กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา! นิยาย บท 502

สรุปบท บทที่ 502.2 หลักการเหตุผลบางอย่างถูกต้องตามหลักฟ้าดิน: กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา!

บทที่ 502.2 หลักการเหตุผลบางอย่างถูกต้องตามหลักฟ้าดิน – ตอนที่ต้องอ่านของ กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา!

ตอนนี้ของ กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา! โดย Internet ถือเป็นช่วงเวลาสำคัญของนิยายกำลังภายในทั้งเรื่อง ด้วยบทสนทนาทรงพลัง ความสัมพันธ์ของตัวละครที่พัฒนา และเหตุการณ์ที่เปลี่ยนโทนเรื่องอย่างสิ้นเชิง บทที่ 502.2 หลักการเหตุผลบางอย่างถูกต้องตามหลักฟ้าดิน จะทำให้คุณอยากอ่านต่อทันที

ความคิดของหญิงสาวล่องลอยไปไกล

ตัวนางเองถือว่าเป็นผู้ฝึกตนที่โดดเด่นในกลุ่มของคนหนุ่มสาวจากหลายแคว้นซึ่งรวมแคว้นอิ๋นผิงเป็นหนึ่งในนั้น แต่เมื่อเทียบกับสองคนนั้นแล้ว นางรู้ดีว่าตัวเองยังห่างชั้นอีกไกลนัก คนหนึ่งคือเด็กหนุ่มที่อายุแค่สิบห้าปี เมื่อปีก่อนก็ได้เลื่อนขั้นเป็นขอบเขตถ้ำสถิตแล้ว ส่วนอีกคนหนึ่งคือสตรีที่อายุยี่สิบต้นๆ และยิ่งมีโชควาสนามาเยือนไม่ขาดสาย ตลอดเส้นทางของการฝึกตนล้วนพบเจอแต่ความราบรื่น นอกจากนี้ยังมีสมบัติหนักติดกาย หากไม่เป็นเพราะสำนักลำดับต้นๆ ทั้งสองเป็นศัตรูคู่อาฆาตกัน พวกเขาก็ต้องถือว่าเป็นคู่กุมารทองกุมารีหยกที่ฟ้าดินสร้างให้มาคู่กันแล้ว

อาณาเขตของหลายสิบแคว้น ตลอดทั้งบนและล่างภูเขา ดูเหมือนว่าต่างก็กำลังจับตามองการเติบโตและการงัดข้อกันระหว่างพวกเขาสองคน

ทุกครั้งที่พวกเขาสองคนได้พบเจอกันล้วนจะต้องกลายมาเป็นเรื่องเล่าอันงดงามที่ผู้คนฟังกันอย่างเพลิดเพลิน

อันที่จริงนางเองก็อิจฉาเหมือนกัน

เพราะเด็กหนุ่มผู้ฉลาดเฉลียวที่เกิดมาก็ถูกกำหนดมาแล้วว่าต้องเป็นที่จับตามองของคนมากมายผู้นั้นมีเนื้อหนังมังสาดุจดั่งเจ๋อเซียน นิสัยอบอุ่นอ่อนโยน อีกทั้งยังเชี่ยวชาญสี่ศาสตร์ไม่ว่าจะเป็นพิณ หมากล้อม พู่กันจีนหรือวาดภาพ นางคิดแล้วก็ไม่เข้าใจ เหตุใดใต้หล้านี้ถึงมีเด็กหนุ่มที่ทำให้สตรีแค่พบเห็นก็ลืมเลือนบุรุษธรรมดาสามัญที่เคยพานพบมาทั้งหมดเช่นนี้ได้?

บุรุษหนุ่มเห็นว่าศิษย์พี่หญิงของตนเหม่อลอยก็เข้าใจว่านางเป็นกังวลกับการเดินทางหลังจากนี้ จึงเอ่ยปลอบใจว่า “ศิษย์พี่หญิง หากไม่มั่นใจ พวกเราหาเด็กคนนั้นเจอแล้วก็กลับเถอะ ไม่จำเป็นต้องสนใจภัยพิบัติที่ไม่อาจหลีกเลี่ยงครั้งนี้ อาจารย์เคยบอกไว้ว่า ผู้ฝึกตนอย่างเราๆ ต้องปล่อยให้เป็นไปตามลิขิตสวรรค์ คล้อยไปตามสถานการณ์ ในเมื่อเมืองสุยเจี้ยเสวยสุขกับการถูกปกป้องจากทวยเทพมานานหลายร้อยปี ก็ควรถึงเวลาที่ต้องเผชิญหน้ากับภัยธรรมชาติที่ถูกกำหนดมาแล้วครั้งนี้”

สตรีพยักหน้ารับ จากนั้นก็เอ่ยเตือน “ระวังกำแพงมีหู”

บุรุษยิ้มกล่าว “หากจะบอกว่าในเมืองมีปลาและมังกรปะปนกัน คนแปลกประหลาดรวมตัวกันอยู่มากมาย ข้าก็เชื่อ แต่หากจะบอกว่าสามารถพบเจอยอดฝีมือนอกโลกได้ตั้งแต่หน้าประตูเมืองแห่งนี้…ข้าไม่เชื่อหรอก สำนักของพวกเราก็ไม่ถือว่าเล็กแล้ว เซียนซือผู้เฒ่า เซียนซือน้อยทั้งหลายบนภูเขา มีใครบ้างที่พวกเราไม่คุ้นหน้าคุ้นตา? หรือเจ้าคนเล่นละครลิงผู้นั้นจะเป็นเทพเซียนที่อำพรางตัวตนอย่างลึกลับ? หรือจะเป็นจอมยุทธหนุ่มสวมงอบผู้นั้นที่แท้จริงแล้วก็คือปรมาจารย์ใหญ่แห่งยุทธภพคนหนึ่ง?”

สตรีหน้าเปลี่ยนสีน้อยๆ “เจ้าลืมคำสั่งสอนของอาจารย์ไปแล้วหรือ ลงจากเขามาหาประสบการณ์ต้องระวังการกระทำและคำพูด!”

แม้ปากนางจะเอ่ยสั่งสอนเช่นนี้ ทว่าสายตาของหญิงสาวกลับเหลือบมองไปยังผู้เฒ่าที่มีลิงนั่งอยู่บนไหล่กับคนหนุ่มที่เดินเข้าไปใกล้รถเทียมวัวคันหนึ่งอย่างว่องไว แล้วใจนางก็สั่นเยือก ฝ่ายหลังนั้นไม่มีอะไร เพราะยังคงไม่รู้เรื่องรู้ราวว่าศิษย์น้องของตนพูดจาล่วงเกิน แต่ผู้เฒ่าที่เดิมทียื่นมือไปป้อนอาหารลิงน้อยบนไหล่กลับหันมามองนาง กระตุกมุมปาก สีหน้าไม่เป็นมิตร สตรีจึงลุกขึ้นยืนกุมหมัดคารวะขออภัย

แต่ผู้เฒ่ากลับไม่รับน้ำใจ สายตาของเขาไล่มองตั้งแต่หัวจรดเท้าของนางหนึ่งรอบ จากนั้นก็กระตุกยิ้มเย็นชามุมปาก แล้วก็ไม่มองต่ออีก ราวกับว่ารังเกียจเรือนร่างของนางอย่างไรอย่างนั้น

สตรีไม่ได้เก็บมาใส่ใจสักเท่าไร ทว่าศิษย์น้องของนางโมโหจนอกแทบจะระเบิด ตาแก่หนังเหนียวผู้นั้นบังอาจหยามเกียรติคนอื่นถึงขนาดนี้เชียวหรือ! เขาทำท่าจะเดินออกไป แต่กลับถูกศิษย์พี่หญิงกระตุกชายแขนเสื้อไว้เบาๆ แล้วส่ายหน้าให้ “เป็นพวกเราที่เสียมารยาทก่อน”

บุรุษหนุ่มจึงหันไปถลึงตามองผู้เฒ่าเลี้ยงลิงอย่างดุร้าย จดจำใบหน้าของอีกฝ่ายไว้ให้ขึ้นใจ หากเข้าไปในเมืองเมื่อไร ถึงเวลานั้นหากการช่วงชิงสมบัติเปิดฉากขึ้น กองกำลังของแต่ละฝ่ายปะปนกันจนไม่อาจแยกแยะได้แน่ชัด ต้องเกิดความวุ่นวายโกลาหลอย่างแน่นอน หากมีโอกาส ตนจะทำให้ตาแก่หนังเหนียวผู้นี้ได้เห็นดีกันแน่

อันที่จริงเฉินผิงอันล้วนเห็นทุกอย่างอยู่ในสายตา เขารู้สึกสะท้อนใจเล็กน้อย สองฝ่ายที่อยู่ดีไม่ว่าดีก็ผูกปมแค้นกันเสียอย่างนั้น นับว่านิสัยไม่ค่อยดีสักเท่าไรเลยจริงๆ

ในความเป็นจริงแล้วหลายสิบแคว้นโดยรอบแคว้นอิ๋นผิงนี้เป็นอาณาเขตแร้นแค้นที่ปราณวิญญาณบางเบา ไม่เหมาะแก่การฝึกตน ส่วนใหญ่มีแต่ผู้ฝึกยุทธที่กระทำการกำเริบเสิบสาน ซ่งหลันเฉียวแห่งเรือข้ามฟากของสวนน้ำค้างวสันต์บอกว่าผู้ฝึกลมปราณของที่นี่ก็คือกบใต้บ่อกลุ่มหนึ่งที่ดีแต่จะเก่งอยู่ในบ่อน้ำเล็กๆ ของตัวเอง ผู้ฝึกตนด้านนอกที่เดินอยู่บนมรรคาอย่างแท้จริงล้วนไม่สนใจผลกำไรเล็กน้อยเท่าหัวแมลงวันนั่น ผู้ฝึกตนที่อยู่ภายในก็ยินดีที่ไม่มีมังกรข้ามแม่น้ำมาสร้างความวุ่นวาย ปิดประตูแล้วก็สามารถวางอำนาจกันได้ตามสบาย มีผู้ฝึกตนโอสถทองขอบเขตเละเทะสองคนของสองสำนักใหญ่ที่เป็นศัตรูคู่อาฆาตกันเป็นผู้นำ ต่างคนต่างนำพาลูกสมุนของตัวเองตีกันไปตีกันมา ได้ยินมาว่าคุมเชิงกันมาหลายร้อยปีแล้ว

ถึงแม้ซ่งหลันเฉียวจะพูดจาง่ายๆ สบายๆ แต่เฉินผิงอันก็ยังเคยชินที่จะท่องอยู่ในยุทธภพด้วยความระมัดระวัง เพราะระมัดระวังย่อมขับเรือได้นานหมื่นปี

ผู้ฝึกตนบนภูเขามีวิชาอาคมนับพันนับหมื่นที่แปลกประหลาดอัศจรรย์ หากเปิดฉากเข่นฆ่ากันขึ้นมา ขอบเขตสูงต่ำ หรือแม้แต่ระดับขั้นของสมบัติอาคมดีหรือเลวล้วนไม่อาจเป็นตัวตัดสินได้ การข่มกันของห้าธาตุ ฟ้าอำนวยดินอวยพร โชควาสนาที่แปรเปลี่ยน แผนในที่มืดแผนที่โจ่งแจ้ง ล้วนเป็นตัวแปรได้ทั้งสิ้น

เข้ามาในเมืองแล้ว เพื่อหลีกเลี่ยงไม่ให้ชายฉกรรจ์ขายถ่านเข้าใจผิดคิดว่าตนมีเจตนาไม่บริสุทธิ์ เฉินผิงอันจึงไม่ได้ติดตามเขาไปที่ตลาดของศาลเทพอัคคีด้วย แต่ไปที่ศาลเทพอภิบาลเมืองก่อน

อันที่จริงเฉินผิงอันมองออกว่าชายฉกรรจ์คนนี้คือผู้ฝึกยุทธบริสุทธิ์คนหนึ่ง อยู่ที่ประมาณจุดสูงสุดของขอบเขตสาม พอเห็นว่าตนเผยกาย ชายฉกรรจ์ถึงได้จงใจเปลี่ยนลมหายใจเข้าออกให้ขุ่นมัว ฝีเท้าก็เบาและล่องลอย คิดดูแล้วเมื่ออยู่ในยุทธภพของแคว้นอิ๋นผิงก็น่าจะเป็นผู้ฝึกยุทธขอบเขตสามคนหนึ่งที่พื้นฐานไม่เลว เดิมทีควรจะพอมีชื่อเสียงอยู่บ้าง แต่เหตุใดถึงกลายมาเป็นคนตัดฟืนขายถ่าน หาเลี้ยงชีพอย่างยากลำบากพาให้คนในครอบครัวเดือดร้อน คิดดูแล้วคงจะมีเหตุผลของตัวเขาเอง เรื่องพวกนี้เฉินผิงอันไม่คิดจะไปสืบเสาะ เพราะท่านไม่ใช่ปลา ไหนเลยจะรู้ความสุขของปลา (เป็นประโยคที่จวงจื่อนักปราชญ์ชาวจีนพูดกับฮุ่ยจื่อนักปกครองและนักปรัชญาชาวจีน)

หลังจากที่ทั้งสองฝ่ายแยกทางกันแล้ว

เฉินผิงอันยิ้มกล่าว “ค่อนข้างจะแปลกใจ กำลังอยากจะถามเถ้าแก่ผู้เฒ่าพอดี มันเป็นมาอย่างไรหรือ?”

หากจะพูดถึงกฎเกณฑ์และข้อพิถีพิถันในศาลมากมายของใต้หล้าไพศาลแห่งนี้ อันที่จริงเฉินผิงอันเข้าใจอย่างกระจ่างชัดมานานแล้ว เพียงแต่ว่าอยากจะเข้าเมืองตาหลิ่วหลิ่วตาตาม และการทำตามที่ว่านั้น แน่นอนว่าเมื่อเข้าเมืองมาก็ต้องถามหาขนบธรรมเนียมของที่นั้นๆ ก่อน

เถ้าแก่ผู้เฒ่าเพียงยิ้ม แต่ไม่เอ่ยอะไร

เฉินผิงอันจึงรีบเชิญธูปกระบอกหนึ่งของทางร้าน

ติดกับแล้ว

เถ้าแก่ผู้เฒ่าหัวเราะร่าเสียงดัง แล้วถึงได้เริ่มเล่าเรื่องวงในให้ฟัง “เจ้าหนุ่ม แค่มองก็รู้ว่าเจ้าเป็นคนในยุทธภพ การที่เจ้าจะไม่รู้เรื่องในวงการขุนนางก็เป็นเรื่องปกติ ตำแหน่งบรรดาศักดิ์และตำแหน่งขุนนางในวงการขุนนางนั้นไม่ค่อยเหมือนกัน ยิ่งไม่ต้องพูดถึงระดับขั้นของเหล่านายท่านเทพเซียนที่ได้รับการตั้งบูชาเสวยควันธูปเหล่านี้เลย เป็นไง ฟังไม่เข้าใจแล้วล่ะสิ?”

เฉินผิงอันพยักหน้ารับ ยิ้มกล่าว “ค่อนข้างจะซับซ้อนไปสักหน่อย”

เถ้าแก่ผู้เฒ่าจึงเริ่มโอ้อวดความรู้ของตน เขาโคลงศีรษะเอ่ยว่า “ท่านเทพอภิบาลเมืองท่านนี้ของพวกเรา ในอดีตเคยเป็นแค่ท่านป๋อลำดับสี่ในยุคของฮ่องเต้ผู้บุกเบิกแคว้นเท่านั้น เพียงแต่ว่าควันธูปของเขาศักดิ์สิทธิ์มากเป็นพิเศษ เมื่อหลายปีก่อนหลังจากที่ฮ่องเต้พระองค์ใหม่ขึ้นครองราชย์ก็ได้ออกพระราชโองการแต่งตั้งท่านเทพอภิบาลเมืองของเราย้อนหลังให้เป็นท่านโหวลำดับสาม (ตำแหน่งบรรดาศักดิ์ในสมัยโบราณเรียงจากใหญ่มาเล็กได้แต่ อ๋อง (หวัง) กง โหว ป๋อ จื่อ หนัน) ตอนนั้นจัดงานยิ่งใหญ่เอิกเกริกนักล่ะ นายท่านเจ้ากรมพิธีการออกจากเมืองหลวงมาด้วยตัวเอง ขุนนางใหญ่ขนาดนั้นนำพระราชโองการมาที่เมืองสุยเจี้ยของพวกเรา พอเข้าเมืองมาก็เลือกวันฤกษ์งามยามดี ถนนที่อยู่ด้านนอกร้านสายนี้ เจ้าเห็นหรือยัง วันนั้นฟ้าไม่ทันสว่างก็มีพวกนักการกลุ่มใหญ่พากันมาชำระล้างทำความสะอาดตั้งแต่หัวจรดท้ายถนนหนึ่งรอบ แล้วยังไม่อนุญาตให้คนที่ไม่เกี่ยวข้องมามุงดู แล้วก็เพราะอยากร่วมความครึกครื้นครั้งนี้ คืนก่อนหน้านั้นข้าก็เลยมานอนในร้านเสียเลย นี่ถึงได้พบหน้านายท่านเจ้ากรมผู้นั้น จุ๊ๆ ไม่เสียแรงที่เป็นดาวเหวินชวี (ดาวมงคลที่ส่งผลในด้านการศึกษา คล้ายดาวประจำตัวของครูบาอาจารย์ คนที่รับราชการ ฯลฯ) ลงมาจุติ ต่อให้ได้เห็นไกลๆ แค่แวบเดียวก็ยังรู้สึกได้ถึงกลิ่นอายของความสูงศักดิ์”

เถ้าแก่ผู้เฒ่าพูดอย่างภาคภูมิใจ “ที่แห่งนี้ของพวกเรา อย่าเห็นว่าเป็นแค่เมืองแห่งหนึ่ง ทว่าการปฏิบัติที่ท่านเทพอภิบาลเมืองตำหนักหน้าท่านนั้นของพวกเราได้รับกลับเทียบเท่าได้กับเทพอภิบาลเมืองของเขตการปกครองแล้ว นอกจากศาลเทพอภิบาลเมืองในเมืองหลวงกับศาลเทพอภิบาลเมืองในเมืองหลวงแห่งที่สองแล้ว ก็ไม่มีที่ใดได้รับบรรดาศักดิ์สูงไปมากกว่านี้อีกแล้ว เจ้าหนุ่ม ในเมื่อเจ้าเชิญธูปแล้วก็ต้องไปกราบไหว้ในศาล ไปโขกหัวคำนับให้มากๆ หน่อย แม้จะบอกว่าแต่ไหนแต่ไรมาการขอพรในศาลเทพอภิบาลเมืองแห่งนี้ล้วนเป็นบัณฑิตที่ขอโชคด้านการศึกษาจะศักดิ์สิทธิ์มากกว่า แต่ท่านเทพอภิบาลเมืองของพวกเรามีตำแหน่งสูง ความสามารถยิ่งใหญ่ คิดดูแล้วหากเจ้ามีความจริงใจมากสักหน่อย ท่านก็ต้องช่วยปกป้องเจ้าอย่างแน่นอน”

—–

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา!