ศาลบรรพจารย์บนภูเขามู่อีอีก ไม่ทันระวังปล่อยให้เกาเฉิงนำกองทัพบุกออกมาสังหารถึงชายหาดโครงกระดูก จะต้องเดือดร้อนไปถึงราชวงศ์และแคว้นใต้อาณัติที่อยู่ตามลำคลองเหยาเย่ทางทิศเหนือ ถึงเวลานั้นอย่าว่าแต่สำนักพีหมาที่มีผู้ฝึกตนไม่ถึงสองร้อยคนเลย ต่อให้ร่วมมือกับตระกูลเซียนทางทิศใต้ทั้งหลายที่มีอักษรตัวจงอยู่ในชื่อ ก็ไม่มีทางได้เปรียบใดๆ เลย”

เจียงซ่างเจินใช้สองนิ้วคีบหูกาเหล้าแกว่งเบาๆ พลางเอ่ยเนิบช้า “ดังนั้นการกระทำเช่นนี้ของเกาเฉิงจึงเป็นเรื่องที่ละเมิดข้อต้องห้ามอย่างใหญ่หลวง แต่เกาเฉิงสามารถเปลี่ยนจากพลทหารราบธรรมดาที่ไร้แซ่ไร้สัญชาติคนหนึ่งเดินมาถึงก้าวนี้ได้ แน่นอนว่าต้องไม่โง่ จะลงมือทำอะไรล้วนกะน้ำหนักได้อย่างพอดิบพอดี วางแผนรอบคอบทุกก้าวย่าง ข้าเดาว่าภายในร้อยปี เขามีแต่จะยับยั้งตัวเองอย่างสุดความสามารถ เมื่อฮุบกลืนสำนักพีหมาได้แล้วก็จะหยุดมือ พอควบรวมอาณาเขตของชายหาดโครงกระดูกได้ เกาเฉิงก็จะหยุดเพียงเท่านี้ จากนั้นภายในระยะเวลาพันปี จะผูกสัมพันธ์กับคนไกลโจมตีคนใกล้ วางกลอุบายให้ภายในปรองดองภายนอกแตกแยก พยายามจะฮุบกลืนสำนักที่มีอักษรจงในชื่อมาเพิ่มอีกหนึ่งแห่ง ค่อยๆ วางแผนไปทีละขั้น นี่ก็จะทำให้นครจิงกวานมีความชอบธรรมมากขึ้นเรื่อยๆ สุดท้ายแล้วสำนักศึกษาลัทธิขงจื๊อจะทำอย่างไร ก็บอกได้ยาก เพราะกฎเกณฑ์มีมากเกินไป มักจะทะเลาะกับตัวเอง ไปๆ มาๆ ในสถานการณ์หลายๆ อย่างจึงมักจะกลายเป็นว่าไม้กลายเป็นเรือไปแล้ว”

“เป็นเหตุให้ช่วงเวลาระหว่างนี้ กลุ่มอิทธิพลที่จะปะทะกับเกาเฉิงอย่างเอาเป็นเอาตาย แท้จริงแล้วจะมีอยู่แค่สองกลุ่ม หนึ่งก็คือสำนักพีหมาที่คนตลอดทั้งสำนักมีนิสัยดื้อรั้น นอกจากนี้ก็คือลาหัวโล้นของลัทธิพุทธแล้ว เพราะถึงอย่างไรหากคนอื่นมาสร้างเมืองเฟิงตูอยู่ในโลกมนุษย์ บุกเบิกสังสารวัฎหกวิถีขึ้นมาโดยพลการ ย่อมเป็นสิ่งที่ลัทธิพุทธไม่ยินดีจะได้เห็นอย่างแน่นอน ส่วนลัทธิเต๋าของอุตรกุรุทวีป สกุลหยางตำหนักนภากาศของหน่วยฉงเสวียนราชวงศต้าหยวน รวมไปถึงเทียนจวินเซี่ยสือ กลับไม่แน่เสมอไปว่าจะรังเกียจการกระทำของเกาเฉิง คาดว่าฝ่ายแรกคงจะนั่งภูดูเสือกัดกัน ปล่อยให้เกาเฉิงกับกองกำลังลัทธิพุทธของอุตรกุรุทวีปลดทอนกำลังกันไปเอง โดยเฉพาะอย่างยิ่งฝ่ายหลังที่ถูกลดทอนอำนาจมากเท่าไหร่ก็ยิ่งดี ส่วนสาเหตุนั้น เจ้าเองก็น่าจะรู้แล้ว ข้าคงไม่พูดให้มากความ”

เจียงซ่างเจินยิ้มกล่าว “ประโยค ‘กระบี่บินอย่าไป’ นั้น เกาเฉิงเป็นคนตะโกนออกมาจากปากเอง”

เฉินผิงอันถอนหายใจ ก้มหน้าลงมองน้ำเต้าเลี้ยงกระบี่แล้วก็หวนนึกถึงรายละเอียดเล็กน้อยอย่างหนึ่งก่อนหน้านี้ขึ้นมา “เข้าใจแล้ว อย่างข้านี่เรียกว่าเด็กถือทองเดินอวดในตลาด แล้วก็ดันเดินไปชนกับเกาเฉิงแห่งนครจิงกวานอย่างจัง มิน่าเล่าเกาเฉิงถึงได้โมโหขนาดนี้ หากไม่เป็นเพราะศาลบรรพจารย์บนภูเขามู่อีเปิดค่ายกลใหญ่พิทักษ์ภูเขา คาดว่าต่อให้ข้าหนีออกจากหุบเขาผีร้ายมาได้ ก็คงไม่อาจออกมาจากชายหาดโครงกระดูกได้อยู่ดี”

เจียงซ่างเจินโบกมือกล่าว “เด็กอะไรกัน เจ้าไม่จำเป็นต้องดูแคลนตัวเองขนาดนี้ หากเปลี่ยนมาเป็นคำว่าราษฏรไม่มีความผิด เพราะถือหยกติดตัวจึงมีความผิดจะเหมาะสมกว่า”

เฉินผิงอันถาม “ตอนนี้เกาเฉิงคิดจะทำอะไร?”

เจียงซ่างเจินยิ้มกล่าว “คาดว่าคงกำลังทิ่มหุ่นฟางอยู่ในนครจิงกวานกระมัง หากโชควาสนาหลุดลอยไปแล้ว คิดจะคว้าไว้อีกครั้งก็ยากยิ่งกว่าเดินขึ้นสวรรค์ เรื่องราวประเภทนี้ยากที่จะใช้หลักการเหตุผลมาอธิบายให้เข้าใจ แต่คนบนภูเขา จะไม่เชื่อก็ไม่ได้ ยิ่งเป็นคนเฒ่าคนแก่ก็ยิ่งเชื่อ ดังนั้นกลับกลายเป็นว่าตอนนี้เจ้าไม่จำเป็นต้องเป็นกังวลให้มากนัก รอดพ้นจากหายนะใหญ่มาได้ย่อมต้องมีโชคดีรออยู่”

เฉินผิงอันยิ้มจืดเจื่อน “ตอนนี้ข้าไม่กล้าออกไปจากภูเขามู่อีด้วยซ้ำ ยิ่งไม่กล้าเดินทางขึ้นเหนือผ่านชายหาดโครงกระดูก สวรรค์เท่านั้นที่จะรู้ว่าเกาเฉิงจะแอบออกจากหุบเขาผีร้าย เอาดาบมาจ้วงแทงข้าซ้ำหรือไม่”

ขณะที่เจียงซ่างเจินกำลังจะอธิบายอย่างจริงจัง

เฉินผิงอันพลันหันไปมองทิศไกล สายตามืดทะมึน “หากเปลี่ยนข้าเป็นเกาเฉิง ขอแค่เฉินผิงอันยังกล้าท่องเที่ยวอยู่ในอุตรกุรุทวีป ก็ต้องตายอย่างแน่นอน”

ทันใดนั้นเจียงซ่างเจินก็พูดอะไรไม่ออกอีก

พูดมากไป เกลี้ยกล่อมให้เฉินผิงอันอยู่เที่ยวในอุตรกุรุทวีปต่อ กลับจะกลายเป็นว่าตนมีเจตนาไม่บริสุทธิ์

เฉินผิงอันหันหน้ามายิ้มให้ “เจียงซ่างเจิน ตอนอยู่ในหุบเขาผีร้าย เหตุใดเจ้าถึงต้องทำในสิ่งที่เกินความจำเป็น จงใจผูกปมแค้นกับเกาเฉิง? หากข้าเดาไม่ผิด อิงตามคำบอกของเจ้า ในเมื่อเกาเฉิงเป็นคนที่มีจิตใจห้าวหาญหยิ่งทระนงถึงเพียงนี้ ก็มีความเป็นไปได้สูงมากว่าจะเลือกทำการค้ากับสำนักกุยหยกของเจ้า เจ้าก็สามารถคล้อยตามสถานการณ์กลายไปเป็นแขกผู้มีเกียรติของนครจิงกวานได้”

เจียงซ่างเจินยิ้มบางๆ “ถ้าอย่างนั้นก็น่าจะเป็นเพราะข้าทำอะไรไปตามอารมณ์ ข้าคนนี้ทนเห็นสตรีถูกรังแกไม่ได้มากที่สุด แล้วก็ทนฟังถ้อยคำฮึกเหิมสั่งสอนคนอื่นที่ชวนให้ขนพองสยองเกล้าอย่างที่ผูหรางเอ่ยไม่ได้มากที่สุด”

เฉินผิงอันยื่นกาเหล้าออกมา เจียงซ่างเจินหยิบกาเหล้าของตัวเองออกมาชนกับเขาเบาๆ แล้วต่างคนก็ต่างดื่มกันไปคนละอึก

เจียงซ่างเจินพลันเอ่ยว่า “เจ้ารู้สึกว่าจู๋เฉวียนเป็นคนอย่างไร แล้วผูหรางล่ะเป็นคนอย่างไร? ยังมีสำนักพีหมานี่อีก นิสัยเป็นอย่างไร?”

เฉินผิงอันเอ่ย “คู่ควรแก่การเลื่อมใส”

เจียงซ่างเจินพยักหน้า “ถ้าหาก ข้าบอกว่าถ้าหาก เจ้าจะยังท่องเที่ยวอยู่ในอุตรกุรุทวีป ก็ต้องระวังตัวให้มากแล้ว พื้นที่แถบนี้มีคนอย่างจู๋เฉวียน ผูหรางอยู่ก็จริง แต่ก็อาจจะมีคนที่มองดูเหมือนไม่ต่างจากจู๋เฉวียนและผูหราง แต่แท้จริงแล้วกลับเจ้าเล่ห์และชั่วร้ายยิ่งกว่าข้าเจียงซ่างเจิน”

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา!