ความคิดของหญิงสาวล่องลอยไปไกล
ตัวนางเองถือว่าเป็นผู้ฝึกตนที่โดดเด่นในกลุ่มของคนหนุ่มสาวจากหลายแคว้นซึ่งรวมแคว้นอิ๋นผิงเป็นหนึ่งในนั้น แต่เมื่อเทียบกับสองคนนั้นแล้ว นางรู้ดีว่าตัวเองยังห่างชั้นอีกไกลนัก คนหนึ่งคือเด็กหนุ่มที่อายุแค่สิบห้าปี เมื่อปีก่อนก็ได้เลื่อนขั้นเป็นขอบเขตถ้ำสถิตแล้ว ส่วนอีกคนหนึ่งคือสตรีที่อายุยี่สิบต้นๆ และยิ่งมีโชควาสนามาเยือนไม่ขาดสาย ตลอดเส้นทางของการฝึกตนล้วนพบเจอแต่ความราบรื่น นอกจากนี้ยังมีสมบัติหนักติดกาย หากไม่เป็นเพราะสำนักลำดับต้นๆ ทั้งสองเป็นศัตรูคู่อาฆาตกัน พวกเขาก็ต้องถือว่าเป็นคู่กุมารทองกุมารีหยกที่ฟ้าดินสร้างให้มาคู่กันแล้ว
อาณาเขตของหลายสิบแคว้น ตลอดทั้งบนและล่างภูเขา ดูเหมือนว่าต่างก็กำลังจับตามองการเติบโตและการงัดข้อกันระหว่างพวกเขาสองคน
ทุกครั้งที่พวกเขาสองคนได้พบเจอกันล้วนจะต้องกลายมาเป็นเรื่องเล่าอันงดงามที่ผู้คนฟังกันอย่างเพลิดเพลิน
อันที่จริงนางเองก็อิจฉาเหมือนกัน
เพราะเด็กหนุ่มผู้ฉลาดเฉลียวที่เกิดมาก็ถูกกำหนดมาแล้วว่าต้องเป็นที่จับตามองของคนมากมายผู้นั้นมีเนื้อหนังมังสาดุจดั่งเจ๋อเซียน นิสัยอบอุ่นอ่อนโยน อีกทั้งยังเชี่ยวชาญสี่ศาสตร์ไม่ว่าจะเป็นพิณ หมากล้อม พู่กันจีนหรือวาดภาพ นางคิดแล้วก็ไม่เข้าใจ เหตุใดใต้หล้านี้ถึงมีเด็กหนุ่มที่ทำให้สตรีแค่พบเห็นก็ลืมเลือนบุรุษธรรมดาสามัญที่เคยพานพบมาทั้งหมดเช่นนี้ได้?
บุรุษหนุ่มเห็นว่าศิษย์พี่หญิงของตนเหม่อลอยก็เข้าใจว่านางเป็นกังวลกับการเดินทางหลังจากนี้ จึงเอ่ยปลอบใจว่า “ศิษย์พี่หญิง หากไม่มั่นใจ พวกเราหาเด็กคนนั้นเจอแล้วก็กลับเถอะ ไม่จำเป็นต้องสนใจภัยพิบัติที่ไม่อาจหลีกเลี่ยงครั้งนี้ อาจารย์เคยบอกไว้ว่า ผู้ฝึกตนอย่างเราๆ ต้องปล่อยให้เป็นไปตามลิขิตสวรรค์ คล้อยไปตามสถานการณ์ ในเมื่อเมืองสุยเจี้ยเสวยสุขกับการถูกปกป้องจากทวยเทพมานานหลายร้อยปี ก็ควรถึงเวลาที่ต้องเผชิญหน้ากับภัยธรรมชาติที่ถูกกำหนดมาแล้วครั้งนี้”
สตรีพยักหน้ารับ จากนั้นก็เอ่ยเตือน “ระวังกำแพงมีหู”
บุรุษยิ้มกล่าว “หากจะบอกว่าในเมืองมีปลาและมังกรปะปนกัน คนแปลกประหลาดรวมตัวกันอยู่มากมาย ข้าก็เชื่อ แต่หากจะบอกว่าสามารถพบเจอยอดฝีมือนอกโลกได้ตั้งแต่หน้าประตูเมืองแห่งนี้…ข้าไม่เชื่อหรอก สำนักของพวกเราก็ไม่ถือว่าเล็กแล้ว เซียนซือผู้เฒ่า เซียนซือน้อยทั้งหลายบนภูเขา มีใครบ้างที่พวกเราไม่คุ้นหน้าคุ้นตา? หรือเจ้าคนเล่นละครลิงผู้นั้นจะเป็นเทพเซียนที่อำพรางตัวตนอย่างลึกลับ? หรือจะเป็นจอมยุทธหนุ่มสวมงอบผู้นั้นที่แท้จริงแล้วก็คือปรมาจารย์ใหญ่แห่งยุทธภพคนหนึ่ง?”
สตรีหน้าเปลี่ยนสีน้อยๆ “เจ้าลืมคำสั่งสอนของอาจารย์ไปแล้วหรือ ลงจากเขามาหาประสบการณ์ต้องระวังการกระทำและคำพูด!”
แม้ปากนางจะเอ่ยสั่งสอนเช่นนี้ ทว่าสายตาของหญิงสาวกลับเหลือบมองไปยังผู้เฒ่าที่มีลิงนั่งอยู่บนไหล่กับคนหนุ่มที่เดินเข้าไปใกล้รถเทียมวัวคันหนึ่งอย่างว่องไว แล้วใจนางก็สั่นเยือก ฝ่ายหลังนั้นไม่มีอะไร เพราะยังคงไม่รู้เรื่องรู้ราวว่าศิษย์น้องของตนพูดจาล่วงเกิน แต่ผู้เฒ่าที่เดิมทียื่นมือไปป้อนอาหารลิงน้อยบนไหล่กลับหันมามองนาง กระตุกมุมปาก สีหน้าไม่เป็นมิตร สตรีจึงลุกขึ้นยืนกุมหมัดคารวะขออภัย
แต่ผู้เฒ่ากลับไม่รับน้ำใจ สายตาของเขาไล่มองตั้งแต่หัวจรดเท้าของนางหนึ่งรอบ จากนั้นก็กระตุกยิ้มเย็นชามุมปาก แล้วก็ไม่มองต่ออีก ราวกับว่ารังเกียจเรือนร่างของนางอย่างไรอย่างนั้น
สตรีไม่ได้เก็บมาใส่ใจสักเท่าไร ทว่าศิษย์น้องของนางโมโหจนอกแทบจะระเบิด ตาแก่หนังเหนียวผู้นั้นบังอาจหยามเกียรติคนอื่นถึงขนาดนี้เชียวหรือ! เขาทำท่าจะเดินออกไป แต่กลับถูกศิษย์พี่หญิงกระตุกชายแขนเสื้อไว้เบาๆ แล้วส่ายหน้าให้ “เป็นพวกเราที่เสียมารยาทก่อน”
บุรุษหนุ่มจึงหันไปถลึงตามองผู้เฒ่าเลี้ยงลิงอย่างดุร้าย จดจำใบหน้าของอีกฝ่ายไว้ให้ขึ้นใจ หากเข้าไปในเมืองเมื่อไร ถึงเวลานั้นหากการช่วงชิงสมบัติเปิดฉากขึ้น กองกำลังของแต่ละฝ่ายปะปนกันจนไม่อาจแยกแยะได้แน่ชัด ต้องเกิดความวุ่นวายโกลาหลอย่างแน่นอน หากมีโอกาส ตนจะทำให้ตาแก่หนังเหนียวผู้นี้ได้เห็นดีกันแน่
อันที่จริงเฉินผิงอันล้วนเห็นทุกอย่างอยู่ในสายตา เขารู้สึกสะท้อนใจเล็กน้อย สองฝ่ายที่อยู่ดีไม่ว่าดีก็ผูกปมแค้นกันเสียอย่างนั้น นับว่านิสัยไม่ค่อยดีสักเท่าไรเลยจริงๆ
ในความเป็นจริงแล้วหลายสิบแคว้นโดยรอบแคว้นอิ๋นผิงนี้เป็นอาณาเขตแร้นแค้นที่ปราณวิญญาณบางเบา ไม่เหมาะแก่การฝึกตน ส่วนใหญ่มีแต่ผู้ฝึกยุทธที่กระทำการกำเริบเสิบสาน ซ่งหลันเฉียวแห่งเรือข้ามฟากของสวนน้ำค้างวสันต์บอกว่าผู้ฝึกลมปราณของที่นี่ก็คือกบใต้บ่อกลุ่มหนึ่งที่ดีแต่จะเก่งอยู่ในบ่อน้ำเล็กๆ ของตัวเอง ผู้ฝึกตนด้านนอกที่เดินอยู่บนมรรคาอย่างแท้จริงล้วนไม่สนใจผลกำไรเล็กน้อยเท่าหัวแมลงวันนั่น ผู้ฝึกตนที่อยู่ภายในก็ยินดีที่ไม่มีมังกรข้ามแม่น้ำมาสร้างความวุ่นวาย ปิดประตูแล้วก็สามารถวางอำนาจกันได้ตามสบาย มีผู้ฝึกตนโอสถทองขอบเขตเละเทะสองคนของสองสำนักใหญ่ที่เป็นศัตรูคู่อาฆาตกันเป็นผู้นำ ต่างคนต่างนำพาลูกสมุนของตัวเองตีกันไปตีกันมา ได้ยินมาว่าคุมเชิงกันมาหลายร้อยปีแล้ว
ถึงแม้ซ่งหลันเฉียวจะพูดจาง่ายๆ สบายๆ แต่เฉินผิงอันก็ยังเคยชินที่จะท่องอยู่ในยุทธภพด้วยความระมัดระวัง เพราะระมัดระวังย่อมขับเรือได้นานหมื่นปี
ผู้ฝึกตนบนภูเขามีวิชาอาคมนับพันนับหมื่นที่แปลกประหลาดอัศจรรย์ หากเปิดฉากเข่นฆ่ากันขึ้นมา ขอบเขตสูงต่ำ หรือแม้แต่ระดับขั้นของสมบัติอาคมดีหรือเลวล้วนไม่อาจเป็นตัวตัดสินได้ การข่มกันของห้าธาตุ ฟ้าอำนวยดินอวยพร โชควาสนาที่แปรเปลี่ยน แผนในที่มืดแผนที่โจ่งแจ้ง ล้วนเป็นตัวแปรได้ทั้งสิ้น
เข้ามาในเมืองแล้ว เพื่อหลีกเลี่ยงไม่ให้ชายฉกรรจ์ขายถ่านเข้าใจผิดคิดว่าตนมีเจตนาไม่บริสุทธิ์ เฉินผิงอันจึงไม่ได้ติดตามเขาไปที่ตลาดของศาลเทพอัคคีด้วย แต่ไปที่ศาลเทพอภิบาลเมืองก่อน
อันที่จริงเฉินผิงอันมองออกว่าชายฉกรรจ์คนนี้คือผู้ฝึกยุทธบริสุทธิ์คนหนึ่ง อยู่ที่ประมาณจุดสูงสุดของขอบเขตสาม พอเห็นว่าตนเผยกาย ชายฉกรรจ์ถึงได้จงใจเปลี่ยนลมหายใจเข้าออกให้ขุ่นมัว ฝีเท้าก็เบาและล่องลอย คิดดูแล้วเมื่ออยู่ในยุทธภพของแคว้นอิ๋นผิงก็น่าจะเป็นผู้ฝึกยุทธขอบเขตสามคนหนึ่งที่พื้นฐานไม่เลว เดิมทีควรจะพอมีชื่อเสียงอยู่บ้าง แต่เหตุใดถึงกลายมาเป็นคนตัดฟืนขายถ่าน หาเลี้ยงชีพอย่างยากลำบากพาให้คนในครอบครัวเดือดร้อน คิดดูแล้วคงจะมีเหตุผลของตัวเขาเอง เรื่องพวกนี้เฉินผิงอันไม่คิดจะไปสืบเสาะ เพราะท่านไม่ใช่ปลา ไหนเลยจะรู้ความสุขของปลา (เป็นประโยคที่จวงจื่อนักปราชญ์ชาวจีนพูดกับฮุ่ยจื่อนักปกครองและนักปรัชญาชาวจีน)
หลังจากที่ทั้งสองฝ่ายแยกทางกันแล้ว
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา!